คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อาวุธปืน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,022 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาห้ามในปัญหาข้อเท็จจริงฐานมีอาวุธปืน และพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าจากพยานหลักฐาน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองโดยมิได้รับอนุญาต จำคุกไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต และขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตในสถานเบาเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3198/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืน: จำเลยไม่มีกรรมสิทธิ์หรือครอบครอง แม้ตรวจพบในรถและบ้าน
คำว่า มีอาวุธปืนตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 4(6) หมายความว่า มีกรรมสิทธิ์หรือมีไว้ในครอบครอง คำว่า ครอบครองมีความหมายตามกฎหมายทั่วไป ดังนั้น การตรวจค้นพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในรถยนต์และบ้านของจำเลยไม่ได้หมายความว่า จำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ได้ความว่า จำเลยได้ให้ น. เพื่อนของจำเลยอยู่อาศัยและจำเลยมอบรถยนต์คันดังกล่าวไว้ให้รับส่งบุตรของจำเลย น.มีอาชีพรับซ่อมอาวุธปืน ดังนั้นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางจึงอาจจะเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ น. รับไว้เพื่อซ่อมก็เป็นได้ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากพฤติกรรมการยิง: แม้ไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ก็ถือเป็นเจตนาได้
บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับจากกระสุนปืนนัดหนึ่งที่ใต้เข่าปรากฏว่ากระสุนปืนเข้าทางด้านหลังทะลุด้านหน้า แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงนั้นเป็นอาวุธปืนที่ใช้ยิงทำให้ถึงตายได้ถ้าถูกอวัยวะที่สำคัญ การที่จำเลยเล็งอาวุธปืนและยิงไปทางผู้เสียหายหลายนัด แม้จะยิงในระยะห่างเพียงประมาณ 5 วา และกระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ใต้เข่าเพียงนัดเดียว อาจเนื่องมาจากความไม่ชำนาญในการใช้อาวุธปืนของจำเลยเอง จะถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะยิงอวัยวะส่วนที่สำคัญของร่างกายโดยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้อาวุธปืนยิง แม้กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำแสดงเจตนาฆ่า
บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับจากกระสุนปืนนัดหนึ่งที่ใต้เช่าปรากฏว่ากระสุนปืนเข้าทางด้านหลังทะลุด้านหน้า แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงนั้นเป็นอาวุธปืนที่ใช้ยิงทำให้ถึงตายได้ถ้าถูกอวัยวะที่สำคัญ การที่จำเลยเล็งอาวุธปืนและยิงไปทางผู้เสียหายหลายนัด แม้จะยิงในระยะห่างเพียงประมาณ 5 วา และกระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ใต้เข่าเพียงนัดเดียว อาจเนื่องมาจากความไม่ชำนาญในการใช้อาวุธปืนของจำเลยเอง จะถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะยิงอวัยวะส่วนที่สำคัญของร่างกายโดยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตอาวุธปืนและการตอกหมายเลขทะเบียน การกระทำไม่ถึงขั้นปลอมแปลงเอกสาร
จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย จำเลยนำอาวุธปืนของกลางไปให้ผู้ที่นายทะเบียนอาวุธปืนมอบหมายตอกหมายเลขทะเบียนตามที่จำเลยได้รับอนุญาตดังนั้นหมายเลขทะเบียนที่ตอกลงที่อาวุธปืนของกลางจึงไม่ใช่หมายเลขทะเบียนปลอม การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม และถือได้ว่าอาวุธปืนของกลางมีหมายเลขทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมายประทับอยู่ตามใบอนุญาตที่จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2475/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพในคดีอาวุธปืนและการตีความว่าอาวุธปืนมีทะเบียนหรือไม่ ศาลฎีกาพิจารณาจากคำให้การและหลักฐานที่ปรากฏ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่ปรากฏหลักฐานใบอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยยื่นคำให้การมีใจความว่า จำเลยขอให้การรับสารภาพ ความจริงอาวุธปืนตามฟ้องมีหมายเลขทะเบียน แต่เมื่อพนักงานสอบสวนส่งไปตรวจพิสูจน์ ปรากฏว่าไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากทะเบียนอาวุธปืนชำรุด หากสามารถตรวจสอบได้ก็จะเป็นประโยชน์แก่จำเลย ขอให้ศาลรอการลงโทษด้วย ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า จำเลยยื่นคำให้การรับสารภาพศาลสอบ แล้วจำเลยยืนยันให้การตามนี้ โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน เช่นนี้ คำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นการปฏิเสธว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนมีทะเบียน เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน ต้องฟังข้อเท็จจริงว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นจำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 วรรคสาม และมาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ วรรคสอง เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2436/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนใจโดยมีอาวุธปืน: การกระทำที่ไม่ได้มุ่งหวังต่อทรัพย์ แต่เป็นการข่มขู่ให้หยุดรถ
จำเลยว่าจ้างให้ผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์จากตลาดไปส่งยังหมู่บ้าน มีนางสาวด. นั่งกลาง จำเลยนั่งซ้อนท้ายสุด รถแล่นมาได้ประมาณ 10 กิโลเมตร จำเลยบอกให้ผู้เสียหายเลี้ยวกลับไปส่งที่เดิมขณะกำลังเลี้ยวรถกลับ จำเลยกระโดดลงจากรถบอกให้หยุดรถ และมีเสียงชายที่ขับรถจักรยานยนต์ตามหลังมาและเป็นพวกจำเลยบอกให้ยิงผู้เสียหายเหลียวไปดูเห็นจำเลยจ้องปืนมาทางผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงรีบขับรถจักรยานยนต์มุ่งหน้าตรงไป ทำให้นางสาวด. ที่นั่งอยู่ด้วยตกลงจากรถ ขณะนั้นผู้เสียหายได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัดทางด้านหลัง แต่ไม่ถูกผู้เสียหาย ผู้เสียหายหันไปดูเห็นจำเลยและนางสาวด. ขึ้นรถจักรยานยนต์ซึ่งชายผู้นั้นขับไปทางเดิม ดังนี้ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่านางสาวด. ร่วมกระทำการด้วยอย่างไรจำเลยยิงปืนไปทางใด และห่างจากผู้เสียหายเท่าใด จำเลยยิงปืนเพียง1 นัด เมื่อไม่ถูกแล้วก็ไม่ได้ติดตามยิงผู้เสียหายอีก ยังไม่พอฟังว่าจำเลยยิงปืนโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าตามฟ้อง แต่การที่จำเลยซึ่งโดยสารรถจักรยานยนต์ผู้เสียหายมายังไม่ถึงจุดหมายบอกให้ผู้เสียหายเลี้ยวรถกลับไปส่งที่เดิม เมื่อผู้เสียหายเลี้ยวรถจำเลยกลับกระโดดลงจากรถแล้วบอกให้ผู้เสียหายหยุดรถ และเมื่อพวกจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมาบอกให้ยิง จำเลยก็จ้องปืนมาทางผู้เสียหายครั้นผู้เสียหายไม่หยุดรถและขับรถหลบหนีไป จำเลยก็ยิงปืนขึ้นกรณีไม่ปรากฏเหตุผลอย่างไรที่จำเลยจะต้องให้ผู้เสียหายหยุดรถจนถึงขนาดต้องใช้อาวุธปืนในการบังคับขู่เข็ญเช่นนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการข่มขืนใจให้ผู้เสียหายกระทำการโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายของผู้เสียหายอันเป็นความผิดต่อเสรีภาพโดยมีอาวุธปืนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสองแต่เมื่อผู้เสียหายไม่หยุดรถตามที่จำเลยข่มขืนใจ จำเลยจึงมีความผิดเพียงขั้นพยายาม ดังนี้ แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ศาลก็ลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสุดท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและการพิสูจน์สถานะของอาวุธปืน
พนักงานสอบสวนเบิกความว่าได้สอบถามจำเลยปรากฏว่าจำเลยไม่มีใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน จำเลยไม่นำสืบหักล้างกลับ เบิกความตอบคำถามค้านเจือสมว่า จำเลยไม่เคยมีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืน ไว้ในครอบครอง ถือว่าโจทก์ได้นำสืบแล้ว แม้ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็น ของกลางยืนยันพยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวก็เพียงพอฟังลงโทษจำเลย ฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ แต่อย่างไร ก็ตามเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่า อาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืน ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมายหรือไม่ จึงต้องฟังให้เป็นคุณแก่จำเลยว่า อาวุธปืนที่จำเลยมีเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้ รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 7,72 วรรคสามเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ความรับผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ แม้ไม่มีของกลาง
ในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พยานโจทก์เบิกความว่าเห็นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายและได้ความจากพนักงานสอบสวนว่า ในชั้นสอบสวนได้แจ้งข้อหาว่าจำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และสอบถามจำเลย ปรากฏว่าจำเลยไม่มีใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน จำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างแต่กลับเบิกความตอบคำถามค้านเจือสมว่า จำเลยไม่เคยมีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและไม่มีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว จึงถือว่าโจทก์ได้นำสืบถึงข้อหานี้แล้วและแม้ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลางยืนยัน พยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวก็เพียงพอฟังลงโทษจำเลยฐานนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่า อาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมายหรือไม่ จึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7,72 วรรคสาม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะจากการถูกทำร้ายร่างกายและการใช้อาวุธปืน
ผู้ตายชกต่อยและเตะจำเลยซึ่งเป็นภรรยาไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมการที่จำเลยไปหยิบอาวุธปืนมายิงผู้ตายในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำไปโดยบันดาลโทสะ
of 103