คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยักยอกทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 543 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกทรัพย์ - ข้อพิพาทเรื่องข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย - ศาลฎีกายืนตามศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นยกฟ้องอาศัยข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องอาศัยข้อกฎหมาย โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องคดีอาญา: ยักยอกทรัพย์/รับของโจร และความเกี่ยวพันของความผิด
โจทก์กล่าวฟ้องใจความว่าโคของเจ้าทรัพย์เพริดไปเมื่อวัน ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2499 ตอนกลางวัน ครั้นตกเวลากลางคืนในวันเดียวกันนั้นเองปรากฎว่าจำเลยมีโคตัวนั้นไว้ในความครอบครองโดยในระยะเวลาระหว่าง 2 ตอนดังกล่าวนั้น จำเลยจับโคที่เพริดไปนั้นได้เองแล้วกลับยักยอกเอาไว้เสียโดยทุจริตหรือรับของโจรโคตัวนั้นไว้
เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม เพราะโจทก์บรรยายการกระทำและรายละเอียดชัดเจนพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีอยู่แล้ว ตาม ป.วิ.อาญา ม.158 (5) และความผิดฐานยักยอกของหายในลักษณะเช่นนี้ กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันอยู่เช่นเดียวกันกับความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจร ซึ่งย่อมฟ้องได้ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 807/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีฆ่ากระบือและรับของโจร โดยประเด็นสำคัญคือการจำแนกความผิดฐานยักยอกทรัพย์กับฐานฆ่าสัตว์
กระบือของผู้เสียหายเข้ามากินข้าวของจำเลย จำเลยจับได้แล้วมีความโกรธ ได้ใช้มีดแทงกระบือตาย แล้วพาพรรคพวกมาชำแหละเนื้อกระบือเอาไปกิน โดยทราบดีว่าเป็นกระบือของผู้เสียหายดังนี้ จำเลยยังไม่มีความผิดฐานยักยอกเก็บของตก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาที่เจาะจงความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ศาลพิจารณา หากไม่สอดคล้อง ศาลต้องยกฟ้อง
ตาม ก.ม.อาญา ม.131 เป็นบทบัญญัติเรื่องเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ของรัฐบาลซึ่งอยู่ในความปกครองรักษาตามหน้าที่ของตน.เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวซ้ำ ๆ กันแต่ในเรื่องจำเลยเรียกเก็บเงินค่าภาษีเกินกว่าที่ควรจะเก็บแล้วยักยอกเงินส่วนที่เรียกเก็บเกินมานั้นย่อมเห็นได้ชัดว่าโจทก์ฟ้องเจาะจงความผิดตาม ม.135 โดยตรงไม่มีข้อความให้เห็นว่ามุ่งถึง ม.131 เลย
เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏไม่ใช่เรื่องเรียกเก็บเงินค่าภาษีเกินกว่าที่ควรจะเก็บดังฟ้องเช่นนี้ ศาลต้องยกฟ้องศาล.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผิดฐานยักยอกทรัพย์ของเจ้าพนักงาน: จำเลยถูกกล่าวหาว่าเรียกเก็บเงินภาษีเกินและยักยอก ศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตาม กฎหมายอาญา มาตรา131 เป็นบทบัญญัติเรื่องเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ของรัฐบาลซึ่งอยู่ในความปกครองรักษาตามหน้าที่ของตนเมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวซ้ำๆ กันแต่ในเรื่องจำเลยเรียกเก็บเงินค่าภาษีเกินกว่าที่ควรจะเก็บแล้วยักยอกเงินส่วนที่เรียกเก็บเกินมานั้นย่อมเห็นได้ชัดว่าโจทก์ฟ้องเจาะจงความผิดตาม มาตรา135 โดยตรงไม่มีข้อความให้เห็นว่ามุ่งถึง มาตรา131 เลย
เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏไม่ใช่เรื่องเรียกเก็บเงินค่าภาษีเกินกว่าที่ควรจะเก็บดังฟ้องเช่นนี้ ศาลต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกทรัพย์จากประกันหนี้: การโอนโฉนดโดยไม่ได้รับความยินยอมของผู้ให้ยืม
