พบผลลัพธ์ทั้งหมด 411 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346-1347/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม - การสืบพยาน - ค่าขึ้นศาล: ศาลฎีกาตัดสินประเด็นฟ้องเคลือบคลุม การคัดค้านการสืบพยาน และการคำนวณค่าขึ้นศาล
ฟ้องโจทก์มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา 2 ประการ แม้ข้ออ้างอันหนึ่งจะไม่แสดงแจ้งชัดเป็นฟ้องเคลือบคลุม แต่ข้อหาอีกข้อหนึ่งไม่เคลือบคลุม ฟ้องของโจทก์ก็หาเสียไปทั้งฉบับไม่
ฟ้องที่อ้างว่าจำเลยให้เช่าช่วงบ้านแต่มิได้ระบุว่าให้ใครเช่า เช่าเมื่อใด ค่าเช่าเท่าใดนั้น หาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่
การคัดค้านการที่ผู้มีหน้าที่นำสืบภายหลังไม่ถามค้านพยานของคู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนนั้น จะต้องคัดค้านเสียในขณะที่พยานของฝ่ายสืบภายหลังกำลังเบิกความ จะมาคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
คดีฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายด้วย ซึ่งเมื่อคำนวณเงินค่าขึ้นศาลตามจำนวนค่าเสียหายแล้วเป็นเงินไม่เกิน 15 บาทคู่ความคงต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาทเท่านั้น
ฟ้องที่อ้างว่าจำเลยให้เช่าช่วงบ้านแต่มิได้ระบุว่าให้ใครเช่า เช่าเมื่อใด ค่าเช่าเท่าใดนั้น หาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่
การคัดค้านการที่ผู้มีหน้าที่นำสืบภายหลังไม่ถามค้านพยานของคู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนนั้น จะต้องคัดค้านเสียในขณะที่พยานของฝ่ายสืบภายหลังกำลังเบิกความ จะมาคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
คดีฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายด้วย ซึ่งเมื่อคำนวณเงินค่าขึ้นศาลตามจำนวนค่าเสียหายแล้วเป็นเงินไม่เกิน 15 บาทคู่ความคงต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาทเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1192/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องคดีพยายามชิงทรัพย์ และการรับฟังพยานหลักฐานความผิดฐานพยายามฆ่า
ในคดีความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ แม้โจทก์มิได้กล่าวว่าพยายามชิงทรัพย์อะไรบ้าง แต่ในฟ้องก็พอเข้าใจว่าจำเลยขู่เข็ญให้บอกที่เก็บทรัพย์ที่อยู่ในกุฏิเพียงเท่านี้ ยังไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 836-837/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม – ขาดรายละเอียดการกระทำผิด และสิทธิในการครอบครองที่ดิน
ฟ้องกล่าวว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ โดยได้รับใบเหยียบย่ำมา ได้แผ้วถางแล้ว 9 - 10 ไร่ จำเลยเข้ามาขัดขวางแย่งชิงว่าเป็นของจำเลย ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ห้าม มิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยแย่งชิง เข้าทำหรือกระทำการขัดขวางโดยมิชอบด้วยกฎหมายประการใดอีกทั้งวันเดือนปีที่จำเลยขัดขวางก็มิได้ปรากฎประการใดอีกทั้งวันเดือนปีที่จำเลยขัดขวางก็มิได้ปรากฎ ไม่มีทางที่จำเลยจะรู้ได้ว่าตนถูกกล่าวหาด้วยกระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างไร และเหตุเกิดเมื่อใด ยากที่จะแก้ข้อหาของโจทก์ได้ถูกต้อง ฟ้องเช่นนี้ไม่ชอบด้วย ป.วิ.แพ่ง มาตรา 172 เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เพียงแต่ปลูกต้นสาคูลงในลำห้วย ยังไม่เป็นการครอบครองที่ป่าตามใบเหยียบย่ำ จะฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกไม่ได้ แต่เรียกค่าเสียหายที่ตัดต้นสาคูได้
