พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,515 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 722/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีฉ้อโกงและการฟ้องคดีเกี่ยวกับสมาคม: ผู้เสียหายและสมาชิกภาพ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเจตนาทุจริตใช้อุบายหลอกลวงนางคอย ทรัพย์อ่วม โจทก์และประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริง แต่มิได้บรรยายมาในฟ้องว่าความจริงเป็นอย่างไร และความเท็จเป็นอย่างไรฟ้องโจทก์จึงไม่มีมูลเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
โจทก์ไม่ใช่สมาชิกของสมาคมได้ฟ้องสมาคมซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้วกับพวกเป็นจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัดสมาคมและมูลนิธิ พ.ศ.2499มาตรา 52,53,5556 ตามมาตรา 53 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นเรื่องที่สมาชิกของสมาคมจะดำเนินคดี โจทก์จะมาดำเนินคดีหาได้ไม่ และตามมาตรา 52,55 โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายส่วนมาตรา 56ก็เป็นเรื่องของสมาคมที่ยังไม่ได้จดทะเบียนแต่เรื่องนี้สมาคมจำเลยได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา
โจทก์ไม่ใช่สมาชิกของสมาคมได้ฟ้องสมาคมซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้วกับพวกเป็นจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัดสมาคมและมูลนิธิ พ.ศ.2499มาตรา 52,53,5556 ตามมาตรา 53 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นเรื่องที่สมาชิกของสมาคมจะดำเนินคดี โจทก์จะมาดำเนินคดีหาได้ไม่ และตามมาตรา 52,55 โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายส่วนมาตรา 56ก็เป็นเรื่องของสมาคมที่ยังไม่ได้จดทะเบียนแต่เรื่องนี้สมาคมจำเลยได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 722/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีฉ้อโกงและคดีเกี่ยวกับสมาคม: ผู้เสียหายและสมาชิกภาพ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเจตนาทุจริตใช้อุบายหลอกลวงนางคอย ทรัพย์อ่วม. โจทก์และประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริง. แต่มิได้บรรยายมาในฟ้องว่าความจริงเป็นอย่างไร. และความเท็จเป็นอย่างไร.ฟ้องโจทก์จึงไม่มีมูลเป็นความผิดฐานฉ้อโกง.
โจทก์ไม่ใช่สมาชิกของสมาคม. ได้ฟ้องสมาคมซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้วกับพวกเป็นจำเลย. ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499มาตรา 52,53,5556 ตามมาตรา 53 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นเรื่องที่สมาชิกของสมาคมจะดำเนินคดี. โจทก์จะมาดำเนินคดีหาได้ไม่. และตามมาตรา 52,55 โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย. ส่วนมาตรา 56ก็เป็นเรื่องของสมาคมที่ยังไม่ได้จดทะเบียนแต่เรื่องนี้สมาคมจำเลยได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแล้ว. ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา.
โจทก์ไม่ใช่สมาชิกของสมาคม. ได้ฟ้องสมาคมซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้วกับพวกเป็นจำเลย. ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499มาตรา 52,53,5556 ตามมาตรา 53 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นเรื่องที่สมาชิกของสมาคมจะดำเนินคดี. โจทก์จะมาดำเนินคดีหาได้ไม่. และตามมาตรา 52,55 โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย. ส่วนมาตรา 56ก็เป็นเรื่องของสมาคมที่ยังไม่ได้จดทะเบียนแต่เรื่องนี้สมาคมจำเลยได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแล้ว. ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุคคลล้มละลายไม่มีอำนาจดำเนินคดีเอง ศาลจำหน่ายคดีเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าความ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์. ศาลพิพากษาว่าที่ดินไม่ใช่ของโจทก์. โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง. คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา. ปรากฏว่าโจทก์ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย. และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าความแทนโจทก์. โจทก์จะดำเนินคดีเองต่อไปไม่ได้. ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 24. ศาลฎีกาจึงให้จำหน่ายคดีของโจทก์เสีย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ประกอบการขนส่งต่อการละเมิดของลูกจ้าง และอำนาจฟ้องของผู้มีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดู
เมื่อลูกจ้างของจำเลยยอมให้ผู้ตายโดยสารไปในรถจำเลยจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ลูกจ้างจำเลยกระทำไปตามทางการที่จ้างจำเลยจะอ้างว่าผู้ตายไม่ได้เสียค่าโดยสาร ไม่ต้องรับผิดต่อผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะขนส่ง หาได้ไม่
บุตรบุญธรรมยังคงมีสิทธิหน้าที่ต่อบิดามารดา รวมทั้งหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1535 ฉะนั้น แม้โจทก์จะยกผู้ตายซึ่งเป็นบุตรให้ จ. ผู้ตายยังคงมีความผูกพันต่อโจทก์เมื่อลูกจ้างจำเลยกระทำละเมิดต่อผู้ตายในทางการที่จ้าง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
บุตรบุญธรรมยังคงมีสิทธิหน้าที่ต่อบิดามารดา รวมทั้งหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1535 ฉะนั้น แม้โจทก์จะยกผู้ตายซึ่งเป็นบุตรให้ จ. ผู้ตายยังคงมีความผูกพันต่อโจทก์เมื่อลูกจ้างจำเลยกระทำละเมิดต่อผู้ตายในทางการที่จ้าง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เทศบาลมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกทางสาธารณะ แม้ทางสาธารณะนั้นมิได้ขึ้นทะเบียน และคดีนี้ไม่มีอายุความ
โจทก์เป็นเทศบาลเมือง ซึ่งตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 50 (2), 53 บัญญัติให้มีหน้าที่จัดให้มีและบำรุงทางบกทางน้ำ ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกทางสาธารณะในเขตเทศบาลของตนได้
ทางสาธารณะในเขตเทศบาลซึ่งโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกนั้น โจทก์จะได้รับมอบหมายจากกรมทางหลวงหรือไม่ และจะได้ขึ้นทะเบียนตามคำสั่งที่กระทรวงมหาดไทยวางระเบียบไว้หรือไม่ ไม่เป็นสาระสำคัญ
จำเลยซื้อที่ดินมาจากผู้อื่น ในหนังสือสัญญาซื้อขายระบุว่า ทิศใต้ติดทางสาธารณะ การที่โจทก์นำสืบพยาน (บุคคล) ว่า ทางสาธารณะนั้นมีอาณาเขตกว้างยาวเท่าใด แม้จะทำให้เนื้อที่ดินตามหนังสือสัญญาซื้อขายลดความกว้างไปบ้าง โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบได้ เพราะด้านกว้างและด้านยาวตามหนังสือสัญญาซื้อขายอาจคลาดเคลื่อน หรือคู่สัญญาที่ซื้อขายอาจนำรังวัดรุกล้ำแนวทางสาธารณะก็เป็นได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบุกรุกทางสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยต้องห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดิน
(ข้อกฎหมายตามวรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8 - 9/2512)
ทางสาธารณะในเขตเทศบาลซึ่งโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกนั้น โจทก์จะได้รับมอบหมายจากกรมทางหลวงหรือไม่ และจะได้ขึ้นทะเบียนตามคำสั่งที่กระทรวงมหาดไทยวางระเบียบไว้หรือไม่ ไม่เป็นสาระสำคัญ
จำเลยซื้อที่ดินมาจากผู้อื่น ในหนังสือสัญญาซื้อขายระบุว่า ทิศใต้ติดทางสาธารณะ การที่โจทก์นำสืบพยาน (บุคคล) ว่า ทางสาธารณะนั้นมีอาณาเขตกว้างยาวเท่าใด แม้จะทำให้เนื้อที่ดินตามหนังสือสัญญาซื้อขายลดความกว้างไปบ้าง โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบได้ เพราะด้านกว้างและด้านยาวตามหนังสือสัญญาซื้อขายอาจคลาดเคลื่อน หรือคู่สัญญาที่ซื้อขายอาจนำรังวัดรุกล้ำแนวทางสาธารณะก็เป็นได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบุกรุกทางสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยต้องห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดิน
(ข้อกฎหมายตามวรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8 - 9/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เทศบาลมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกทางสาธารณะ แม้ทางสาธารณะนั้นมิได้ขึ้นทะเบียน หรือได้รับมอบหมายจากกรมทางหลวง
โจทก์เป็นเทศบาลเมือง ซึ่งตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496มาตรา 50(2),53 บัญญัติให้มีหน้าที่จัดให้มีและบำรุงทางบกทางน้ำย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกทางสาธารณะในเขตเทศบาลของตนได้
ทางสาธารณะในเขตเทศบาลซึ่งโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกนั้น โจทก์จะได้รับมอบหมายจากกรมทางหลวงหรือไม่และจะได้ขึ้นทะเบียนตามคำสั่งที่กระทรวงมหาดไทยวางระเบียบไว้หรือไม่ไม่เป็นสารสำคัญ
จำเลยซื้อที่ดินมาจากผู้อื่น ในหนังสือสัญญาซื้อขายระบุว่า ทิศใต้ติดทางสาธารณะการที่โจทก์นำสืบพยาน(บุคคล) ว่า ทางสาธารณะนั้นมีอาณาเขตกว้างยาวเท่าใด แม้จะทำให้เนื้อที่ดินตามหนังสือสัญญาซื้อขายลดความกว้างไปบ้างโจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบได้เพราะด้านกว้างและด้านยาวตามหนังสือสัญญาซื้อขายอาจคลาดเคลื่อนหรือคู่สัญญาที่ซื้อขายอาจนำรังวัดรุกล้ำแนวทางสาธารณะก็เป็นได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบุกรุกทางสาธารณะอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินจำเลยต้องห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดิน
(ข้อกฎหมายตามวรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่8-9/2512)
ทางสาธารณะในเขตเทศบาลซึ่งโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกนั้น โจทก์จะได้รับมอบหมายจากกรมทางหลวงหรือไม่และจะได้ขึ้นทะเบียนตามคำสั่งที่กระทรวงมหาดไทยวางระเบียบไว้หรือไม่ไม่เป็นสารสำคัญ
จำเลยซื้อที่ดินมาจากผู้อื่น ในหนังสือสัญญาซื้อขายระบุว่า ทิศใต้ติดทางสาธารณะการที่โจทก์นำสืบพยาน(บุคคล) ว่า ทางสาธารณะนั้นมีอาณาเขตกว้างยาวเท่าใด แม้จะทำให้เนื้อที่ดินตามหนังสือสัญญาซื้อขายลดความกว้างไปบ้างโจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบได้เพราะด้านกว้างและด้านยาวตามหนังสือสัญญาซื้อขายอาจคลาดเคลื่อนหรือคู่สัญญาที่ซื้อขายอาจนำรังวัดรุกล้ำแนวทางสาธารณะก็เป็นได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบุกรุกทางสาธารณะอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินจำเลยต้องห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดิน
(ข้อกฎหมายตามวรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่8-9/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เทศบาลมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกทางสาธารณะ แม้ทางสาธารณะนั้นจะยังไม่ได้รับการมอบหมายหรือขึ้นทะเบียน
โจทก์เป็นเทศบาลเมือง ซึ่งตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 มาตรา 50(2),53 บัญญัติให้มีหน้าที่จัดให้มีและบำรุงทางบกทางน้ำ. ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกทางสาธารณะในเขตเทศบาลของตนได้.
ทางสาธารณะในเขตเทศบาลซึ่งโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกนั้น. โจทก์จะได้รับมอบหมายจากกรมทางหลวงหรือไม่. และจะได้ขึ้นทะเบียนตามคำสั่งที่กระทรวงมหาดไทยวางระเบียบไว้หรือไม่. ไม่เป็นสารสำคัญ.
จำเลยซื้อที่ดินมาจากผู้อื่น. ในหนังสือสัญญาซื้อขายระบุว่า ทิศใต้ติดทางสาธารณะ. การที่โจทก์นำสืบพยาน(บุคคล) ว่า ทางสาธารณะนั้นมีอาณาเขตกว้างยาวเท่าใด แม้จะทำให้เนื้อที่ดินตามหนังสือสัญญาซื้อขายลดความกว้างไปบ้าง.โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบได้. เพราะด้านกว้างและด้านยาวตามหนังสือสัญญาซื้อขายอาจคลาดเคลื่อน. หรือคู่สัญญาที่ซื้อขายอาจนำรังวัดรุกล้ำแนวทางสาธารณะก็เป็นได้.
