พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,077 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินจากการครอบครองโดยมีเจตนาที่จะครอบครองเป็นเจ้าของ แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส
ชายหญิงอยู่กินกันฉันสามีภริยา แต่มิได้จดทะเบียนสมรส ชายเอาที่ดินของหญิงไปขายฝากไว้กับผู้อื่นโดยความรู้ เห็นยินยอมของหญิง ครบกำหนดไถ่ถอนก็ไม่ไถ่ ผู้รับซื้อที่ดินนั้นได้ปกครองที่นั้นอย่างเจ้าของต่อมาอีก 7 ปี เช่นนี้เมื่อปรากฎว่าที่ดินนั้นเป็นที่มือเปล่า ผู้รับซื้อฝากที่ไว้ย่อมได้สิทธิในที่นั้นโดยการครอบครองหญิงไม่มีสิทธิเอากลับคืนได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1081-1082/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การลดโทษจากฆ่าโดยเจตนาเป็นฆ่าโดยไม่เจตนา
ใช้ไม้ตีผู้ตายทีเดียว ไม้ที่ใช้ตีจะมีขนาดเล็กโตเพียงไร ไม่ปรากฎคงได้ความตามพยานโจทก์ว่า เป็นไม้กลมยาว ราวครึ่งแขนประกอบกับสาเหตุก็เล็กน้อย ผู้ตายถึงแก่ความตายในวันรุ่งขึ้น, ดังนี้ ยังไม่พอให้ชี้ขาดได้ถนัดว่าจำ เลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยคงมีความผิดเพียงฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฉ้อโกง: การหลอกลวงเกี่ยวกับกรรมสิทธิในทรัพย์สินและการแสดงเจตนาที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกทรัพย์ แต่มิได้ระบุวันเวลาที่กล่าวหา เป็นแต่ระบุเดือนปีที่กล่าวหาทั้งเดือน และไม่ได้บรรยายด้วยว่าจำเลยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษาหรือเก็บรักษาทรัพย์หรือจัดการทรัพย์อย่างใด ๆ นั้น ศาลย่อมไม่รับพิจารณาข้อหาฐานยักยอกทรัพย์
ฟ้องหาว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ว่าจำเลยเป็นเจ้าของตู้เย็น ขอขายให้โจทก์ ๆ หลงเชื่อรับซื้อไว้ ดังนี้ แม้จะมิได้กล่าวหาว่าหลงเชื่อว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยตามที่ใช้อุบายหลอกลวงนั้น คำว่าใช้อุบายหลอกลวงว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ ก็พอเข้าใจได้ว่า จำเลยเอาความเท็จมากล่าวว่าเป็นของจำเลย และเมื่อพิจารณาประกอบกับฟ้อง+++ ข้อหนึ่ง ที่ว่าโจทก์ไปที่ร้านค้าของจำเลย ปรากฎว่าสิ่งของทั้งหมดไม่ได้อยู่ในร้าน ถามจำเลยๆว่าของ++ เดิมจำเลยเช่ามาจากเจ้าของ++ เจ้าของเอาไปหมดแล้ว เป็นการแสดงว่า ของที่กล่าวไม่ใช่ของจำเลย แต่จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าเป็นของจำเลย และขายให้โจทก์ จึงเป็นฟ้องที่ศาลควรรับฟ้องไว้พิจารณาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 304 ได้.