เพียงแต่ปลูกต้นสาคูลงในลำห้วย ยังไม่เป็นการครอบครองที่ป่าตามใบเหยียบย่ำ จะฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกไม่ได้ แต่เรียกค่าเสียหายที่ตัดต้นสาคูได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 836-837/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม - ขาดรายละเอียดการกระทำผิด ทำให้จำเลยไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหาได้ และการครอบครองที่ดินตามใบเหยียบย่ำ
ฟ้องกล่าวว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ โดยได้รับใบเหยียบย่ำมา ได้แผ้วถางแล้ว 9-10 ไร่ จำเลยเข้ามาขัดขวางแย่งชิงว่าเป็นของจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ห้ามมิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยแย่งชิง เข้าทำหรือกระทำการขัดขวางโดยมิชอบด้วยกฎหมายประการใดอีกทั้งวันเดือนปีที่จำเลยขัดขวางก็มิได้ปรากฏ ไม่มีทางที่จำเลยจะรู้ได้ว่าตนถูกกล่าวหาด้วยกระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างไรและเหตุเกิดเมื่อใด ยากที่จะแก้ข้อหาของโจทก์ได้ถูกต้อง ฟ้องเช่นนี้ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา172 เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เพียงแต่ปลูกต้นสาคูลงในลำห้วย ยังไม่เป็นการครอบครองที่ป่าตามใบเหยียบย่ำ จะฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกไม่ได้ แต่เรียกค่าเสียหายที่ตัดต้นสาคูได้
เพียงแต่ปลูกต้นสาคูลงในลำห้วย ยังไม่เป็นการครอบครองที่ป่าตามใบเหยียบย่ำ จะฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกไม่ได้ แต่เรียกค่าเสียหายที่ตัดต้นสาคูได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การบรรยายฟ้องที่ชัดเจน และการนำสืบที่ต้องอยู่ในประเด็นข้อต่อสู้
คดีพิพาทเรื่องกรรมสิทธิที่ดิน โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้ที่ดินบางส่วนโดยทางต่างๆ กัน แต่ไม่ได้บอกว่าได้มาส่วนไหนเมื่อใด และไม่มีแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง แต่ระบุเขตติดต่อกว้างยาวมาด้วย ดังนี้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คดีมีประเด็นโต้เถียงเรื่องการครอบครองระหว่างโจทก์จำเลย หากจำเลยจะต่อสู้ว่าจำเลยใช้สิทธิครอบครองโดยให้โจทก์เช่าทำ จำเลยจะต้องให้การให้ชัด มิฉะนั้นโจทก์ย่อมเสียเปรียบไม่อาจทราบข้อนำสืบของจำเลย
การนำสืบนอกประเด็นข้อต่อสู้ศาลย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
คดีมีประเด็นโต้เถียงเรื่องการครอบครองระหว่างโจทก์จำเลย หากจำเลยจะต่อสู้ว่าจำเลยใช้สิทธิครอบครองโดยให้โจทก์เช่าทำ จำเลยจะต้องให้การให้ชัด มิฉะนั้นโจทก์ย่อมเสียเปรียบไม่อาจทราบข้อนำสืบของจำเลย
การนำสืบนอกประเด็นข้อต่อสู้ศาลย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมและการลงโทษฐานรับของโจร แม้ไม่สามารถพิสูจน์ตัวผู้ลักทรัพย์ได้
