พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2649/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา มีสิทธิบังคับคดีเอากับลูกหนี้ได้ แม้มีภาระจำนองในทรัพย์สิน
โจทก์และจำเลยต่างเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาด้วยกันทั้งสองฝ่าย โจทก์และจำเลยจึงต่างมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาโจทก์และจำเลยต่างฝ่ายจึงมีสิทธิบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษา ซึ่งการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองที่ดินตามคำพิพากษาโจทก์สามารถใช้คำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยดำเนินการจดทะเบียนโอนที่ดินได้เพียงฝ่ายเดียวอยู่แล้ว รวมทั้งการปลดภาระจำนองของที่ดินด้วย แต่โจทก์มีภาระต้องชำระค่าที่ดินที่ค้างก่อนจึงจะมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองที่ดินตามสัญญาเดิมฉะนั้นจำเลยจึงมีสิทธิขอให้ศาลออกคำบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาเมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาล จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิขอให้ศาลมีหมายบังคับคดีตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการให้เป็นไปตามคำบังคับได้โดยชอบ ศาลชั้นต้นออกคำบังคับและหมายบังคับคดีชอบแล้ว ไม่มีเหตุจะต้องเพิกถอนหมายบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2527/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดของผู้เข้าสู้ราคาที่ได้รับความเสียหายจากการฝ่าฝืนขั้นตอนบังคับคดี
แม้ผู้ร้องที่ 2 มิได้เป็นบุคคลตามที่ ป.วิ.พ. มาตรา 280 บัญญัติไว้ กล่าวคือ ผู้ร้องที่ 2 มิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องที่ถูกอายัด และมิใช่ผู้ที่ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบ หรือผู้ที่ได้ยื่นคำร้องขอตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 288, 289 และ 290 อันเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องที่ถูกบังคับคดี แต่บทบัญญัติตามมาตรา 280 ดังกล่าว เป็นเพียงบทสันนิษฐานเพื่อประโยชน์แห่งบทบัญญัติในภาค 4 ว่าด้วยวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาและการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ที่ให้ถือว่าบุคคลตามที่ระบุไว้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีเท่านั้น มิได้หมายความว่าบุคคลอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในมาตรา 280 แล้ว จะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีไม่ได้
คดีนี้ผู้ร้องที่ 2 เป็นผู้เข้าสู้ราคาคนหนึ่งในการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี ผู้ร้องที่ 2 อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดโดยมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้แจ้งแก่ผู้เข้าสู้ราคา และมีผลทำให้ผู้ร้องที่ 2 ไม่มีโอกาสเสนอราคาเพิ่มสูงขึ้น เป็นกรณีที่ผู้ร้องที่ 2 อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง และเป็นเหตุโดยตรงให้ผู้ร้องที่ 2 ต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น ผู้ร้องที่ 2 จึงเป็นบุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง ผู้ร้องที่ 2 มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้
ข้อโต้แย้งที่ว่าราคาทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดต่ำหรือไม่นั้น เป็นข้อโต้แย้งหรือส่วนได้เสียของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลตามที่ระบุไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 280 โดยตรง ไม่เกี่ยวกับผู้ร้องที่ 2 ซึ่งเป็นเพียงผู้เข้าสู้ราคาแต่อย่างใด ผู้ร้องที่ 2 จึงไม่มีสิทธิกล่าวอ้างหรือฎีกาในประเด็นดังกล่าว
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2543)
คดีนี้ผู้ร้องที่ 2 เป็นผู้เข้าสู้ราคาคนหนึ่งในการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี ผู้ร้องที่ 2 อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดโดยมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้แจ้งแก่ผู้เข้าสู้ราคา และมีผลทำให้ผู้ร้องที่ 2 ไม่มีโอกาสเสนอราคาเพิ่มสูงขึ้น เป็นกรณีที่ผู้ร้องที่ 2 อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง และเป็นเหตุโดยตรงให้ผู้ร้องที่ 2 ต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น ผู้ร้องที่ 2 จึงเป็นบุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง ผู้ร้องที่ 2 มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้
