คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฉ้อโกง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 938 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจัดหางานต่างประเทศและการประกอบธุรกิจจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยเป็นผู้ติดต่อชักจูงให้ผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศและรับเงินบางส่วนจากผู้เสียหายไว้ ทั้งยังเป็นผู้เขียนแผนที่ให้ผู้เสียหายเดินทางไปหาพวกจำเลยที่ กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปทำงาน จำเลยก็เป็นผู้ติดต่อกับพวกจำเลยเพื่อให้คืนเงินแก่ผู้เสียหายการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะที่แบ่งแยกหน้าที่กันทำในระหว่างจำเลยกับพวก หาใช่เป็นแต่เพียงผู้แนะนำให้ผู้ประสงค์จะไปทำงานในต่างประเทศติดต่อกับผู้ที่จะจัดส่งเองโดยตรงเท่านั้นไม่และการที่จำเลยกับพวกรับเงินผู้เสียหายไปแล้วไม่ดำเนินการให้ผู้เสียหายได้เดินทางไปทำงาน ตามที่จำเลยกับพวกพูดรับรองไว้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
จำเลยกับพวกเคยส่งบุคคลอื่นไป ไต้หวัน โดยให้ถือหนังสือเดินทานักท่องเที่ยวแล้วมีนายจ้างมาคัดเลือกไปทำงานเมื่อไปถึง โดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจัดหางานต่างประเทศ: จำเลยชักจูงผู้เสียหายรับเงิน แต่ไม่ได้จัดหางานจริง มีความผิดทั้งฉ้อโกงและประกอบธุรกิจจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยเป็นผู้ติดต่อชักจูงให้ผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศ และรับเงินบางส่วนจากผู้เสียหายไว้ ทั้งยังเป็นผู้เขียนแผนที่ให้ผู้เสียหายเดินทางไปหาพวกจำเลยที่กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปทำงาน จำเลยก็เป็นผู้ติดต่อกับพวกจำเลยเพื่อให้คืนเงินแก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะที่แบ่งแยกหน้าที่กันทำในระหว่างจำเลยกับพวกหาใช่เป็นแต่เพียงผู้แนะนำให้ผู้ประสงค์จะไปทำงานในต่างประเทศติดต่อกับผู้ที่จะจัดส่งเองโดยตรงเท่านั้นไม่ และการที่จำเลยกับพวกรับเงินผู้เสียหายไปแล้วไม่ดำเนินการให้ผู้เสียหายได้เดินทางไปทำงานตามที่จำเลยกับพวกพูดรับรองไว้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง.
จำเลยกับพวกเคยส่งบุคคลอื่นไปไต้หวันโดยให้ถือหนังสือเดินทางนักท่องเที่ยวแล้วมีนายจ้างมาคัดเลือกไปทำงานเมื่อไปถึง โดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจ จัดหางานให้แก่คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจัดหางานต่างประเทศ: เจตนาทุจริตและประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยเป็นผู้ติดต่อชักจูงให้ผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศและรับเงินค่าใช้จ่ายบางส่วนจากผู้เสียหายไว้ ทั้งยังเป็นผู้เขียนแผนที่ให้ผู้เสียหายเดินทางไปหาพวกจำเลยที่กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปทำงาน จำเลยก็เป็นผู้ติดต่อกับพวกจำเลยเพื่อให้คืนเงินแก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเข้าลักษณะที่แบ่งแยกหน้าที่กันทำในระหว่างจำเลยกับพวก และการที่จำเลยกับพวกรับเงินผู้เสียหายไปแล้วไม่ดำเนินการให้ผู้เสียหายได้เดินทางไปทำงานตามที่พูดรับรองไว้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง