พบผลลัพธ์ทั้งหมด 419 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาต่อสู้และการป้องกันตัว: การกระทำที่แสดงเจตนาทำร้ายก่อนยิง จึงไม่อาจอ้างป้องกันตัวได้
เริ่มแรกจำเลยส่อเจตนาไม่ดีของจำเลยด้วยการนำมีดและอาวุธปืนลูกซองไม่จดทะเบียนไป แล้วรื้อฟันรั้วของผู้ตายที่ปิดทางไว้โดยพละการซึ่งแสดงว่าจำเลยเตรียมตัวจะต่อสู้กับผู้ตายอย่างเต็มที่ แม้จะปรากฎว่าผู้ตายได้ห้ามและได้เงื้อขวานจะฟันจำเลยก่อน จำเลยก็ยิงเอาด้วยปืนที่เตรียมมาดังนี้ จำเลยจะอ้าวว่าป้องกันตัวหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 938/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: การกระทำเพื่อหยุดยั้งอันตรายจากอาวุธของผู้ถูกทำร้าย
ผู้ตายจะเอาปืนยิงจำเลย จำเลยจึงเข้าแย่งปืน ๆได้ลั่นขึ้น 1 นัด แล้วผู้ตายเอาลูกกระสุนบรรจุปืนและจะยิงจำเลยอีก จำเลยจึงแทงเอาปืนหลุดจากมือผู้ตายแล้ว ผู้ตายยังจะแย่งเอาปืนอีก จำเลยจึงต้องแทงผู้ตายอีกหลายที และเอาปืน ยิงผู้ตายล้มลงขาดใจตาย ดังนี้ ไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุ เพราะเมื่อผู้ตายยังพยายามจะแย่งเอาปืนจากจำเลย แล้ว อันตรายก็ยังมีอยู่ จำเลยจะหยุดยั้งเสียไม่ได้เพราะเป็นเวลาฉุกเฉิน การกระทำของจำเลยจึงได้รับการยกเว้น โทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 50.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 849/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ไม้เป็นอาวุธในการปล้นทรัพย์: ไม้จริงมีผลต่อการเข้าข่ายเป็นอาวุธ
ไม้จริงขนาดยาว 2 ศอกโตเท่าแขน ตามธรรมดาแล้ว ย่อมสามารถจะทำให้ร่างกายแตกหักบุบสลายถึงสาหัสสได้ เมื่อใช้ไม้นี้ขู่เข็ญจะทำร้ายเจ้าทรัพย์ในการชิงทรัพย์ก็ถือได้ว่าไม้นั้นเป็นศาสตราวุธตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 6 (15) และเมื่อผู้กระทำผิดร่วมกันทำตั้งแต่สามคนขึ้นไป ก็ย่อมมีผิดฐานปล้นทรัพย์./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่า vs. ทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาชนิดและระยะใกล้ของอาวุธในการประเมินเจตนา
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249, 60 ศาลชั้นต้นไม่เชื่อข้อ เท็จจริง พิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บตามมาตรา 254 จำคุก 2 ปี ดังนี้ ดจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฐานพยายามฆ่าคนตามมาตรา 249 - 60 ได้, ไม่ต้องห้าม.