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบุกรุกทางสาธารณะอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินจำเลยต้องห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดิน. (ข้อกฎหมายตามวรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่8-9/2512).
ทางสาธารณะในเขตเทศบาลซึ่งโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกนั้น. โจทก์จะได้รับมอบหมายจากกรมทางหลวงหรือไม่. และจะได้ขึ้นทะเบียนตามคำสั่งที่กระทรวงมหาดไทยวางระเบียบไว้หรือไม่. ไม่เป็นสารสำคัญ.
จำเลยซื้อที่ดินมาจากผู้อื่น. ในหนังสือสัญญาซื้อขายระบุว่า ทิศใต้ติดทางสาธารณะ. การที่โจทก์นำสืบพยาน(บุคคล) ว่า ทางสาธารณะนั้นมีอาณาเขตกว้างยาวเท่าใด แม้จะทำให้เนื้อที่ดินตามหนังสือสัญญาซื้อขายลดความกว้างไปบ้าง.โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบได้. เพราะด้านกว้างและด้านยาวตามหนังสือสัญญาซื้อขายอาจคลาดเคลื่อน. หรือคู่สัญญาที่ซื้อขายอาจนำรังวัดรุกล้ำแนวทางสาธารณะก็เป็นได้.
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบุกรุกทางสาธารณะอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินจำเลยต้องห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดิน. (ข้อกฎหมายตามวรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่8-9/2512).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 454/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขัดขืนหมายเรียกศาล: โจทก์ต้องเป็นผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำนั้น
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 170 มุ่งหมายเอาโทษแก่ผู้ที่ขัดขืนหมายหรือคำสั่งศาลที่ให้มาให้ถ้อยคำ ให้มาเบิกความ หรือให้ส่งทรัพย์หรือเอกสารในการพิจารณาคดี เป็นบทบัญญัติถึงการกระทำความผิดต่อศาลซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรม
เหตุที่ศาลมีคำสั่งตัดพยานโจทก์เพราะไม่มาเบิกความตามหมายเรียกของศาลนั้น โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำของพยานนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ขัดขืนหมายเรียกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 170
เหตุที่ศาลมีคำสั่งตัดพยานโจทก์เพราะไม่มาเบิกความตามหมายเรียกของศาลนั้น โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำของพยานนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ขัดขืนหมายเรียกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 170
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 454/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขัดขืนหมายเรียกพยาน: โจทก์ต้องเป็นผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำนั้น
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 170 มุ่งหมายเอาโทษแก่ผู้ที่ขัดขืนหมายหรือคำสั่งศาลที่ให้มาให้ถ้อยคำ ให้มาเบิกความ หรือให้ส่งทรัพย์หรือเอกสารในการพิจารณาคดีเป็นบทบัญญัติถึงการกระทำความผิดต่อศาลซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรม
เหตุที่ศาลมีคำสั่งตัดพยานโจทก์เพราะไม่มาเบิกความตามหมายเรียกของศาลนั้น โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำของพยานนั้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ขัดขืนหมายเรียกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 170
เหตุที่ศาลมีคำสั่งตัดพยานโจทก์เพราะไม่มาเบิกความตามหมายเรียกของศาลนั้น โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำของพยานนั้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ขัดขืนหมายเรียกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 170
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 454/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขัดขืนหมายเรียกศาล: ผู้เสียหายโดยตรงเท่านั้นที่ฟ้องได้
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 170 มุ่งหมายเอาโทษแก่ผู้ที่ขัดขืนหมายหรือคำสั่งศาลที่ให้มาให้ถ้อยคำ ให้มาเบิกความ หรือให้ส่งทรัพย์หรือเอกสารในการพิจารณาคดี. เป็นบทบัญญัติถึงการกระทำความผิดต่อศาลซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรม.
เหตุที่ศาลมีคำสั่งตัดพยานโจทก์เพราะไม่มาเบิกความตามหมายเรียกของศาลนั้น. โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำของพยานนั้น. โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ขัดขืนหมายเรียกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 170.
เหตุที่ศาลมีคำสั่งตัดพยานโจทก์เพราะไม่มาเบิกความตามหมายเรียกของศาลนั้น. โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำของพยานนั้น. โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ขัดขืนหมายเรียกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 170.