พบผลลัพธ์ทั้งหมด 396 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของที่ดินมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าและเรียกร้องให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ผู้เช่าไม่มีสิทธิเรียกค่ารื้อ
ผู้เช่าต้องรื้อถอนโรงเรือนที่ปลูกในที่เช่าเมื่อผู้เช่าบอกเลิกสัญญา ผู้เช่าจะเรียกค่ารื้อถอนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่จดทะเบียนเป็นโมฆะ แม้ข้อสัญญาอนุญาตให้รื้อถอนได้
สัญญาซื้อขายเรือนกันโดยมีข้อสัญญาว่าผู้ขายอาจซื้อกลับคืนได้ภายในกำหนดเวลา 2 เดือน ถ้าพ้นกำหนดแล้วไม่ซื้อคืนผู้ซื้อจะรื้อเรือนไป ดังนี้เป็นสัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพย์ เพราะเรือนจะต้องคงสภาพเป็นอสังหาริมทรัพย์อยู่จนกว่าผู้ขายจะไม่ซื้อคืน
สัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพย์ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ย่อมเป็นโมฆะ
สัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพย์ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ย่อมเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ให้เช่าต่อการรื้อถอนอาคาร แม้จะอ้างคำสั่งทางราชการ ก็ไม่สามารถยกเว้นความรับผิดได้
ผู้เช่าฟ้องจำเลยผู้ให้เช่าว่าจ้างวานให้บุคคลอื่นรื้อหลังคาเคหะที่ให้เช่าเป็นเหตุให้ผู้เช่าโจทก์เสียหาย จึงขอให้จำเลยจัดการซ่อมหลังคา หรือถ้าจำเลยไม่จัดการ ก็ขอให้โจทก์ซ่อมแซมโดยจำเลยเสียค่าซ่อม ดังนี้ แม้การเช่าจะไม่มีหนังสือ ก็ยังฟ้องคดีเช่นนี้ได้ และเมื่อจำเลยให้การว่า 'จำเลยมิได้บังอาจสมคบจ้างวานบุคคลอื่นทำการรื้อหลังคาห้องที่โจทก์เช่าแต่จำเลยให้คนรื้อห้องพิพาทอันเป็นห้องของจำเลยตามคำสั่งของนายกเทศมนตรีซึ่งจำเลยเชื่อว่า เป็นคำสั่งของเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมาย และเชื่อว่า ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตาม.จำเลยอาจมีความผิดตามกฎหมาย ทั้งก่อนรื้อจำเลยก็ได้แจ้งให้โจทก์และเจ้าหน้าที่อำเภอทราบล่วงหน้าแล้ว' ดังนี้ แม้จะได้เป็นความจริง ข้ออ้างดังกล่าวก็ไม่ใช่ข้อต่อสู้ที่จะให้จำเลยพ้นความรับผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้จากสิ่งปลูกสร้างรื้อถอน ไม่ถือเป็นไม้แปรรูปตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ไม้กระดานที่ได้เคยประกอบเป็นสิ่งปลูกสร้าง คือเป็นเรือนมาแล้ว เมื่อรื้อออกมาเป็นแผ่นไม้กระดานอีก ก็ไม่ถือว่าเป็นไม้แปรรูปตามความหมายของ พ.ร.บ.ป่าไม้ ( ฉะบับที่ 3 ) พ.ศ.2494 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้จากสิ่งปลูกสร้างรื้อถอน ไม่ถือเป็นไม้แปรรูปตามกฎหมาย
ไม้กระดานที่ได้เคยประกอบเป็นสิ่งปลูกสร้างคือเป็นเรือนมาแล้วเมื่อรื้อออกมาเป็นแผ่นไม้กระดานอีกก็ไม่ถือว่าเป็นไม้แปรรูปตามความหมายของ พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและการรุกล้ำต่อเนื่อง แม้ไม่มีคำขอเฉพาะเจาะจงในคำฟ้องเดิม ก็สามารถบังคับได้หากเชื่อมโยงกับการปฏิบัติตามคำพิพากษา
เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยซื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหมายเลข 5-6 และ 7 ออกจากที่พิพาท โจทก์จึงมาขอให้ศาลบังคับจำเลยในคดีนี้ฉะเพาะห้องหมายเลข 5 เมื่อปรากฎว่าจำเลยรื้อไปเพียง 3 ด้าน เหลือด้านที่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยไว้หนึ่งด้าน แล้วจำเลยกลับทำต่อเติมติดต่อกับเรือนของจำเลยเป็นเหตุให้ชายคาน้ำตกที่ต่อเติมล้ำเข้าไปในที่พิพาทของโจทก์ ดังนี้แม้ในคำพิพากษาจะมิได้วินิจฉัยเกี่ยวถึงเรื่องการรุกล้ำชายคาน้ำตกซึ่งมีอยู่ก่อนนั้นก็ตาม โจทก์ก็มีสิทธิ์ขอให้ศาลสั่งจำเลยรื้อชายคาน้ำตกส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ของโจทก์ได้ โจทก์ไม่จำเป็นต้องฟ้องเป็นคดีใหม่ และไม่เป็นการสั่งเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและการขยายขอบเขตการบังคับคดีเมื่อมีการต่อเติมจนล้ำเขต
เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหมายเลข 5-6 และ 7 ออกจากที่พิพาท โจทก์จึงมาขอให้ศาลบังคับจำเลยในคดีนี้เฉพาะห้องหมายเลข 5 เมื่อปรากฏว่าจำเลยรื้อไปเพียง 3 ด้าน เหลือด้านที่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยไว้หนึ่งด้าน แล้วจำเลยกลับทำต่อเติมติดต่อกับเรือนของจำเลยเป็นเหตุให้ชายคาน้ำตกที่ต่อเติมล้ำเข้าไปในที่พิพาทของโจทก์ดังนี้แม้ในคำพิพากษาจะมิได้วินิจฉัยเกี่ยวถึงเรื่องการรุกล้ำชายคาน้ำตกซึ่งมีอยู่ก่อนนั้นก็ตาม โจทก์ก็มีสิทธิ์ขอให้ศาลสั่งจำเลยรื้อชายคาน้ำตกส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ของโจทก์ได้ โจทก์ไม่จำเป็นต้องฟ้องเป็นคดีใหม่ และไม่เป็นการสั่งเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโมฆะ และสิทธิในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่น
บิดาเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร แล้วบิดาได้ทำสัญญากู้เงินจากผู้อื่นโดยนำที่ดินให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ และกล่าวว่าถ้าไม่นำต้นเงินมาส่งภายในกำหนดเวลายอมยกที่ดินให้เป็นสิทธิตลอดไปซึ่งในกรณีนี้มีเพียง 3 เดือน ดังนี้ย่อมเป็นการทำสัญญาซื้อขาย เมื่อคู่สัญญามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว สัญญาย่อมเป็นโมฆะ ผู้ให้กู้จะอ้างสิทธิอย่างใดในที่ดินนั้นไม่ได้ บุตรย่อมเรียกร้องเอาที่ดินคืนได้
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้ รูปคดีต้องด้วย ม.1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลิ่นเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม ม.1310
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้ รูปคดีต้องด้วย ม.1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลิ่นเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม ม.1310
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโมฆะ เจ้าของมีสิทธิเรียกคืนและบังคับรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
บิดาเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร แล้วบิดาได้ทำสัญญากู้เงินจากผู้อื่นโดยนำที่ดินให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ และกล่าวว่าถ้าไม่นำต้นเงินมาส่งภายในกำหนดเวลายอมยกที่ดินให้เป็นสิทธิตลอดไปซึ่งในกรณีนี้มีเพียง 3 เดือน ดังนี้ย่อมเป็นการทำสัญญาซื้อขายเมื่อคู่สัญญามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว สัญญาย่อมเป็นโมฆะ ผู้ให้กู้จะอ้างสิทธิอย่างใดในที่ดินนั้นไม่ได้ บุตรย่อมเรียกร้องเอาที่ดินคืนได้
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้รูปคดีต้องด้วย มาตรา 1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลินเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม มาตรา 1310
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้รูปคดีต้องด้วย มาตรา 1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลินเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม มาตรา 1310
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าช่วงที่ผิดสัญญาและการขัดขวางการรื้อถอนทรัพย์สินหลังบอกเลิกสัญญาเช่า
สัญญาเช่ามีกำหนด 1 ปีและห้ามเช่าช่วง ผู้เช่าจะขอสืบพยานว่าเป็นที่เข้าใจระหว่างคู่สัญญาว่าเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลาและผู้เช่ามีสิทธิให้เช่าช่วงได้นั้นเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่ง ม.94
ผู้เช่าทำผิดสัญญาเช่าและผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดสัญญาเช่าผู้เช่ายังคงอยู่ต่อไปเมื่อครบสัญญาเช่าแล้วดังนี้ ผู้เช่ายังขืนอยู่ต่อไป จึงเป็นการละเมิดไม่ใช่เป็นการเช่าใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลา
ผู้เช่าทำผิดสัญญาเช่าและผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดสัญญาเช่าผู้เช่ายังคงอยู่ต่อไปเมื่อครบสัญญาเช่าแล้วดังนี้ ผู้เช่ายังขืนอยู่ต่อไป จึงเป็นการละเมิดไม่ใช่เป็นการเช่าใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลา