พบผลลัพธ์ทั้งหมด 502 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2614/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่รถไฟและการละเลยหน้าที่ ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถไฟชนรถยนต์ ผู้ประกอบการต้องรับผิด
จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยจำเลยที่ 3 มีหน้าที่ปิดกั้นแผงกั้นถนนเมื่อมีขบวนรถไฟวิ่งผ่านตรงที่ทางรถไฟตัดผ่านถนน ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ละทิ้งหน้าที่ไป ตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวงพระพุทธศักราช 2464 มาตรา 72 บัญญัติว่าเมื่อทางรถไฟผ่านข้ามถนนสำคัญเสมอระดับ ให้ทำประตูหรือขึงโซ่หรือทำราวกั้นขวางถนน ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่โดยตรงของจำเลยที่ 3 ต้องป้องกันภัยในการที่จะเดินรถไฟตัดผ่านถนนการที่จำเลยที่ 2 ไม่นำแผงมาปิดกั้นถนนขณะที่ขบวนรถไฟจะแล่นผ่านจึงเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ถือได้ว่าเป็นการประมาทอย่างร้ายแรงถ้าหากปิดแผงกั้นถนนแล้ว รถยนต์ของโจทก์ที่ 1 ก็ไม่อาจขับผ่านเข้าไปถึงทางรถไฟจนเกิดเหตุชนกันได้ จำเลยที่ 2 มีส่วนประมาทมากกว่าโจทก์ที่ 1 ที่จำเลยที่ 3 อ้างว่าวันเกิดเหตุพนักงานรถไฟบางส่วนนัดหยุดงาน ไม่สามารถหาคนมาปฏิบัติงานให้ทันท่วงทีได้นั้น จะถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ได้ จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิด
โจทก์มีสิทธิเรียกค่ารักษาพยาบาลที่ต้องรักษาต่อที่บ้าน ค่าทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า และค่าที่ต้องทนทุกข์เวทนาที่ได้รับจากการละเมิดของจำเลยได้
โจทก์มีสิทธิเรียกค่ารักษาพยาบาลที่ต้องรักษาต่อที่บ้าน ค่าทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า และค่าที่ต้องทนทุกข์เวทนาที่ได้รับจากการละเมิดของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2023/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถทางร่วมและการรับผิดในความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ขับรถยนต์ทางตรงผ่านทางแยกทางร่วมเร็วกว่ากำหนด ชนกับรถของจำเลยที่ขับเลี้ยวยื่นล้ำเข้าไปในทางรถของโจทก์1 เมตร ศาลให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ลดลง 2 ใน 5 มารดาโจทก์เป็นโรคอยู่ก่อนแต่ตายเพราะรถชนกันโดยจำเลยละเมิด จำเลยต้องรับผิด ค่าส่งศพกลับคืนไปประเทศภูมิลำเนาเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการปลงศพ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1863/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาททางจราจร: รถทางเอกต้องชะลอความเร็ว แม้ทางโทผิดก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
รถจำเลยที่ 2 ออกจากทางโทต้องระวังให้รถจำเลยที่ 1 ในทางเอกผ่านไปก่อน แต่รถในทางเอกก็ต้องชะลอความเร็วลง รถทั้งสองชนกันในทางเอก รถในทางเอกเลยไปชนรถโจทก์เสียหาย รถทั้งสองต้องร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่ศาลให้รถจำเลยที่ 1 รับผิดหนึ่งในสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ประกอบการไฟฟ้าต่อความเสียหายจากเสาไฟล้มเนื่องจากไฟไหม้หญ้า