ข้อโต้แย้งที่ว่าราคาทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดต่ำหรือไม่นั้น เป็นข้อโต้แย้งหรือส่วนได้เสียของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลตามที่ระบุไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 280 โดยตรง ไม่เกี่ยวกับผู้ร้องที่ 2 ซึ่งเป็นเพียงผู้เข้าสู้ราคาแต่อย่างใด ผู้ร้องที่ 2 จึงไม่มีสิทธิกล่าวอ้างหรือฎีกาในประเด็นดังกล่าว
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2543)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2364/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้บังคับคดีทรัพย์มรดก: แม้ชื่อในโฉนดเป็นผู้จัดการมรดก แต่ทรัพย์สินยังเป็นของทายาท
ป. ถึงแก่ความตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ที่ดินโฉนดพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกจึงตกทอดแก่ทายาทซึ่งรวมทั้งจำเลยซึ่งเป็นบุตรด้วยในทันที แม้ที่ดินโฉนดพิพาทจะเป็นชื่อ ล. แต่ก็ระบุรับโอนที่ดินโฉนดพิพาทในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกของ ป. จึงยังคงเป็นทรัพย์มรดกซึ่งยังไม่ได้แบ่งปันให้แก่ทายาทและ ล. ในฐานะผู้จัดการมรดกมีหน้าที่แบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทรวมทั้งจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719จำเลยจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดพิพาทรวมอยู่ด้วย โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยย่อมมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดพิพาทมาบังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีแจ้งจดทะเบียนรถยนต์: ศาลไม่อาจใช้คำพิพากษาแทนเอกสารสำคัญในการจดทะเบียนได้
โจทก์ได้ซื้อรถยนต์จากจำเลยเพื่อนำไปให้บริษัท พ. เช่าซื้อจำเลยสัญญาว่าจะจดทะเบียนแจ้งการจำหน่ายรถยนต์ต่อกรมการขนส่งทางบกแก่โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และให้บริษัท พ. เป็นผู้ครอบครองใช้รถโดยสัญญาเช่าซื้อพร้อมทั้งส่งมอบแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ ป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์เพื่อให้ผู้เช่าซื้อนำรถยนต์ไปใช้ได้ แต่จำเลยผิดสัญญาไม่จดทะเบียนแจ้งการจำหน่ายรถยนต์ต่อกรมการขนส่งทางบกไม่ดำเนินการจัดให้มีสมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์กับป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและเสียภาษีตามที่ตกลงกับโจทก์ เพราะไม่มีเอกสารสำคัญประจำรถยนต์อยู่ในครอบครอง ทั้งไม่ปรากฏว่าเอกสารนั้นมีคู่ฉบับอยู่ที่กรมการขนส่งทางบกดังนั้นการนำคำพิพากษาของศาลแต่เพียงอย่างเดียวไปแสดงเจตนาแทนจำเลยเพื่อแจ้งจำหน่ายรถยนต์ต่อกรมการขนส่งทางบกโดยไม่มีเอกสารสำคัญของรถยนต์ประกอบเรื่องราวด้วย จึงเป็นการ บังคับบุคคลภายนอกที่มิใช่คู่ความในคดี ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้เงินกู้เกิน 50 บาทที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืม ไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีได้ และจำเลยไม่มีสิทธิยึดโฉนดที่ดินเป็นประกัน
หนี้กู้ยืมเงินเกินห้าสิบบาทขึ้นไปที่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีได้ ผู้ให้ยืมจึงไม่มีสิทธิยึดถือโฉนดที่ดินของผู้ยืมไว้เป็นประกันหนี้ดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1818/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ตามคำพิพากษาและการฟ้องล้มละลาย: การบังคับคดีไม่สะดุดอายุความ
แม้โจทก์บังคับคดีแก่ที่ดินของจำเลยที่ 4 โดยนำออกขายทอดตลาดและขอเฉลี่ยเงินที่ขายทรัพย์ของจำเลยที่ 4 ในคดีอื่นได้เงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์บางส่วนแล้ว โจทก์ก็ต้องขอให้บังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยทั้งหกเพิ่มเติมเพื่อบังคับชำระหนี้ส่วนที่เหลือภายในกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา ทั้งการที่โจทก์นำหนี้ตามคำพิพากษาของศาลที่ถึงที่สุดแล้วมาเป็นมูลฟ้องให้จำเลยทั้งหกล้มละลายมีอายุความ 10 ปีและการบังคับคดีดังกล่าวไม่ใช่การกระทำการอื่นใดอันมีผลเป็นอย่างเดียวกันกับการฟ้องคดีที่จะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง เมื่อสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาขาดอายุความแล้วโจทก์จึงไม่อาจฟ้องให้จำเลยทั้งหกล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้ดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 150/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาบังคับคดีในคดีล้มละลาย: นับจากวันถือเสมือนมีคำพิพากษา ไม่ใช่วันออกคำบังคับ
การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของเจ้าหนี้มีหนังสือทวงหนี้ให้ลูกหนี้ชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินภายในกำหนดเวลา 14 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือ เป็นการดำเนินการทวงหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 119 เมื่อลูกหนี้มิได้ปฏิเสธหนี้ที่ทวงถามภายในกำหนดเวลา 14 วัน ต้องถือว่าลูกหนี้เป็นหนี้กองทรัพย์สินของเจ้าหนี้ตามจำนวนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของเจ้าหนี้มีหนังสือแจ้งไปเป็นการเด็ดขาด โดยถึงที่สุดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2529 อันเป็นวันถัดจากวันครบกำหนดเวลาให้ปฏิเสธหนี้ ต้องถือเสมือนว่าลูกหนี้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2529 กรณีเช่นนี้ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มิได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการบังคับคดีไว้โดยเฉพาะ ซึ่งมาตรา 153 กำหนดให้นำบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 271 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของเจ้าหนี้ชอบที่จะร้องขอบังคับคดีภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2529 อันถือเสมือนว่าเป็นวันมีคำพิพากษา มิใช่นับแต่วันที่ศาลออกคำบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 150/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทวงถามแล้วไม่ปฏิเสธ ถือเป็นหนี้เด็ดขาด มีสิทธิบังคับคดีได้ภายใน 10 ปี
หนี้ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของเจ้าหนี้มีหนังสือทวงหนี้และจำเลยมิได้ปฏิเสธหนี้ภายในกำหนดเวลา 14 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งความ ถือได้ว่าจำเลยเป็นหนี้กองทรัพย์สินของเจ้าหนี้เป็นการเด็ดขาดและถือเสมือนว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้วตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 119 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของเจ้าหนี้ชอบที่จะร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเสมือนหนึ่งว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนดเวลาให้ปฏิเสธหนี้ อันถือเสมือนว่าเป็นวันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 มิใช่นับแต่วันที่ศาลออกคำบังคับ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในหนี้รายนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลาการบังคับคดีแล้ว หนี้รายนี้จึงเป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1304/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอหักเงินบำเหน็จเพื่อชำระหนี้จากการประนีประนอมยอมความ: โจทก์ต้องใช้กระบวนการบังคับคดี
แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ตามที่จำเลยที่ 1 กล่าวอ้างว่า คดีอยู่ระหว่างจำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมและจำเลยที่ 1 ยังมิได้ผิดนัด การที่โจทก์มีหนังสือขอให้ศาลจังหวัดสุรินทร์หักเงินบำเหน็จที่จำเลยที่ 1 จะได้รับเนื่องจากการลาออกจากราชการเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมเป็นการไม่ชอบนั้น ก็เป็นเรื่องที่โจทก์มิได้มีการบังคับคดีจำเลยที่ 1 ตาม ป.วิ.พ.ภาค 4 แต่เป็นเรื่องที่โจทก์โต้แย้งสิทธิของจำเลยที่ 1 นอกเหนือการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอม จำเลยที่ 1 ชอบที่จะไปว่ากล่าวโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1304/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการโต้แย้งสิทธิเกินกว่าการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอม
แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ตามที่จำเลยที่ 1 กล่าวอ้างว่า คดีอยู่ระหว่างจำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมและจำเลยที่ 1 ยังมิได้ผิดนัด การที่โจทก์มีหนังสือขอให้ศาลจังหวัดสุรินทร์หักเงินบำเหน็จที่จำเลยที่ 1 จะได้รับเนื่องจากการลาออกจากราชการเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมเป็นการไม่ชอบนั้นก็เป็นเรื่องที่โจทก์มิได้มีการบังคับคดีจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาค 4 แต่เป็นเรื่องที่โจทก์โต้แย้งสิทธิของจำเลยที่ 1 นอกเหนือการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอม จำเลยที่ 1 ชอบที่จะไปว่ากล่าวโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก