พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2787/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวมในที่ดินมรดก: ศาลฎีกายกฟ้องเมื่อข้อเท็จจริงไม่สนับสนุนการเป็นส่วนหนึ่งของมรดก
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกเมื่อศาลฎีกาฟังว่าที่พิพาทมิได้เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินมรดกแล้ว แม้ในชั้นฎีกาจะมีเพียงโจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นฎีกา โดยจำเลยที่ 1 มิได้ฎีกาด้วยแต่กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการใช้ที่ดินร่วมกัน และประเด็นการแบ่งที่ดินพิพาท โดยไม่มีประเด็นทางจำเป็น
โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์กับจำเลยร่วมกันซื้อ และเป็นเจ้าของร่วมกัน โดยแต่เดิมโจทก์ยอมให้จำเลยใช้เป็นทางผ่าน ได้ชั่วคราวและบัดนี้จำเลยหมดความจำเป็นแล้วจำเลยให้การและ ฟ้องแย้งว่าได้ร่วมกับโจทก์ซื้อที่ดินตามฟ้อง แต่ตกลงกันไว้ว่า ให้กันที่ดินพิพาทไว้เป็นถนนเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกร่วมกันตลอดไป เนื่องจากที่ดินของจำเลยถูกที่ดินแปลงอื่นปิดล้อมไม่มีทางออกสู่ ถนนสาธารณะที่ดินพิพาทด้านทิศใต้ที่อยู่ติดกับทางสาธารณะ มีกำแพงปิดอยู่เมื่อจำเลยแสดงเจตนาจะใช้ที่ดินพิพาททำเป็นถนนโจทก์คัดค้านไม่ให้จำเลยรื้อกำแพงและใช้สิทธิทำถนนเพื่อเป็นทาง เข้าออกอันเป็นการผิดข้อตกลงขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์หรือ บุคคลภายนอกรื้อถอนกำแพงโดยโจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายเอง โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าที่ดินของจำเลยมีทางออกสู่ ทางสาธารณะโจทก์ไม่เคยตกลงกับจำเลยดังจำเลยฟ้องแย้ง ดังนี้คดีคงมีประเด็นเพียงว่าโจทก์กับจำเลยได้ตกลงกันให้ใช้ ที่ดินพิพาทเป็นทางเข้าออกร่วมกันเป็นการถาวรตลอดไปหรือ เป็นการชั่วคราวไม่มีประเด็นเรื่องทางจำเป็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3016/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินต่อเนื่องและการโต้แย้งสิทธิ ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง
ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ผู้มีสิทธิครอบครอง และโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองตลอดมา การที่จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และได้นำเจ้าหน้าที่ไปรังวัดที่ดินพิพาทกับนำหลักซีเมนต์ไปปักไว้เป็นแนวเขตที่ดินพิพาทหาใช่เป็นการเข้าแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทไม่ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์เท่านั้นดังนี้ ข้ออ้างการแย่งสิทธิครอบครองของจำเลยย่อมจะยังไม่เกิดขึ้น จะนำเอาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374,1375 มาบังคับแก่คดีหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การครอบครองโดยเจ้าของ vs. การใช้ประโยชน์เป็นครั้งคราว
จำเลยเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาทโจทก์เคยอาศัยใช้ที่พิพาทเป็นครั้งคราวแต่มิได้ครอบครองอย่างเจ้าของถึงแม้โจทก์จะได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่พิพาทเป็นของโจทก์เมื่อโจทก์มิได้เป็นผู้ครอบครองโจทก์ก็หามีสิทธิครอบครองที่พิพาทแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งที่ดินพิพาท: การประมูลระหว่างคู่ความล้มเหลว ให้ขายทอดตลาดแล้วแบ่งเงิน
ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินพิพาทให้โจทก์จำเลยฝ่ายละครึ่งโดยให้ตกลงกันระหว่างโจทก์กับจำเลยก่อน หากตกลงกันไม่ได้ให้ประมูลราคากันในระหว่างโจทก์จำเลยให้ฝ่ายที่เสนอราคาสูงเป็นผู้ได้กรรมสิทธิ์ไปทั้งหมด หากตกลงประมูลราคากันไม่ได้ให้ขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งหมด แล้วนำเงินมาแบ่งระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อโจทก์จำเลยตกลงกันตามวิธีแรกไม่ได้จึงต้องดำเนินการประมูลราคากันในระหว่างโจทก์จำเลยต่อไป แต่ปรากฏว่าโจทก์ไม่ติดใจประมูล ต้องถือว่าการประมูลราคากันระหว่างโจทก์จำเลยทำไม่ได้ เพราะการประมูลราคากันระหว่างโจทก์จำเลยหมายความว่าแข่งขันเสนอราคาสู้กันระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อโจทก์ไม่ติดใจประมูล จำเลยก็ไม่มีโจทก์ที่จะเข้าแข่งขันเสนอราคาสู้ด้วย จะต้องดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งหมดแล้วนำเงินมาแบ่งปันกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2252/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท: โฉนดที่ดินออกทับที่ดินวัด แม้มีโฉนดแต่กรรมสิทธิ์ยังเป็นของวัด
ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตวัดจำเลยมาแต่เดิม โดยตอนออกโฉนดได้นำรังวัดเข้าไปในที่ดินของวัด แต่ไม่ว่าจะได้ออกโฉนดแสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ในโฉนดมาเป็นเวลานานเท่าใดก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผู้มีชื่อในโฉนดได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ออกโฉนดทับที่วัด ที่พิพาทยังคงเป็นของวัด การออกโฉนดทับที่ดินพิพาทมิใช่การกระทำของโจทก์ และมีการโอนกันมาแล้วหลายคน โจทก์ไม่มีโอกาสทราบเรื่องนี้ ทั้งโจทก์ครอบครองที่พิพาทต่อเนื่องมาจากเจ้าของคนก่อนเป็นการครอบครองที่พิพาทโดยสุจริต ทั้งจำเลยไม่ฟ้องทันทีที่โจทก์คัดค้านการรังวัดที่ดินของจำเลย ดังนี้โจทก์ไม่ควรต้องใช้ค่าเสียหายให้จำเลย เว้นแต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อบ้านจากการขายทอดตลาดบนที่ดินพิพาทที่มีสัญญาซื้อขายก่อนหน้า การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
แม้บ้านพิพาทซึ่งจำเลยซื้อมาจากการขายทอดตลาดของศาลจะปลูกอยู่ในที่ดินมีโฉนดของโจทก์ แต่เมื่อจำเลยให้การต่อสู้คดีว่า ที่ดินที่ปลูกบ้านพิพาทนั้นโจทก์ได้ทำสัญญาแบ่งขายให้ ล. และยินยอมให้ ล. เข้าไปปลูกบ้านพิพาท ต่อมาโจทก์บิดพลิ้วไม่ยอมรับชำระราคาที่ดินจากล. ล.จึงฟ้องให้โจทก์รับชำระราคาและโอนที่ดินให้ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณา ก่อนที่จำเลยจะซื้อบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาด ล. ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินที่ซื้อมาจากโจทก์ให้จำเลยและล. จะไปทำการโอนให้แก่ จำเลยเมื่อได้รับโอนจากโจทก์แล้ว ซึ่งโจทก์ก็ทราบและเข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดบ้านพิพาทด้วย เมื่อโจทก์ซื้อบ้านพิพาทไม่ได้จึงกลั่นแกล้งนำคดีมาฟ้องขับไล่จำเลย เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตดังนี้ หากเป็นความจริงดังที่จำเลยต่อสู้ การที่ ล. กับ ส. จำเลยในคดีที่ถูกยึดทรัพย์ปลูกบ้านพิพาทลงในที่ดินของโจทก์ก็เป็นการปลูกบ้านโดยมีสิทธิ หากในที่สุดโจทก์แพ้คดี ล. โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยรื้อบ้านพิพาทออกไปจากที่ดินดังกล่าว และจำเลยย่อมมีสิทธิอยู่ในที่ดินดังกล่าวได้ตามสัญญาจะซื้อขายที่ทำไว้กับ ล. ถ้าโจทก์รู้ความเช่นนี้แต่ยังมาชิงฟ้องขับไล่จำเลยเสียก่อน เพื่อให้จำเลยได้รับความเสียหาย ก็อาจเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตได้ จึงสมควรที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1783/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีที่ดินพิพาท: การพิจารณาความเป็นเจ้าของที่ดินก่อนวินิจฉัยละเมิด และอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ ได้รับความเสียหายต้องสูญเสียที่ดินของโจทก์ไป จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่ดินที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ มิใช่ของโจทก์ และจำเลยมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์แม้จำเลยจะมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ว่าที่ดิน