เอาโฉนดที่ดินที่เขามอบให้ไว้เป็นประกันหนี้ไปโอนขายย่อมถือได้ว่า ทุจริตเบียดบังเอาทรัพย์ที่เขามอบหมายไว้ไปผิดความประสงค์ของผู้เป็นเจ้าของ เป็นความผิดฐานยักยอกตาม มาตรา 314
จำเลยแสดงตนว่า เป็นผู้รับมอบอำนาจให้ทำการโอนที่ดินของผู้อื่นและแจ้งแก่เจ้าพนักงานที่ดินว่า การมอบอำนาจนั้นเป็นจริงซึ่งความจริงเจ้าของที่ดินมิได้มอบอำนาจให้โอนแต่ประการใด ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา 118

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2138/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์ของสมุห์บัญชีสหกรณ์: ความผิด ม.319 (1) หรือ (3) และสิทธิการดำเนินคดีของโจทก์
การยักยอกทรัพย์ที่จะเป็นผิด ก.ม.อาญา ม.319 (3) นั้นจะต้องปรากฎว่าจำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์โดยฐานะที่มีหน้าที่อันเกี่ยวแก่สาธารณชน
จำเลยเป็นแต่เพียงสมุห์บัญชีสหกรณ์ซึ่งเป็นนิติบุคคลเท่ากับเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนของบริษัทนิติบุคคลในการค้าเท่านั้น หาได้เกี่ยวแก่สาธารณะชนแต่ประการใดไม่ การกระทำของจำเลยจึงเข้าเกณฑ์ความผิดตาม ม.319 (1) ไม่ใช่ 319 (3).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2138/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดยักยอกทรัพย์: การกำหนดฐานความผิดตามหน้าที่เกี่ยวข้องสาธารณชน
การยักยอกทรัพย์ที่จะเป็นผิดกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 319(3) นั้นจะต้องปรากฏว่าจำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์โดยฐานะที่มีหน้าที่อันเกี่ยวแก่สาธารณชน
จำเลยเป็นแต่เพียงสมุห์บัญชีสหกรณ์ซึ่งเป็นนิติบุคคลเท่ากับเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนของบริษัทนิติบุคคลในการค้าเท่านั้น หาได้เกี่ยวแก่สาธารณชนแต่ประการใดไม่ การกระทำของจำเลยจึงเข้าเกณฑ์ความผิดตาม มาตรา 319(1) ไม่ใช่ 319(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2135/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์: การครอบครองทรัพย์ที่หลงลืม และการส่งมอบให้ผู้อื่น
เจ้าทรัพย์ลืมกระเป๋าทิ้งไว้ที่ข้างเกียร์บนรถยนต์ที่จำเลยเป็นผู้ขับขี่ , มีบุคคลอื่นมาพบและเก็บได้ถามว่ากระเป๋าของใคร ผู้โดยสารคนหนึ่งว่าเป็นของเขา ผู้เก็บได้จึงส่งกระเป๋าเงินให้จำเลยไปให้ผู้โดยสารคนนั้นเพราะมาด้วยกัน แต่จำเลยกลับเอาไว้เสียเองเช่นนี้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอกมิใช่ลักทรัพย์เพราะเมื่อเจ้าทรัพย์ลืมกระเป๋าเงินทิ้งไว้กรณีเป็นเก็บของตก ความยึดถือครอบครองทรัพย์ย่อมตกอยู่แก่คนกระเป๋ารถ ๆ มอบทรัพย์ให้อยู่ในความยึดถือครอบครองของจำเลยอีกต่อหนึ่ง โดยจำเลยไม่ทราบว่ากระเป๋าเป็นของใคร เมื่อจำเลยเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียจึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2135/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์: การยึดถือครอบครองทรัพย์ที่หล่นหาย และเจตนาเอาทรัพย์ไปเป็นของตนเอง
เจ้าทรัพย์ลืมกระเป๋าทิ้งไว้ที่ข้างเกียร์บนรถยนต์ที่จำเลยเป็นผู้ขับขี่มีบุคคลอื่นมาพบและเก็บได้ถามว่ากระเป๋าของใคร ผู้โดยสารคนหนึ่งว่าเป็นของเขา ผู้เก็บได้จึงส่งกระเป๋าเงินให้จำเลยไปให้ผู้โดยสารคนนั้นเพราะมาด้วยกัน แต่จำเลยกลับเอาไว้เสียเองเช่นนี้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอกมิใช่ลักทรัพย์ เพราะเมื่อเจ้าทรัพย์ลืมกระเป๋าเงินทิ้งไว้กรณีเป็นเก็บของตก ความยึดถือครอบครองทรัพย์ย่อมตกอยู่แก่คนกระเป๋ารถๆ มอบทรัพย์ให้อยู่ในความยึดถือครอบครองของจำเลยอีกตอนหนึ่งโดยจำเลยไม่ทราบว่าเป็นของใคร เมื่อจำเลยเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียจึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์
of 55