จำเลยกับพวกเคยส่งบุคคลอื่นไปทำงานต่างประเทศโดยให้ถือหนังสือเดินทางนักท่องเที่ยวแล้วมีนายจ้างมาคัดเลือกไปทำงานเมื่อไปถึงโดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางาน เพื่อไปทำงานในต่างประเทศ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจัดหางานต่างประเทศ - ความผิดฐานฉ้อโกงและประกอบธุรกิจจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยเป็นผู้ติดต่อชักจูงให้ผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศและรับเงินบางส่วนจากผู้เสียหายไว้ ทั้งยังเป็นผู้เขียนแผนที่ให้ผู้เสียหายเดินทางไปหาพวกจำเลยที่ กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปทำงาน จำเลยก็เป็นผู้ติดต่อกับพวกจำเลยเพื่อให้คืนเงินแก่ผู้เสียหายการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะที่แบ่งแยกหน้าที่กันทำในระหว่างจำเลยกับพวก หาใช่เป็นแต่เพียงผู้แนะนำให้ผู้ประสงค์จะไปทำงานในต่างประเทศติดต่อกับผู้ที่จะจัดส่งเองโดยตรงเท่านั้นไม่และการที่จำเลยกับพวกรับเงินผู้เสียหายไปแล้วไม่ดำเนินการให้ผู้เสียหายได้เดินทางไปทำงาน ตามที่จำเลยกับพวกพูดรับรองไว้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง จำเลยกับพวกเคยส่งบุคคลอื่นไป ไต้หวัน โดยให้ถือหนังสือเดินทานักท่องเที่ยวแล้วมีนายจ้างมาคัดเลือกไปทำงานเมื่อไปถึง โดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉ้อโกงต้องได้ทรัพย์สินมาโดยการหลอกลวง การผิดสัญญาแชร์ไม่ถือเป็นฉ้อโกง
ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นความผิดที่มีผลเกิดขึ้นต่างหากจากการกระทำ คือต้องเป็นการได้ไปซึ่งทรัพย์สินโดยการหลอกลวง ดังนี้ การที่จำเลยได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายโดยการเล่นแชร์ ซึ่งเล่นกันจำนวน 90 มือ มีการประมูลแชร์และเก็บเงินจากผู้เล่นให้แก่ผู้ประมูลได้ถึง 57มือแล้ว ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าวงผิดนัด ไม่เก็บเงินจากผู้เล่นแชร์และไม่ดำเนินการประมูลแชร์ต่อไปตามหน้าที่ จึงเป็นการผิดสัญญาเล่นแชร์ซึ่งเป็นความผูกพันทางแพ่ง การกระทำของจำเลยหาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฉ้อโกงต้องมีการหลอกลวงให้ได้ทรัพย์สิน การผิดสัญญาเล่นแชร์ไม่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง
ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นความผิดที่มีผลเกิดขึ้นต่างหากจากการกระทำ คือต้องเป็นการได้ไปซึ่งทรัพย์สินโดยการหลอกลวงการที่จำเลยได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายโดยการเล่นแชร์ ซึ่งเล่นกันจำนวน 90 มือ มีการประมูลแชร์และเก็บเงินจากผู้เล่นให้แก่ผู้ประมูลได้ถึง 57 มือแล้ว ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าวงผิดนัดไม่เก็บเงินจากผู้เล่นแชร์และไม่ดำเนินการประมูลแชร์ต่อไปตามหน้าที่ จึงเป็นการผิดสัญญาเล่นแชร์ซึ่งเป็นความผูกพันทางแพ่งการกระทำของจำเลยหาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากของตนเองคืนจากเจ้าหนี้ ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง เพราะเจ้าหนี้ไม่สามารถถอนเงินได้จริง
จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 20,000 บาท ตกลงผ่อนชำระคืนเดือนละ 4,000 บาท ในการนี้จำเลยมอบสมุดเงินฝากสะสมทรัพย์ของจำเลยพร้อมด้วยใบมอบฉันทะให้ถอนเงิน 5 ฉบับ ๆ ละ 4,000 บาท ให้แก่โจทก์ เพื่อโจทก์ไปเบิกเงินมาชำระหนี้ดังกล่าว แม้ต่อมาจำเลยจะหลอกลวงโจทก์จนโจทก์หลงเชื่อมอบสมุดเงินฝากของจำเลยให้แก่จำเลยไป แต่จำเลยมีอำนาจสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามใบมอบฉันทะให้ถอนเงินได้ทุกเมื่อทั้งยังปรากฏว่าในขณะที่จำเลยหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากคืนไปจากโจทก์นั้น เงินในบัญชีธนาคารของจำเลยมีจำนวนไม่ถึง 4,000 บาท โจทก์ย่อมไม่อาจถอนเงินตามใบมอบฉันทะดังกล่าวได้ แม้โจทก์จะมีสมุดเงินฝากของจำเลยและจำเลยไม่สั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินก็ตาม การที่จำเลยหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากของจำเลยเองไปจากโจทก์จึงไม่ทำให้จำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากโจทก์ และไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากของตนเองคืนจากเจ้าหนี้ ไม่ถือว่าฉ้อโกง เพราะเจ้าหนี้ไม่สามารถถอนเงินได้จริง
จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 20,000 บาท ตกลงผ่อนชำระคืนเดือนละ4,000 บาท ในการนี้จำเลยมอบสมุดเงินฝากสะสมทรัพย์ของจำเลยพร้อมด้วยใบมอบฉันทะให้ถอนเงิน 5 ฉบับ ๆ ละ 4,000 บาท ให้แก่โจทก์เพื่อโจทก์ไปเบิกเงินมาชำระหนี้ดังกล่าว แม้ต่อมาจำเลยจะหลอกลวงโจทก์จนโจทก์หลงเชื่อมอบสมุดเงินฝากของจำเลยให้แก่จำเลยไปแต่จำเลยมีอำนาจสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามใบมอบฉันทะให้ถอนเงินได้ทุกเมื่อทั้งยังปรากฏว่าในขณะที่จำเลยหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากคืนไปจากโจทก์นั้น เงินในบัญชีธนาคารของจำเลยมีจำนวนไม่ถึง 4,000 บาท โจทก์ย่อมไม่อาจถอนเงินตามใบมอบฉันทะดังกล่าวได้ แม้โจทก์จะมีสมุดเงินฝากของจำเลยและจำเลยไม่สั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินก็ตาม การที่จำเลยหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากของจำเลยเองไปจากโจทก์จึงไม่ทำให้จำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากโจทก์ และไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2264/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของผู้ที่ถูกหลอกลวงให้ช่วยชักชวนลงทุน และไม่มีส่วนรู้เห็นในการฉ้อโกง
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มาสอบถามจำเลยที่ 7 และที่8 เพื่อประสงค์จะเล่นแชร์น้ำมันชาร์เตอร์ เอง เพราะทราบข่าวจากผู้อื่น หาใช่จำเลยที่ 7 และที่ 8 เอา ความเท็จไปพูดหลอกลวงโจทก์ทั้งสามแต่แรกไม่ การที่จำเลยที่ 7ซึ่งเป็นหัวหน้าสายของบริษัทชาร์เตอร์ ฯ จำเลยที่ 1 หาเงินมาลงทุนให้ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 8 สามีของจำเลยที่ 7 ได้พูดถึงฐานะของจำเลยที่ 1 ว่าเป็นบริษัทที่มั่นคง มีหลักทรัพย์เป็นพันล้านบาท มีกิจการน้ำมันและศูนย์การค้าใหญ่โตให้โจทก์ทั้งสามฟัง ก็เป็นการบอกเล่าตามข้อเท็จจริงที่จำเลยทั้งสามเชื่อตามคำโฆษณาของจำเลยที่ 1 ประกอบด้วยทุนจดทะเบียนของจำเลยที่ 1 กำหนดไว้เป็นจำนวน 1,000 ล้านบาท นับว่าเป็นจำนวนทุนที่ มาก พอสมควรที่สามารถทำให้ประชาชนทั่วไปเชื่อถือฐานะของจำเลยที่ 