กระแสไฟฟ้าที่จำเลยจัดให้มีขึ้นเพื่อจำหน่ายเป็นของที่เกิดอันตรายได้โดยสภาพ ผู้ครอบครองต้องรับผิดถ้าเกิดความเสียหายขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วรรคสอง เมื่อจำเลยยอมรับว่าเสาไฟที่หักเป็นทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองของจำเลย จำเลยจะพ้นผิดก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่าเป็นความผิดของโจทก์ผู้เสียหายเองหรือเกิดจากเหตุสุดวิสัย
ข้อเท็จจริงได้ความว่าเสาไฟที่หักเป็นเสาไม้เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1 คืบขึงสายไฟแรงสูง 10,000 โวลท์ 3 เส้นบนหัวเสา ปักอยู่ในทุ่งหญ้ามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 ทุกปีจะมีไฟไหม้ทุ่งหญ้า เสาไฟต้นที่ปักถัดไปเคยถูกไฟไหม้หักมาแล้ว หญ้าในทุ่งเต็มมาถึงโคนเสาไฟ ไม่เคยมีใครเข้าไปถางหญ้าโคนเสา ไฟไหม้หญ้าเป็นทางมาถึงโคนเสาที่หัก เช่นนี้ เห็นว่า เจ้าหน้าที่ของจำเลยควรรู้ได้เป็นอย่างดีว่าบริเวณนั้นมีไฟไหม้หญ้ามาติดเสาไฟซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว ถ้าใช้ความระมัดระวังไม่ปล่อยให้มีหญ้าขึ้นอยู่เต็มที่โคนเสาไฟก็อาจป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก จึงอยู่ในวิสัยที่จำเลยจะป้องกันได้ อันตรายที่เกิดขึ้นถือไม่ได้ว่าเกิดแต่เหตุสุดวิสัย จำเลยจึงไม่พ้นความรับผิด
ข้อเท็จจริงได้ความว่าเสาไฟที่หักเป็นเสาไม้เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1 คืบขึงสายไฟแรงสูง 10,000 โวลท์ 3 เส้นบนหัวเสา ปักอยู่ในทุ่งหญ้ามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 ทุกปีจะมีไฟไหม้ทุ่งหญ้า เสาไฟต้นที่ปักถัดไปเคยถูกไฟไหม้หักมาแล้ว หญ้าในทุ่งเต็มมาถึงโคนเสาไฟ ไม่เคยมีใครเข้าไปถางหญ้าโคนเสา ไฟไหม้หญ้าเป็นทางมาถึงโคนเสาที่หัก เช่นนี้ เห็นว่า เจ้าหน้าที่ของจำเลยควรรู้ได้เป็นอย่างดีว่าบริเวณนั้นมีไฟไหม้หญ้ามาติดเสาไฟซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว ถ้าใช้ความระมัดระวังไม่ปล่อยให้มีหญ้าขึ้นอยู่เต็มที่โคนเสาไฟก็อาจป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก จึงอยู่ในวิสัยที่จำเลยจะป้องกันได้ อันตรายที่เกิดขึ้นถือไม่ได้ว่าเกิดแต่เหตุสุดวิสัย จำเลยจึงไม่พ้นความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ประกอบการไฟฟ้าต่อความเสียหายจากเสาไฟฟ้าล้มเนื่องจากไฟไหม้หญ้า
กระแสไฟฟ้าที่จำเลยจัดให้มีขึ้นเพื่อจำหน่ายเป็นของที่เกิดอันตรายได้โดยสภาพ ผู้ครอบครองต้องรับผิดถ้าเกิดความเสียหายขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วรรคสอง เมื่อจำเลยยอมรับว่าเสาไฟที่หักเป็นทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองของจำเลย จำเลยจะพ้นผิดก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่าเป็นความผิดของโจทก์ผู้เสียหายเองหรือเกิดจากเหตุสุดวิสัย
ข้อเท็จจริงได้ความว่าเสาไฟที่หักเป็นเสาไม้เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1 คืบขึงสายไฟแรงสูง 10,000โวลท์ 3 เส้นบนหัวเสา ปักอยู่ในทุ่งหญ้ามาตั้งแต่ปีพ.ศ.2511 ทุกปีจะมีไฟไหม้ทุ่งหญ้า เสาไฟต้นที่ปักถัดไปเคยถูกไฟไหม้หักมาแล้ว หญ้าในทุ่งเต็มมาถึงโคนเสาไฟ ไม่เคยมีใครเข้าไปถางหญ้าโคนเสา ไฟไหม้หญ้าเป็นทางมาถึงโคนเสาที่หักเช่นนี้ เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของจำเลยควรรู้ได้เป็นอย่างดีว่าบริเวณนั้นมีไฟไหม้หญ้ามาติดเสาไฟซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว ถ้าใช้ความระมัดระวังไม่ปล่อยให้มีหญ้าขึ้นอยู่เต็มที่โคนเสาไฟก็อาจป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก จึงอยู่ในวิสัยที่จำเลยจะป้องกันได้ อันตรายที่เกิดขึ้นถือไม่ได้ว่าเกิดแต่เหตุสุดวิสัย จำเลยจึงไม่พ้นความรับผิด
