คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประมวลกฎหมายอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 752 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3862/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินความรุนแรงของการบาดเจ็บเพื่อกำหนดความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
ผู้เสียหายถูกตีที่ชายโครงซ้ายเกิดเหตุแล้ว7-8วันก็ไปตามงาน ตามปกติภายหลังจากเกิดเหตุ17วันได้ไปหาแพทย์ เอกซเรย์แล้วพบว่า กระดูกซี่โครงซ้ายร้าว2ซี่แพทย์จ่ายยาให้ไปรับประทานที่บ้านมิได้รับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลโดยแพทย์มีความเห็นว่าจะต้องรักษาเกินกว่า 21 วันจึงหายดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บ ด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า20 วันหรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติ ไม่ได้เกินกว่า20 วันตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 295 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3611/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้จ้างวานให้ฆ่าผู้อื่น แม้ผู้รับจ้างยังมิได้ลงมือกระทำผิด ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
แม้ ส.กับ ป.พยานโจทก์จะมีพฤติการณ์เป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน กับจำเลย แต่เมื่อโจทก์ได้กัน ส.กับ ป.ไว้เป็นพยาน คำเบิกความของพยานทั้งสองปากดังกล่าวอาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ แต่มีน้ำหนักน้อย มิใช่ว่าจะรับฟังไม่ได้เสียเลยทีเดียว ถ้าโจทก์มีพยานอื่นประกอบก็รับฟังลงโทษจำเลยได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 401/2496, 1769/2509 และ 2001/2514)
จำเลยได้ใช้ให้ ส. ฆ่า ว. ผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยได้มอบอาวุธปืนของกลางให้ ส. นำไปหาโอกาสยิง ว.ผู้ตาย แม้ ส.ยังมิได้กระทำผิดเพราะไม่มีโอกาสฆ่าผู้ตาย การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบกับมาตรา 85 วรรคสอง
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบด้วย มาตรา84 วรรคสองซึ่งต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้นั้นให้ลดโทษประหารชีวิตหนึ่งในสามเป็นจำคุกตลอดชีวิตตามมาตรา 52(1) และให้เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตอันเป็นโทษสองในสามของโทษประหารชีวิตเป็นจำคุก 50 ปีตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53 ซึ่งต้องลงโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษประหารชีวิตคือกึ่งหนึ่งของโทษจำคุก 50 ปี จึงเป็นโทษ จำคุก 25 ปี
(โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 91/2510 ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3243/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขัดขวางการจับกุมและช่วยเหลือผู้ถูกคุมขัง: การกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ขณะที่ร้อยตำรวจตรี พ. ควบคุมตัว ส. ผู้ต้องหา ใน ข้อหาไม่ยืนทำความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งเป็นความผิดมีโทษตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช 2485 จะนำขึ้นรถยนต์ไปสถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีจำเลยได้เข้าโอบกอดจับตัว ร้อยตำรวจตรี พ. ไว้ และพวกของจำเลยอีกสองคนได้ช่วยกันยื้อแย่งเอาตัว ส. ขึ้นรถยนต์หลบหนีไปถือว่า ส. ถูกคุมขังอยู่ตามอำนาจของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (12), 191 แล้วการกระทำของ จำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 138, 140, 191

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3204/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทนยังไม่สมบูรณ์ ไม่เป็นเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.350
โจทก์มีข้อตกลงอยู่กับจำเลยที่ 1ในลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนเมื่อโจทก์ยังมิได้ชำระหนี้ 40,000 บาท ที่เหลือแก่จำเลยที่ 1สิทธิเรียกร้องที่จะให้จำเลยที่ 1 โอนตึกและที่ดินพิพาทตามข้อตกลงยังมิอาจบังคับกันได้ โจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 ตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3118/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์ในความผิดป่าไม้: ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อจำกัดการริบตามกฎหมายป่าไม้ และการใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33
รถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้บรรทุกไม้ฟืนซึ่งเป็นของป่าหวงห้ามเกินปริมาณที่กฎหมายอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 29 ทวิ นั้น ศาลจะสั่งให้ริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 ทวิ ไม่ได้เพราะมาตรา 74 ทวิไม่มีบทบัญญัติให้ริบทรัพย์ซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำความผิดตามมาตรา 29 ทวิ
แม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้จะมีบทบัญญัติเกี่ยวแก่การริบทรัพย์ไว้เป็นพิเศษแล้ว ศาลก็นำมาตรา 33 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับในการที่จะริบทรัพย์ที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3118/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์ในความผิดป่าไม้: ศาลฎีกาชี้ว่าการริบตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ไม่ชอบ แต่ริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญาโดยใช้ดุลพินิจ
รถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้บรรทุกไม้ฟืนซึ่งเป็นของป่าหวงห้ามเกินปริมาณที่กฎหมายอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา29 ทวิ นั้น ศาลจะสั่งให้ริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 74 ทวิ ไม่ได้ เพราะมาตรา 74 ทวิไม่มีบทบัญญัติให้ริบทรัพย์ซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำความผิดตามมาตรา 29 ทวิ
แม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้จะมีบทบัญญัติเกี่ยวแก่การริบทรัพย์ไว้เป็นพิเศษแล้ว ศาลก็นำมาตรา 33 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับในการที่จะริบทรัพย์ที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2642/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษปรับผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ยาสูบ หลายคน ศาลต้องปรับเรียงรายตัวบุคคลตามประมวลกฎหมายอาญา
พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 49 บัญญัติเรื่องโทษว่าผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 19 มาตรา 20 ต้องระวางโทษปรับสิบ เท่าของค่าแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิดหรือที่ยังขาดอยู่แต่ ต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยบาทถ้าเป็นบุหรี่ซิกาแรตที่ผลิต ในประเทศและมิได้ประกาศกำหนดราคาขายปลีกไว้ต้อง ระวางโทษปรับกรัมละสองบาทแต่ต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยบาท ดังนี้ย่อมเห็นได้ว่าผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติยาสูบฐานนี้จะต้องถูกลงโทษปรับเป็นจำนวนสิบเท่าของค่าแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิด มิได้มีข้อจำกัดว่าถ้ามีผู้ร่วมกระทำผิดหลายคนให้ปรับรวมกัน ตามค่าแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิดทั้ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 ได้บัญญัติให้ใช้บังคับบทบัญญัติ ในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ในกรณีความผิดตามกฎหมายอื่นด้วยคดีพระราชบัญญัติยาสูบมิได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องลงโทษปรับจำเลยทั้งสองเรียงตามรายตัวบุคคล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 31 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2528)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2642/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษปรับผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ยาสูบ หลายคน ให้ปรับเรียงรายตัวบุคคลตามประมวลกฎหมายอาญา
พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 49 บัญญัติเรื่องโทษว่าผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 19 มาตรา 20 ต้องระวางโทษปรับสิบ เท่าของค่าแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิดหรือที่ยังขาดอยู่แต่ ต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยบาทถ้าเป็นบุหรี่ซิกาแรตที่ผลิต ในประเทศและมิได้ประกาศกำหนดราคาขายปลีกไว้ต้อง ระวางโทษปรับกรัมละสองบาทแต่ต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยบาทดังนี้ย่อมเห็นได้ว่าผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติยาสูบฐานนี้จะต้องถูกลงโทษปรับเป็นจำนวนสิบเท่าของค่าแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิด มิได้มีข้อจำกัดว่าถ้ามีผู้ร่วมกระทำผิดหลายคนให้ปรับรวมกัน ตามค่าแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิดทั้ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 ได้บัญญัติให้ใช้บังคับบทบัญญัติ ในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ในกรณีความผิดตามกฎหมายอื่น ด้วยคดีพระราชบัญญัติยาสูบมิได้บัญญัติ ไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องลงโทษปรับจำเลยทั้งสองเรียงตามรายตัวบุคคล ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 31(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2528)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2543/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดในสภาวะจิตบกพร่อง ศาลมีอำนาจลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65
จำเลยเคยถูกไม้นั่งร้านล้มทับศีรษะและเคยเป็นลมชักคืนเกิดเหตุจำเลยนอนไม่หลับเนื่องจากได้ยินเสียงแว่วว่าจะมี คนมาทำร้าย จึงลุกมานั่งที่ประตูทางเข้า ถือมีดปลายแหลม ไว้ป้องกันตัว และได้ยินเสียงคล้ายคนมาดึงประตูจะมาทำร้าย จึงลุกขึ้นดึงประตูไว้พร้อมกับเรียกให้คนช่วย เมื่อจำเลยแทง ผู้เสียหายแล้วจำเลยมิได้หลบหนีภริยาจำเลยพาจำเลยไปตรวจ ที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ดังนี้แสดงว่าจำเลยกระทำผิด ในขณะที่มีจิตบกพร่อง แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็ปรากฏจากพยานหลักฐานของ โจทก์เอง ศาลย่อมมีอำนาจที่จะยก ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรคสอง กำหนดโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมาย กำหนดไว้เพียงใดก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบการสถานการค้าประเวณีและประเด็นการแสวงหาผลประโยชน์จากอาชีพอื่นที่ไม่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
แม้จำเลยอายุเกิน 16 ปีซึ่งเป็นผู้ดูแลจัดการสถานการค้าประเวณีได้รับส่วนแบ่งจากการค้าประเวณีของหญิงที่ค้าประเวณี แต่จำเลยก็ประกอบอาชีพอื่นอยู่ด้วยคือขายผ้าและน้ำปลามีรายได้เดือนละ5-6 พันบาท แสดงว่าจำเลยมีรายได้จากการค้าขาย และไม่ปรากฏว่ารายได้ดังกล่าวไม่เพียงพอสำหรับดำรงชีพ ถึงจำเลยจะได้รับส่วนแบ่งจากหญิงซึ่งค้าประเวณีก็ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 286
of 76