เป็นของจำเลย และตามคำฟ้องของโจทก์มิได้มีคำขอที่จะ บังคับแก่ที่ดินที่พิพาท แต่การที่จะพิจารณาว่าจำเลย กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ก็จะต้องพิจารณาด้วยว่าที่ดินที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ อันเป็นการพิจารณาถึงความเป็นอยู่แห่งอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์และฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ที่อันเป็นสาธารณประโยชน์อยู่ในอำนาจดูแลปกปักรักษาของนายอำเภอท้องที่ แม้โจทก์จะมีชื่อเป็นผู้ครอบครองและทำ ประโยชน์ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่เมื่อนายอำเภอโต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะและดำเนินการที่จะเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ ก็ชอบที่โจทก์จะฟ้องร้องนายอำเภอเพื่อขอให้ระงับการกระทำอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ เพราะโจทก์จะเสียสิทธิในที่พิพาทหรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะหรือไม่ มิใช่อยู่ที่การกระทำของจำเลยซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับที่อันเป็นสาธารณประโยชน์และถึงหากจำเลยจะมาช่วยเหลือในการรังวัดปักหลักเขตด้วย ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ทำละเมิดต่อโจทก์
(วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2527)
ที่อันเป็นสาธารณประโยชน์อยู่ในอำนาจดูแลปกปักรักษาของนายอำเภอท้องที่ แม้โจทก์จะมีชื่อเป็นผู้ครอบครองและทำ ประโยชน์ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่เมื่อนายอำเภอโต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะและดำเนินการที่จะเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ ก็ชอบที่โจทก์จะฟ้องร้องนายอำเภอเพื่อขอให้ระงับการกระทำอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ เพราะโจทก์จะเสียสิทธิในที่พิพาทหรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะหรือไม่ มิใช่อยู่ที่การกระทำของจำเลยซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับที่อันเป็นสาธารณประโยชน์และถึงหากจำเลยจะมาช่วยเหลือในการรังวัดปักหลักเขตด้วย ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ทำละเมิดต่อโจทก์
(วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2527)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1756/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุขอบเขตที่ดินพิพาทในฟ้องคดีบุกรุก: เพียงพอต่อการบังคับคดีได้หากมีหลักฐานอื่นประกอบ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่ซึ่ง ตั้งอยู่ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และแนบสำเนาภาพถ่ายประทานบัตรรวมทั้งแผนที่ของประทานบัตรมาท้ายฟ้องด้วย แม้จะมิได้บรรยายถึงบริเวณที่ดินซึ่งจำเลยบุกรุก ว่าอยู่ตอนใดทิศไหน กว้างยาวเท่าไร และติดต่อกับอะไรบ้างก็ตาม แต่ก็ได้บรรยายว่าเรื่องที่จำเลยบุกรุกนี้โจทก์ ได้ไปร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่อำเภอ เจ้าหน้าที่ได้ไกล่เกลี่ยให้จำเลยออกไปพร้อมทั้งแนบสำเนาภาพถ่ายใบยอมความมาท้ายฟ้องด้วย ดังนั้น จำเลยย่อมจะทราบแล้วว่า บริเวณที่โจทก์ กล่าวหาว่าบุกรุกนั้นอยู่ตอนใด ทิศไหน กว้างยาวเท่าไรและติดต่อกับอะไรบ้าง คำฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเหนือกว่า น.ส.3 ที่ดินมือเปล่า ผู้ซื้อไม่อาจอ้างสิทธิเหนือผู้ครอบครองเดิม
หนังสือรับรองการทำประโยชน์มิใช่หลักฐานที่แสดงว่าผู้มีชื่อในหนังสือ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นในทางทะเบียนเช่นเดียวกับโฉนดที่ดิน ฉะนั้นโจทก์ผู้ซื้อที่ดินจึงไม่อาจอ้าง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1299 มาใช้ยันกับสิทธิของจำเลยผู้ครอบครองที่ดินนั้นได้