ข้อเท็จจริงได้ความว่าเสาไฟที่หักเป็นเสาไม้เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1 คืบขึงสายไฟแรงสูง 10,000โวลท์ 3 เส้นบนหัวเสา ปักอยู่ในทุ่งหญ้ามาตั้งแต่ปีพ.ศ.2511 ทุกปีจะมีไฟไหม้ทุ่งหญ้า เสาไฟต้นที่ปักถัดไปเคยถูกไฟไหม้หักมาแล้ว หญ้าในทุ่งเต็มมาถึงโคนเสาไฟ ไม่เคยมีใครเข้าไปถางหญ้าโคนเสา ไฟไหม้หญ้าเป็นทางมาถึงโคนเสาที่หักเช่นนี้ เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของจำเลยควรรู้ได้เป็นอย่างดีว่าบริเวณนั้นมีไฟไหม้หญ้ามาติดเสาไฟซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว ถ้าใช้ความระมัดระวังไม่ปล่อยให้มีหญ้าขึ้นอยู่เต็มที่โคนเสาไฟก็อาจป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก จึงอยู่ในวิสัยที่จำเลยจะป้องกันได้ อันตรายที่เกิดขึ้นถือไม่ได้ว่าเกิดแต่เหตุสุดวิสัย จำเลยจึงไม่พ้นความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความประมาทในคดีรถชน: ข้อสันนิษฐานตามประกาศคปต. และพยานหลักฐาน
ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 59 มาตรา 30 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 เป็นแต่สันนิษฐานไว้ก่อนว่าคนขับรถที่หลบหนีเป็นผู้กระทำผิด ไม่ใช่สันนิษฐานเด็ดขาด มีผลผูกมัดเฉพาะผู้กระทำผิดซึ่งเข้ามาเป็นคู่ความเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 608/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ครอบครองท่าเรือต่อความเสียหายจากสภาพท่าเรือที่ไม่ปลอดภัย
จำเลยผู้เดียวเป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์จากท่าเรือสี่พระยา ขณะเกิดเหตุเรือของจำเลยกำลังเข้าเทียบท่าเพื่อรับคนโดยสารได้มีผู้โดยสารลงไปที่โป๊ะจำนวนมาก ทำให้สะพานไม้ที่ทอดไปสู่โป๊ะหัก เป็นเหตุให้โป๊ะคว่ำจมน้ำ บุตรโจทก์ซึ่งรอโดยสารเรือของจำเลยที่โป๊ะจมน้ำตาย การตายของบุตรโจทก์เป็นผลโดยตรงของการประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ไม่ระมัดระวังดูแลให้สะพานท่าเทียบเรืออยู่ในสภาพแข็งแรงมั่นคง ปล่อยให้สะพานไม้ที่ทอดสู่โป๊ะหัก จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2191/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัยรถยนต์: การประเมินความเสียหาย, ใบอนุญาตขับขี่, และความรับผิดจากความประมาท
โจทก์บรรยายฟ้องถึงสภาพความเสียหายของรถโจทก์ว่าได้เกิดชนกับรถยนต์บรรทุกน้ำมันจนพลิกคว่ำตกจากถนนลงไปในคูน้ำข้างทางด้วยกันทั้งคู่ โจทก์ต้องเสียค่าจ้างยกรถขึ้นจากคู ค่าลากรถไปเข้าอู่ซ่อม และค่าซ่อมไปเป็นเงินเท่าใด ในแต่ละรายการพอที่วิญญูชนจะเข้าใจได้ถึงสภาพแห่งความเสียหายโดยแจ้งชัดพอสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว ส่วนรายละเอียดแห่งการซ่อม การเปลี่ยนแปลงอะไหล่ชิ้นส่วนใดบ้างนั้น เป็นเรื่องที่จะนำสืบให้ปรากฏในชั้นพิจารณา หาจำต้องบรรยายรายละเอียดมาในฟ้องทั้งหมดไม่
จำเลยรับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของโจทก์ คนขับรถของโจทก์ขับชนกับรถอื่นความรับผิดของโจทก์ที่มีต่อเจ้าของรถที่ถูกชนนั้นได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันละเมิดสัญญาประกันภัยค้ำจุนดังกล่าวก็คลุมถึงค่าทดแทนแก่บุคคลภายนอกอันเกิดจากการใช้รถที่เอาประกันอยู่แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องให้จำเลยรับผิดในค่าทดแทนเท่าที่โจทก์ยังไม่ได้ใช้ค่าเสียหายแก่รถอีกคันหนึ่งนั้น
ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ.2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 ผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตขับขี่ตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497มาตรา 34 อาจเป็นผู้ได้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนการขนส่งก็ได้ หาจำเป็นจะต้องได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ประเภทสาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์มาก่อนแล้วแต่เพียงประการเดียวไม่เมื่อคนขับรถของโจทก์มีใบอนุญาตขับรถของกรมการขนส่ง แม้ใบอนุญาตของกรมตำรวจถูกยึดไปก็ไม่ถือว่าผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ที่ยกเว้นความรับผิดในกรณีที่คนขับรถของโจทก์ไม่มีใบอนุญาตขับรถ
คนขับรถของโจทก์ประมาทฝ่าฝืนกฎจราจรจึงเกิดเหตุขึ้น เป็นข้อที่จำเลยต้องรับผิดตามเงื่อนไขในกรมธรรม์นั้นเอง จึงไม่เป็นเหตุยกเงินความรับผิดเพราะฝ่าฝืนกฎจราจร.
จำเลยรับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของโจทก์ คนขับรถของโจทก์ขับชนกับรถอื่นความรับผิดของโจทก์ที่มีต่อเจ้าของรถที่ถูกชนนั้นได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันละเมิดสัญญาประกันภัยค้ำจุนดังกล่าวก็คลุมถึงค่าทดแทนแก่บุคคลภายนอกอันเกิดจากการใช้รถที่เอาประกันอยู่แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องให้จำเลยรับผิดในค่าทดแทนเท่าที่โจทก์ยังไม่ได้ใช้ค่าเสียหายแก่รถอีกคันหนึ่งนั้น
ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ.2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 ผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตขับขี่ตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497มาตรา 34 อาจเป็นผู้ได้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนการขนส่งก็ได้ หาจำเป็นจะต้องได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ประเภทสาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์มาก่อนแล้วแต่เพียงประการเดียวไม่เมื่อคนขับรถของโจทก์มีใบอนุญาตขับรถของกรมการขนส่ง แม้ใบอนุญาตของกรมตำรวจถูกยึดไปก็ไม่ถือว่าผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ที่ยกเว้นความรับผิดในกรณีที่คนขับรถของโจทก์ไม่มีใบอนุญาตขับรถ
คนขับรถของโจทก์ประมาทฝ่าฝืนกฎจราจรจึงเกิดเหตุขึ้น เป็นข้อที่จำเลยต้องรับผิดตามเงื่อนไขในกรมธรรม์นั้นเอง จึงไม่เป็นเหตุยกเงินความรับผิดเพราะฝ่าฝืนกฎจราจร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ: การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดและไม่ลดความเร็วเมื่อเห็นรถอื่นเลี้ยว