1 แม้แต่โจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นปัญญาชนมีการศึกษาดียังเชื่อถือถึงกับขวนขวายหาทางเข้าไปร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 1 และโจทก์ที่ 1 ยังชักชวนโจทก์ที่ 4 ซึ่งเป็นบุตรชายให้ร่วมเล่นแชร์รายนี้ด้วย นอกจากนี้จำเลยทั้งสองยังมีหลักฐานสัญญาการลงทุนกับจำเลยที่ 1 เป็นเงินประมาณ 4,550,000 บาท เมื่อบริษัทจำเลยที่ 1 ล้ม จำเลยก็ไม่ได้รับผลประโยชน์และต้นเงินที่ร่วมลงทุนคืนจำเลยที่ 7 และที่ 8 ไม่มีตำแหน่งใด ๆ ในบริษัทจำเลยที่ 1ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีส่วนแบ่งจากจำนวนเงินที่ประชาชนนำมาร่วมลงทุน ต่อมาเมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชน จำเลยที่ 7 และที่ 8 ก็ได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเช่นเดียวกับประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย เช่นนี้การที่จำเลยที่ 1 ไม่จ่ายเงินที่ลงทุนคืนให้แก่โจทก์ทั้งสี่ จะสันนิษฐานเอาว่าจำเลยที่ 7 และที่ 8 ได้กระทำผิดฐานฉ้อโกงหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2264/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมลงทุนแชร์น้ำมันที่ถูกหลอกลวง: จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นฉ้อโกง
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มาสอบถามจำเลยที่ 7 ที่ 8 เพื่อประสงค์จะเล่นแชร์น้ำมันชาร์เตอร์เอง เพราะทราบข่าวจากผู้อื่นหาใช่จำเลยที่ 7 และที่ 8 เอาความเท็จไปพูดหลอกลวงโจทก์ทั้งสามแต่แรกไม่ การที่จำเลยที่ 7 ซึ่งเป็นหัวหน้าสายของบริษัทชาร์เตอร์ฯ จำเลยที่ 1 หาเงินมาลงทุนให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 8 สามีของจำเลยที่ 7 ได้พูดถึงฐานะของจำเลยที่ 1 ว่าเป็นบริษัทที่มั่นคง มีหลักทรัพย์เป็นพันล้านบาท มีกิจการน้ำมันและศูนย์การค้าใหญ่โตให้โจทก์ทั้งสามฟัง ก็เป็นการบอกเล่าตามข้อเท็จจริงที่จำเลยทั้งสองเชื่อตามคำโฆษณาของจำเลยที่ 1 ประกอบด้วย ทุนจดทะเบียนของจำเลยที่ 1 กำหนดไว้เป็นจำนวน 1,000ล้านบาท นับว่าเป็นจำนวนทุนที่มากพอสมควรที่สามารถทำให้ประชาชนทั่วไปเชื่อถือฐานะของจำเลยที่ 1 แม้แต่โจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นปัญญาชนมีการศึกษาดี ยังเชื่อถือถึงกับขวนขวายหาทางเข้าไปร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 1 และโจทก์ที่ 1 ยังชักชวนโจทก์ที่ 4 ซึ่งเป็นบุตรชายให้ร่วมเล่นแชร์รายนี้ด้วย นอกจากนี้จำเลยทั้งสองยังมีหลักฐานสัญญาการลงทุนกับจำเลยที่ 1 เป็นเงินประมาณ 4,550,000 บาท เมื่อบริษัทจำเลยที่ 1 ล้ม จำเลยก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ และต้นเงินที่ร่วมลงทุนคืน จำเลยที่ 7 และที่ 8 ไม่มีตำแหน่งใด ๆ ในบริษัทจำเลยที่ 1 หรือมีส่วนแบ่งจากจำนวนเงินที่ประชาชนนำมาร่วมลงทุน ต่อมาเมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชนจำเลยที่ 7 และที่ 8 ก็ได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเช่นเดียวกับประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย เช่นนี้ การที่จำเลยที่ 1 ไม่จ่ายเงินที่ลงทุนคืนให้แก่โจทก์ทั้งสี่ จะสันนิษฐานเอาว่าจำเลยที่ 7และที่ 8 ได้กระทำผิดฐานฉ้อโกงหาได้ไม่
of 94