บรรยายฟ้องว่าจำเลยลักแขลก (ครั่งเม็ด) และรับของโจร แล้วมีความในวงเล็บว่าครั่งเม็ด แต่นำสืบว่าครั่งเม็ดหาย จำเลยเป็นผู้ลักและรับของโจร ดังนี้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะโจทก์ใช้ถ้อยคำในฟ้องให้เข้าใจโดยมีความในฟ้องให้เข้าใจโดยมีความในวงเล็บว่า ครั่งเม็ด ไม่มีทางจะรับฟังไปได้ว่าครั่งเม็ด ไม่มีทางจะรับฟังไปได้ว่าครั่งเม็ดของกลางไม่ใช่แขลกตามฟ้องของโจทก์
ฟ้องว่าลักทรัพย์ รับของโจรเมื่อได้ความว่าทรัพย์รายนั้นได้ถูกลักไป แม้ว่าจะไม่ได้ตัวผู้ลักทรัพย์มาลงโทษตามกฎหมาย ก็ลงโทษผู้รับของโจรได้
ฟ้องว่าลักทรัพย์ รับของโจรเมื่อได้ความว่าทรัพย์รายนั้นได้ถูกลักไป แม้ว่าจะไม่ได้ตัวผู้ลักทรัพย์มาลงโทษตามกฎหมาย ก็ลงโทษผู้รับของโจรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมและการรับของโจร แม้ผู้ลักทรัพย์ไม่ถูกลงโทษ
บรรยายฟ้องว่าจำเลยลักแชลก (ครั่งเม็ด) และรับของโจรแล้วมีความในวงเล็บว่าครั่งเม็ด แต่นำสืบว่าครั่งเม็ดหาย จำเลยเป็นผู้ลักและรับของโจรดังนี้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะโจทก์ใช้ถ้อยคำในฟ้องให้เข้าใจโดยมีความในวงเล็บว่า ครั่งเม็ดไม่มีทางจะรับฟังไปได้ว่าครั่งเม็ดของกลางไม่ใช่แชลกตามฟ้องของโจทก์
ฟ้องว่าลักทรัพย์ รับของโจรเมื่อได้ความว่าทรัพย์รายนั้นได้ถูกลักไป แม้ว่าจะไม่ได้ตัวผู้ลักทรัพย์มาลงโทษตามกฎหมาย ก็ลงโทษผู้รับของโจรได้
ฟ้องว่าลักทรัพย์ รับของโจรเมื่อได้ความว่าทรัพย์รายนั้นได้ถูกลักไป แม้ว่าจะไม่ได้ตัวผู้ลักทรัพย์มาลงโทษตามกฎหมาย ก็ลงโทษผู้รับของโจรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม: การอ้างเหตุรับมรดกสองประการ และสิทธิครอบครองปรปักษ์
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิที่ดิน โดยบรรยายฟ้องใจความว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกเจ้าของกรรมสิทธิที่ดิน จำเลยไม่ใช่ทายาทไม่มิสิทธิรับมรดกแต่แม้จะฟังว่าจำเลยเป็นทายาท โจทก์ก็ได้ครอบครองเป็นเจ้าของที่เกิน 10 ปีแล้ว ฟ้องของโจทก์เช่นนี้เป็นการแสดงสิทธิโดยอ้างเหตุ 2 ประการ ซึ่งจำเลยเข้าใจและสามารถต่อสู้คดีได้ดี ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่เมื่ออ้างเหตุรับมรดกและครอบครองปรปักษ์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยบรรยายฟ้องใจความว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินจำเลยไม่ใช่ทายาทไม่มีสิทธิรับมรดกแต่แม้จะฟังว่าจำเลยเป็นทายาทโจทก์ก็ได้ครอบครองเป็นเจ้าของเกิน 10 ปีแล้วฟ้องของโจทก์เช่นนี้เป็นการแสดงสิทธิโดยอ้างเหตุ 2 ประการซึ่งจำเลยเข้าใจและสามารถต่อสู้คดีได้ดี ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่เมื่อจำเลยครอบครองเอกสารปลอมและรู้ที่มา
ฟ้องโจทก์บรรยายในชั้นต้นว่าจำเลยบังอาจทำหนังสือมอบอำนาจขายที่ดินปลอมแล้วตอนท้ายบรรยายว่า ดังปรากฏตามสำเนาเอกสารปลอมท้ายฟ้องซึ่งจำเลยเป็นผู้ทำปลอมเอง หรือผู้อื่นทำปลอมขึ้นดังนี้ เมื่อหนังสือปลอมอยู่ในความครอบครองของจำเลยจำเลยย่อมรู้ดีว่าจำเลยเองหรือผู้ใดเป็นผู้ปลอมขึ้น.และจำเลยได้ใช้หนังสือปลอมนั้น
จำเลยย่อมรู้ที่มาของหนังสือปลอมได้ดี ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้หรือเสียเปรียบในทางอรรถคดี จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยย่อมรู้ที่มาของหนังสือปลอมได้ดี ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้หรือเสียเปรียบในทางอรรถคดี จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม