คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญญาประนีประนอมยอมความ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 674 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4174/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: สัญญาประนีประนอมยอมความที่ผูกพันแล้ว ไม่อาจฟ้องบังคับได้อีก
โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างของจำเลยซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินส่วนของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินส่วนของจำเลยให้อยู่ต่อไปได้อีก 2 ปี หากครบกำหนดฝ่ายใดไม่รื้อถอนให้อีกฝ่ายรื้อถอนออกไปได้ แล้วได้มีการตกลงกันใหม่ในศาลว่าโจทก์จะต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ก่อนจำเลยจึงจะรื้อสิ่งปลูกสร้างของจำเลยข้อตกลงดังกล่าวแม้จะไม่มีอยู่ในคำฟ้อง แต่ก็มาจากเหตุที่โจทก์ได้ฟ้องขอแบ่งแยกที่ดินเกี่ยวเนื่องกับประเด็นตามคำฟ้อง ถือได้ว่าเป็นประเด็นแห่งคดี เมื่อศาลพิพากษาคดีตามยอม และคดีถึงที่สุดไปแล้ว หากจำเลยไม่ยอมรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป โจทก์ย่อมจะขอบังคับคดีได้ในคดีเดิม โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นอีกไม่ได้ เป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4014/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพัน คดีหลังจึงต้องห้าม
เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์และจำเลยทำกันไว้ในคดีแรกยอมรับกันว่าที่ดินโจทก์ทางด้านทิศเหนือมีแนวเขตติดต่อกับที่ดินของจำเลยทางด้านทิศใต้ เช่นนี้เท่ากับโจทก์ยอมรับแล้วว่าแนวเขตที่ดินของจำเลยถูกต้องมิได้รุกล้ำที่ดินโจทก์ เมื่อคดีแรกได้มีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความถึงที่สุดไปแล้ว การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยอีกโดยกล่าวอ้างว่า โฉนดที่ดินจำเลยด้านทิศใต้ออกทับที่ดินโจทก์ด้านทิศเหนือ ประเด็นในคดีแรกกับประเด็นในคดีหลังจึงเป็นประเด็นที่วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์ในคดีหลังจึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4014/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันคู่กรณี หากประเด็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน ศาลต้องยกฟ้อง
เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์และจำเลยทำกันไว้ในคดีแรกยอมรับกันว่าที่ดินโจทก์ทางด้านทิศเหนือมีแนวเขตติดต่อกับที่ดินของจำเลยทางด้านทิศใต้ เช่นนี้เท่ากับโจทก์ยอมรับแล้วว่าแนวเขตที่ดินของจำเลยถูกต้องมิได้รุกล้ำที่ดินโจทก์ เมื่อคดีแรกได้มีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความถึงที่สุดไปแล้ว การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยอีกโดยกล่าวอ้างว่า โฉนดที่ดินจำเลยด้านทิศใต้ออกทับที่ดินโจทก์ด้านทิศเหนือ ประเด็นในคดีแรกกับประเด็นในคดีหลังจึงเป็นประเด็นที่วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์ในคดีหลังจึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4006/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความสมบูรณ์ แม้ไม่มีระบุคดีอาญาชัดเจน หากตกลงชดใช้ค่าเสียหายจากการกระทำละเมิด
จำเลยนำกุญแจไปคล้อง ห้องพักที่โจทก์เช่าจากจำเลยเพราะโจทก์ไม่จ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้าทำให้โจทก์เข้าห้องไม่ได้ เมื่อโจทก์ได้ไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าได้รับความเสียหายไม่สามารถเข้าห้องพักได้ ถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์กับจำเลยมีข้อพิพาทกันแล้ว รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีที่จำเลยยอมจ่ายเงินให้แก่โจทก์จำนวน 20,000 บาท จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และเมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไม่มีข้อความที่โจทก์และจำเลยตกลงระงับคดีอาญาแผ่นดินแต่ประการใดคงกล่าวถึงเรื่องที่จำเลยนำกุญแจไปล็อกห้องที่โจทก์เช่าไว้ ทำให้โจทก์เข้าห้องไม่ได้ และได้รับความเสียหาย กับจำเลยทั้งสองตกลงที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ซึ่งเป็นเรื่องทางแพ่งเท่านั้นสัญญาประนีประนอมยอมความจึงไม่มีวัตถุที่ประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4006/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การยอมจ่ายค่าเสียหายจากละเมิดถือเป็นข้อพิพาททางแพ่ง ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย
จำเลยนำกุญแจไปคล้อง ห้องพักที่โจทก์เช่าจากจำเลยเพราะโจทก์ไม่จ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้าทำให้โจทก์เข้าห้องไม่ได้ เมื่อโจทก์ได้ไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าได้รับความเสียหายไม่สามารถเข้าห้องพักได้ ถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์กับจำเลยมีข้อพิพาทกันแล้ว รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีที่จำเลยยอมจ่ายเงินให้แก่โจทก์จำนวน 20,000 บาท จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และเมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไม่มีข้อความที่โจทก์และจำเลยตกลงระงับคดีอาญาแผ่นดินแต่ประการใดคงกล่าวถึงเรื่องที่จำเลยนำกุญแจไปล็อกห้องที่โจทก์เช่าไว้ ทำให้โจทก์เข้าห้องไม่ได้ และได้รับความเสียหาย กับจำเลยทั้งสองตกลงที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ซึ่งเป็นเรื่องทางแพ่งเท่านั้นสัญญาประนีประนอมยอมความจึงไม่มีวัตถุที่ประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3291/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การลงชื่อรับรองสิทธิประโยชน์และการไม่โต้แย้งภายหลังย่อมมีผลผูกพัน
ในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลยในศาลชั้นต้น ตัวโจทก์มาศาลและลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความร่วมกับทนายโจทก์ โดยไม่ได้ทักท้วงหรือแถลงให้ทราบว่าการทำสัญญาดังกล่าวไม่ตรงตามเจตนาของโจทก์ จนศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมให้แล้ว โจทก์จะมากล่าวอ้างภายหลังว่า โจทก์ถูกทนายโจทก์กับจำเลยร่วมกันฉ้อฉลให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2669/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวนหากจำเลยสามารถมอบหมายให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้
จำเลยทั้งสองไม่นำเงินมาวางต่อศาลตามกำหนดในคำพิพากตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยอ้างว่ามารดาป่วยกะทันหันต้องเดินทางไปเยี่ยมที่ต่างจังหวัดนั้น มิใช่ความจำเป็นถึงขนาดจะนำเงินมาวางศาลไม่ได้ เพราะการนำเงินมาวางศาลมิใช่กิจการที่จำเลยทั้งสองจะต้องทำเองโดยเฉพาะตัว ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดชอบซึ่งจะทำให้จำเลยทั้งสองไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 205 ศาลยกคำร้องของดการบังคับคดีของจำเลยทั้งสองได้โดยไม่ต้องไต่สวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ถือเป็นการแต่งตั้งตามตำแหน่งราชการ ไม่ใช่เป็นการเฉพาะตัว
ข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้ว ข้อ (1) ระบุว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองยินยอมตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 (จังหวัด พิษณุโลก ) เป็นผู้ชำระบัญชี ซึ่งขณะนั้น ม.ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 ม. จึงเป็นผู้ชำระบัญชีโดยตำแหน่งราชการไม่ใช่เป็นการเฉพาะตัว เมื่อ ม. ย้ายไปรับราชการที่อื่นและ จ. ย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 แทน จ. ก็ย่อมเป็นผู้ชำระบัญชีในคดีนี้ต่อไปได้ การที่ศาลแต่งตั้ง จ. เป็นผู้ชำระบัญชีคนใหม่แทน ม. ผู้ชำระบัญชีคนเดิม จึงไม่เป็นการผิดวัตถุประสงค์เดิมของโจทก์และจำเลย ทั้งไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาตามยอมของคู่ความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ การเปลี่ยนตัวผู้ชำระบัญชีเนื่องจากตำแหน่งไม่ใช่การเฉพาะตัว
ข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้ว ข้อ (1) ระบุว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองยินยอมตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6(จังหวัด พิษณุโลก ) เป็นผู้ชำระบัญชี ซึ่งขณะนั้น ม.ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 ม. จึงเป็นผู้ชำระบัญชีโดยตำแหน่งราชการไม่ใช่เป็นการเฉพาะตัว เมื่อ ม. ย้ายไปรับราชการที่อื่นและ จ. ย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 แทน จ. ก็ย่อมเป็นผู้ชำระบัญชีในคดีนี้ต่อไปได้ การที่ศาลแต่งตั้ง จ. เป็นผู้ชำระบัญชีคนใหม่แทน ม. ผู้ชำระบัญชีคนเดิม จึงไม่เป็นการผิดวัตถุประสงค์เดิมของโจทก์และจำเลย ทั้งไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาตามยอมของคู่ความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความเรื่องมรดก: ผลผูกพันและขอบเขตการเรียกร้อง
โจทก์จำเลยได้เจรจากันเรื่องทรัพย์มรดกของบิดามารดา ฝ่ายจำเลยเสนอให้โคแก่โจทก์ 3 ตัว เท่านั้น ฝ่ายโจทก์ยืนยันจะขอแบ่งที่นาด้วยและโจทก์จำเลยลงชื่อไว้ในบันทึกเช่นนี้ ถือว่าบันทึกดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องทรัพย์สินอื่นที่มิใช่ที่ดิน เมื่อโจทก์ได้รับโคไป 3 ตัว ตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอแบ่งทรัพย์สินอื่นจากจำเลยได้ เว้นแต่ที่ดินซึ่งเดิมเป็นทรัพย์มรดกของบิดามารดา และบ้านซึ่งเป็นส่วนควบ
of 68