พบผลลัพธ์ทั้งหมด 620 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2276/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะเวลากลางคืนเป็นอันตรายร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษ
พฤติการณ์ที่จำเลยพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปตามถนนในหมู่บ้านและทางสาธารณะในเวลากลางคืนนั้นนับว่าเป็นอันตรายต่อผู้อื่นเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษคดีกัญชา: ศาลฎีกาให้รอการลงโทษโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านมนุษยธรรมและปริมาณยาเสพติด
แม้จำเลยจะถูกฟ้องในข้อหาผลิตและมีกัญชาไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายกับข้อหาจำหน่ายกัญชาอันเป็นความผิด ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ ถึงสามกระทง แต่กัญชา เป็นยาเสพติดให้โทษชนิดที่หาได้ไม่ยาก ของกลางมีน้ำหนักเพียง 24.46 กรัม ปรากฏตามรายงานการสืบเสาะ ของพนักงานคุมประพฤติว่าจำเลยเป็นหญิงมีสามี สามีมีรายได้ ไม่แน่นอน ต้องเลี้ยงดูบิดามารดาซึ่งอายุมากและเลี้ยงดูบุตร อายุ 2 ปี 1 คน ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยกระทำผิดมาก่อน ตามพฤติการณ์แห่งคดีสมควรให้โอกาสแก่จำเลย กลับตัวเป็นพลเมืองดี จึงสมควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การขอรอการลงโทษหลังศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษเล็กน้อย
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 8 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุก 4 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 ปี เป็นการพิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จำเลยจึงฎีกาขอให้รอการลงโทษ ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6390/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รอการลงโทษจำคุกจากความผิดฐานบรรทุกน้ำหนักเกินกำหนด พิจารณาจากฐานะครอบครัวและประวัติผู้ต้องหา
จำเลยมีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกบรรทุกน้ำหนักเกินกำหนดจำเลยมีมารดา มีภรรยากำลังตั้งครรภ์ 7 เดือน ภรรยามีอาชีพรับจ้างได้เงินเดือนละ 500 บาท แสดงว่าจำเลยเป็นกำลังสำคัญในการหาเลี้ยงครอบครัว ประกอบกับจำเลยไม่เคยต้องรับโทษจำคุกมาก่อน พฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุสมควรรอการลงโทษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6318/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ (ดิน) และพฤติการณ์แสวงหาผลประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น ทำให้ไม่สมควรให้รอการลงโทษ
ที่ดินพิพาทของโจทก์อยู่ในวงล้อมของที่ดินจำเลย จำเลยได้ขุดตักดินในที่ดินของจำเลยรอบ ๆ ที่ดินโจทก์ แล้วพยายามซื้อที่ดินพิพาทจากโจทก์ในราคาต่ำแต่โจทก์ไม่ยอมขายจำเลยจึงลักขุดตักดินของโจทก์ไป แม้จำเลยจะประกอบธุรกิจจัดสรรที่ดินหลายโครงการ แต่ก็ส่อให้เห็นได้ว่าเป็นการประกอบธุรกิจที่มุ่งเอาแต่ได้ โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น ตามพฤติการณ์ดังกล่าว จึงยังไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5855/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเช็ค: รอการลงโทษเมื่อจำเลยรับสารภาพ ชำระหนี้บางส่วน และโจทก์บังคับคดีทางแพ่งได้
คดีความผิดต่อ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 แม้กฎหมายกำหนดโทษจำคุกไว้ แต่เป็นความผิดอันเกิดจากความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพมาตั้งแต่ต้นทั้งโจทก์ได้รับชำระหนี้บางส่วนเป็นจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งของหนี้สินทั้งหมด สำหรับหนี้ส่วนที่ค้างชำระโจทก์ก็อาจบังคับเอากับจำเลยในทางแพ่งได้อีกเมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จึงสมควรรอการลงโทษจำเลยไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5622/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง, การบุกรุก, และการรอการลงโทษ: ศาลฎีกามีอำนาจไม่ยกวินิจฉัยเรื่องอำนาจฟ้องที่ไม่ถูกยกขึ้นต่อสู้ในชั้นต้น
จำเลยที่ 1 มิได้ยกเรื่องหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น แม้เรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกามีอำนาจไม่ยกวินิจฉัยให้ตามป.วิ.พ. มาตรา 142(5) ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 จำเลยที่ 1 อายุ 48 ปี ไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนมีเหตุอันควรปรานี ศาลฎีกาให้รอการลงโทษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3861/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินชำระหนี้เช็คและการรอการลงโทษ: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยการรอการลงโทษได้แม้จะมีการวางเงินชำระหนี้
การที่จำเลยขอวางเงินต่อศาลชั้นต้นเพื่อชำระหนี้ตามเช็คแก่โจทก์ จำเลยสามารถทำได้โดยไม่จำต้องได้รับอนุญาตจากศาลอุทธรณ์ส่วนการที่จำเลยขอให้ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยในคำพิพากษาจากข้อเท็จจริงในสำนวนซึ่งศาลอุทธรณ์ก็ได้ทำคำพิพากษาเสร็จแล้ว เมื่อจำเลยยังมิได้วางเงินต่อศาลชั้นต้นเพื่อชำระหนี้ตามเช็คแก่โจทก์ จึงไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะต้อง ทำคำพิพากษาใหม่ ชอบที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยเสียได้ จำเลยอายุ 50 ปี อาชีพค้าขาย สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมีภรรยาและบุตรผู้เยาว์ 4 คน อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู และในระหว่าง การพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยได้บรรเทาผลเสียหายโดยวางเงิน จำนวนตามเช็คต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางเพื่อชำระแก่โจทก์ไม่ปรากฏ ว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน สมควรรอการลงโทษให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาประวิงคดีและการรอการลงโทษจำคุก พิจารณาจากพฤติการณ์ชำระหนี้และประวัติผู้ต้องหา
ศาลชั้นต้นให้โอกาสจำเลยหาเงินมาชำระหนี้ตามเช็คพิพาทแก่โจทก์โดยเลื่อนการฟังคำพิพากษาไปนาน 2 เดือน แต่จำเลยไม่ชำระในวันนัดฟังคำพิพากษาโจทก์จำเลยไม่สามารถตกลงกันได้ จำเลยขอเลื่อนคดีไปอีกเพื่อรวบรวมเงินมาชำระหนี้โจทก์ โจทก์คัดค้านศาลชั้นต้นสั่งให้รอฟังคำพิพากษาในวันนั้น จำเลยจึงแถลงลอย ๆ ว่าจำเลยเตรียมเงินมาพร้อมที่จะชำระให้โจทก์ 90,000 บาท และจะถอนเงินประกันอีก 60,000 บาท ชำระหนี้โจทก์ รวมเป็นเงิน 150,000 บาท ซึ่งเท่ากับยอดเงินตามเช็คพิพาท ดังนั้นพฤติการณ์ของจำเลยแสดงให้เห็นได้ชัดว่าที่จำเลยขอเลื่อนคดีในตอนแรกนั้น จำเลยมีเจตนาที่จะประวิงคดี และข้อเสนอของจำเลยที่จะชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์เป็นไปอย่างมีชั้นเชิง แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้แก่จำเลย จำเลยอายุ 50 ปี สำเร็จการศึกษาเป็นเศรษฐศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีอาชีพค้าขาย มีภาระต้องดูแลภรรยาและบุตร ผู้เยาว์อีก 4 คน และจำเลยพยายามขวนขวายหาเงินมาชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์ ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจำนวน150,000 บาท อันเป็นการบรรเทาผลร้ายแก่โจทก์ แม้จำเลยจะต้องคำพิพากษาในคดีอื่นให้ลงโทษจำคุก แต่คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุดจึงถือว่าจำเลยยังไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน คดีมีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกในคดีนี้ให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3463/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องอุทธรณ์และการรอการลงโทษ จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์ไม่ประสงค์ดำเนินคดี
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งเจ็ดและถอนอุทธรณ์จำเลยที่ 7ไม่ดำเนินคดีกับจำเลยทั้งเจ็ดต่อไป ดังนี้แม้ข้อหาที่โจทก์ฟ้องเป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ ซึ่งโจทก์ไม่มีสิทธิขอถอนฟ้องในชั้นอุทธรณ์ก็ตาม แต่ย่อมถือได้ว่า โจทก์มีเจตนาที่จะถอนฟ้องอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ด้วย การที่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 คงอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 7 แล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 มีความผิดตามอุทธรณ์ของโจทก์นั้น คำสั่งและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