จำเลยที่ 2 ขับรถผ่านทางแยกด้วยความเร็วสูงกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเกินกว่าอัตราความเร็วที่กฎหมายกำหนด ทั้งๆ ที่จำเลยที่ 2 เห็นอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 กำลังขับรถเลี้ยวขวาผ่านทางแยก ขณะที่เห็นรถจำเลยที่ 2 อยู่ห่างทางแยกถึง 40 เมตร ซึ่งเป็นระยะทางไกลพอสมควรที่จำเลยที่ 2 สามารถจะลดความเร็วลงได้ให้พอแก่ความปลอดภัย แต่หาได้กระทำไม่ เป็นเหตุให้ชนรถที่จำเลยที่ 1 ขับ จนมีผู้ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำโดยประมาทแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง และการคำนวณค่าขาดไร้อุปการะที่เหมาะสม
จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของรถบรรทุกนำมาร่วมกิจการขนส่งกับห้างจำเลยที่ 4 ลูกจ้างผู้ขับรถคันนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 และที่ 4
เมื่อได้ความว่าห้างจำเลยที่ 4 ยังประกอบการขนส่งสาธารณะอยู่ แม้ใบอนุญาตขนส่งจะหมดอายุแล้ว ห้างจำเลยที่ 4 ก็ยังไม่พ้นความรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ลูกจ้างกระทำลงในการขนส่งนั้น
แม้ผู้ตายจะมีอายุ 64 ปี แต่ร่างกายยังแข็งแรงไม่เจ็บป่วยยังสามารถประกอบอาชีพได้ ถ้าหากผู้ตายไม่ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตายเสียก่อนย่อมเป็นที่คาดหมายได้ว่าผู้ตายจะมีชีวิตต่อไปอีกมากกว่า 2 ปี โจทก์ซึ่งเป็นภริยาไม่มีรายได้อย่างอื่นนอกจากเงินเดือนที่ผู้ตายมอบให้เดือนละ 5,000 บาทตามพฤติการณ์ดังกล่าวที่ศาลล่างกำหนดค่าขาดไร้อุปการะเดือนละ 2,000 บาทเป็นเวลา 4 ปี เป็นเงิน 96,000 บาท จึงเป็นการเหมาะสมแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ว่าทำละเมิดและฟ้องจำเลยที่ 3 ที่ 4 ในฐานะนายจ้างให้ร่วมรับผิดด้วยกรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรลดค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยที่ 3 ที่ 4 จะพึงชดใช้แก่โจทก์ลง แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกาศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ด้วย
เมื่อได้ความว่าห้างจำเลยที่ 4 ยังประกอบการขนส่งสาธารณะอยู่ แม้ใบอนุญาตขนส่งจะหมดอายุแล้ว ห้างจำเลยที่ 4 ก็ยังไม่พ้นความรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ลูกจ้างกระทำลงในการขนส่งนั้น
แม้ผู้ตายจะมีอายุ 64 ปี แต่ร่างกายยังแข็งแรงไม่เจ็บป่วยยังสามารถประกอบอาชีพได้ ถ้าหากผู้ตายไม่ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตายเสียก่อนย่อมเป็นที่คาดหมายได้ว่าผู้ตายจะมีชีวิตต่อไปอีกมากกว่า 2 ปี โจทก์ซึ่งเป็นภริยาไม่มีรายได้อย่างอื่นนอกจากเงินเดือนที่ผู้ตายมอบให้เดือนละ 5,000 บาทตามพฤติการณ์ดังกล่าวที่ศาลล่างกำหนดค่าขาดไร้อุปการะเดือนละ 2,000 บาทเป็นเวลา 4 ปี เป็นเงิน 96,000 บาท จึงเป็นการเหมาะสมแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ว่าทำละเมิดและฟ้องจำเลยที่ 3 ที่ 4 ในฐานะนายจ้างให้ร่วมรับผิดด้วยกรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรลดค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยที่ 3 ที่ 4 จะพึงชดใช้แก่โจทก์ลง แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกาศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ด้วย