ปืนที่จำเลยใช้ยิงเขาเป็นปืนลูกซองพก ยาวราว 1 คืบ กระสุนโตเท่าเมล็ดพริกไทย ยิงในระยะห่าง 5 วา ถูกผู้เสีย หายกระสุนฝังเนื้อกล้าม หมอได้แคะออกแสดงว่า ฝังอยู่ตื้น ๆ ผู้เสียหายคนหนึ่งรักษาบาดแผล 10 วัน หาย อีกคน หนึ่งรักษา 6 - 7 วันหาย ประกอบกับโจทก์ไม่ได้สืบว่าปืนนี้ หรือปืนชะนิดนี้อย่างนี้มีกำลังแรงมากน้อยเพียงไร สามารถยิงให้หถึงตายได้หรือไม่ นั้น ควรฟังว่าปืนที่ยิงนั้น ไม่สามารถจะทำให้ผู้ถูกยิงถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึง ยังไม่ผิดฐานพยายามฆ่าคนตาย คงผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บ เท่านั้น. /
ปืนที่จำเลยใช้ยิงเขาเป็นปืนลูกซองพก ยาวราว 1 คืบ กระสุนโตเท่าเมล็ดพริกไทย ยิงในระยะห่าง 5 วา ถูกผู้เสีย หายกระสุนฝังเนื้อกล้าม หมอได้แคะออกแสดงว่า ฝังอยู่ตื้น ๆ ผู้เสียหายคนหนึ่งรักษาบาดแผล 10 วัน หาย อีกคน หนึ่งรักษา 6 - 7 วันหาย ประกอบกับโจทก์ไม่ได้สืบว่าปืนนี้ หรือปืนชะนิดนี้อย่างนี้มีกำลังแรงมากน้อยเพียงไร สามารถยิงให้หถึงตายได้หรือไม่ นั้น ควรฟังว่าปืนที่ยิงนั้น ไม่สามารถจะทำให้ผู้ถูกยิงถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึง ยังไม่ผิดฐานพยายามฆ่าคนตาย คงผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บ เท่านั้น. /
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่า vs. ทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาอันตรายจากอาวุธและบาดแผล
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249,60 ศาลชั้นต้นไม่เชื่อข้อเท็จจริงพิพากษายกฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บตามมาตรา 254 จำคุก 2 ปี ดังนี้ โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฐานพยายามฆ่าคนตามมาตรา 249,60 ได้ไม่ต้องห้าม
ปืนที่จำเลยใช้ยิงเขาเป็นปืนลูกซองพก ยาวราว 1 คืบกระสุนโตเท่าเมล็ดพริกไทย ยิงในระยะห่าง 5 วาถูกผู้เสียหายกระสุนฝังเนื้อกล้าม หมอได้แคะออกแสดงว่าฝังอยู่ตื้นๆ ผู้เสียหายคนหนึ่งรักษาบาดแผล 10 วันหายอีกคนหนึ่งรักษา 6-7 วันหายประกอบกับโจทก์ไม่ได้สืบว่าปืนนี้ หรือปืนชนิดนี้อย่างนี้มีกำลังแรงมากน้อยเพียงไร สามารถยิงให้ถึงตายได้หรือไม่นั้นควรฟังว่าปืนที่ยิงนั้น ไม่สามารถจะทำให้ผู้ถูกยิงถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงยังไม่ผิดฐานพยายามฆ่าคนตายคงผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บเท่านั้น
ปืนที่จำเลยใช้ยิงเขาเป็นปืนลูกซองพก ยาวราว 1 คืบกระสุนโตเท่าเมล็ดพริกไทย ยิงในระยะห่าง 5 วาถูกผู้เสียหายกระสุนฝังเนื้อกล้าม หมอได้แคะออกแสดงว่าฝังอยู่ตื้นๆ ผู้เสียหายคนหนึ่งรักษาบาดแผล 10 วันหายอีกคนหนึ่งรักษา 6-7 วันหายประกอบกับโจทก์ไม่ได้สืบว่าปืนนี้ หรือปืนชนิดนี้อย่างนี้มีกำลังแรงมากน้อยเพียงไร สามารถยิงให้ถึงตายได้หรือไม่นั้นควรฟังว่าปืนที่ยิงนั้น ไม่สามารถจะทำให้ผู้ถูกยิงถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงยังไม่ผิดฐานพยายามฆ่าคนตายคงผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิวาททำร้ายร่างกายด้วยอาวุธ ผู้กระทำไม่อ้างป้องกันหรือถูกยั่วยุได้
ทุกคนที่สมัครใจเข้าวิวาททำร้ายร่างกายกันนั้นจะอ้างว่าทำโดยป้องกันหรือถูกยั่วโทสะไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: การใช้สัดส่วนในการตอบโต้การประทุษร้ายด้วยอาวุธอันตราย
พี่ชายถือขวานไล่ทำร้ายน้องชาย น้องชายหนีเข้าใต้ถุนเรือนก็ยังติดตามเข้าใต้ถุนเรือนไปเพื่อจะทำร้าย น้องชายหนีขึ้นเรือนของน้องชาย พี่ชายก็ยังตามขึ้นบันไดเรือนเพื่อจะร้ายอีก น้องชายจึงใช้มีดหวด ทำร้ายพี่ชาย 2
ที พี่ชายตกบันไดเรือนและถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกทำร้ายดังนี้ ถือได้ว่า น้องชายกระทำเพื่อป้องกัน
ตัวพอสมควรแก่เหตุ.
ที พี่ชายตกบันไดเรือนและถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกทำร้ายดังนี้ ถือได้ว่า น้องชายกระทำเพื่อป้องกัน
ตัวพอสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ แม้ผู้ถูกทำร้ายเป็นนักเลงโตและอาจมีอาวุธ
จำเลยนั่งดูหนังตะลุงอยู่ดีๆ ผู้ตายซึ่งเมาสุราเข้าถีบหน้าจำเลยแล้วโดดข้ามไป พอจำเลยลุกขึ้นได้ ผู้ตายก็หันกลับมาชวนให้น่าเชื่อว่า ผู้ตายหันมาเพื่อทำร้ายจำเลยอีก ทั้งผู้ตายก็เป็นนักเลงโต อาจมีอาวุธติดตัวอยู่ก็ได้ แม้จำเลยไม่รู้ว่าผู้ตายมีอาวุธอะไร ก็เป็นเวลากระทันหันจวนตัว การที่จำเลยใช้มีดคู่ปลายแหลมแทงผู้ตายไป 1 ทีในขณะนั้นและผู้ตายตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกแทงนั้น ก็ถือได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากชกต่อยเป็นทำร้ายด้วยอาวุธ แม้ต่างจากฟ้องแต่ไม่ถึงกับยกฟ้องได้
ใช้ปืนสั้นตีเขามีบาดแผลฟกช้ำโลหิตซับที่ใต้ขมับขวา 1 แห่ง ฟกช้ำที่แก้มซ้าย 3 แห่ง และที่ข้อมือซ้ายถูกของมีคมอีก 1 แห่ง ย่อมถือได้ว่าเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังกายชกต่อยผู้เสียหายถึงบาดเจ็บทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยใช้ปืนสั้นตีผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ ดังนี้ การชกต่อยกับการใช้ปืนสั้นตีเป็นกิริยาอาการที่ใกล้ชิดกัน ยังไม่พอจะชี้ขาดว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ถึงกับยกฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยข้อกฎหมายว่าโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง แม้ศาลอุทธรณ์จะยกฟ้องในข้อเท็จจริง โจทก์ก็ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังกายชกต่อยผู้เสียหายถึงบาดเจ็บทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยใช้ปืนสั้นตีผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ ดังนี้ การชกต่อยกับการใช้ปืนสั้นตีเป็นกิริยาอาการที่ใกล้ชิดกัน ยังไม่พอจะชี้ขาดว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ถึงกับยกฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยข้อกฎหมายว่าโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง แม้ศาลอุทธรณ์จะยกฟ้องในข้อเท็จจริง โจทก์ก็ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ด้วยอาวุธ การพิสูจน์เจตนาฆ่า และความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
จำเลยเตะผู้ตายสองทีก่อนผู้ตายชักมีดออกจะต่อสู้ จำเลยชักมีดออกบ้าง ต่างเดินเข้าหากันและต่างใช้มีดแทงต่อสู้กัน จำเลยแทงผู้ตายถูกใต้รักแร้ 1 ที ผู้ตายวิ่งหนีไปล้มลงถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการป้องกันตัว แต่จำเลยกับผู้ตายต่างมีมีดเข้าต่อสู้แทงทำร้ายกัน ผู้ตายถูกแทงแต่เพียง 1 ที ผู้ตายวิ่งหนี จำเลยก็ไม่ได้ติดตามไปทำร้ายซ้ำเติมอีก วินิจฉัยว่าจำเลยมีผิดเพียงฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251