ฟ้องหาว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ว่าจำเลยเป็นเจ้าของตู้เย็น ขอขายให้โจทก์ ๆ หลงเชื่อรับซื้อไว้ ดังนี้ แม้จะมิได้กล่าวหาว่าหลงเชื่อว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยตามที่ใช้อุบายหลอกลวงนั้น คำว่าใช้อุบายหลอกลวงว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ ก็พอเข้าใจได้ว่า จำเลยเอาความเท็จมากล่าวว่าเป็นของจำเลย และเมื่อพิจารณาประกอบกับฟ้อง+++ ข้อหนึ่ง ที่ว่าโจทก์ไปที่ร้านค้าของจำเลย ปรากฎว่าสิ่งของทั้งหมดไม่ได้อยู่ในร้าน ถามจำเลยๆว่าของ++ เดิมจำเลยเช่ามาจากเจ้าของ++ เจ้าของเอาไปหมดแล้ว เป็นการแสดงว่า ของที่กล่าวไม่ใช่ของจำเลย แต่จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าเป็นของจำเลย และขายให้โจทก์ จึงเป็นฟ้องที่ศาลควรรับฟ้องไว้พิจารณาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 304 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 976/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นสัญญาเช่า: เจตนาขอเช่าต่อทำให้ผู้ให้เช่าสละสิทธิบอกเลิกสัญญา
ทำสัญญาเช่าห้องกันมีกำหนด 3 ปี สัญญาข้อหนึ่งมีว่า "เมื่อผู้ให้เช่าจะต้องการคืนห้องทั้งสองฝ่ายจะต้องบอกให้รู้ล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนไม่น้อยกว่า 30 วัน" แต่คู่สัญญาก็ได้เขียนสัญญาต่อไปอีกข้อหนึ่งว่า "เมื่อสิ้นอายุสัญญาฉะบับนี้แล้ว ผู้ให้เช่ายินดีจะทำสัญญาต่อให้แก่ผู้เช่าต่อไปอีกเป็นงวด ๆ จนครบ 10 ปี" ดังนี้ ก็ต้องแปลข้อสัญญาข้อหลังนี้เป็นข้อยกเว้นข้อสัญญาข้อแรกเสียแล้ว โดยผู้ให้เช่ายอมสละสิทธิตามที่เขียนไว้แต่เดิมในข้อแรกนั้นเสียแล้ว ฉะนั้นเมื่อผู้เช่าได้แสดงเจตนาขอเช่าต่อไปแล้ว ผู้ให้เช่าก็ไม่มีสิทธิบอกเลิกการเช่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพรางสัญญากู้: เจตนาที่แท้จริงคือการลงทุนร่วมธุรกิจ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยตามหนังสือสัญญากู้จำเลยต่อสู้ว่าเป็นนิติกรรมอำพราง เมื่อคดีได้ความว่าความจริงเป้นเรื่องโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันในการแสดงลครเพื่อหาผลกำไร จำนวนเงินที่โจทก์จะมอบให้จำเลยไปซื้อหาและใช้จ่ายในการแสดงลครนั้นโจทก์ให้จำเลยทำหนังสือสัญญากู้โจทก์ไว้ เพื่อให้จำเลยเอาเงินไปใช้เพื่อประโยชน์ในการจัดการแสดงลครจริง ๆ และเพื่อป้องกันเจ้าหนี้อื่น ถ้าหากจำเลยจะไปก่อให้เกิดขึ้น มิให้มาฟ้องร้องโจทก์ในฐานเป็นหุ้นส่วน ดังนี้ สัญญากู้ดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมอำพราง ตกเป็นโมฆะ ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 118.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อตั้งตรัสต์ต้องมีเจตนาชัดเจนยกทรัพย์และผูกมัดการใช้ประโยชน์ให้ชัดเจน มิฉะนั้นถือเป็นทรัพย์มรดก
กรณีจะเป็นตรัสต์นั้น ต้องมีข้อความให้เห็นได้ว่า ยกกรรมสิทธิในทรัพย์ให้ แต่ผูกมัดไว้ว่า ผู้รับกรรมสิทธินั้จะต้องใช้ทรัพย์นั้นให้เป็นประโยชน์แก่บุคคลใด ๆ อันกำหนดตัวได้แน่นอนหรือเพื่อสาธารณะกุศลอันแน่นอน
การสั่งให้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างเป็นกองกลาง เพื่อให้บุตรหลานมีสิทธิได้อยู่อาศัยและเก็บกิน ซึ่งผลประโยชน์ไปจนตลอดชีวิต เมื่อบุตรหลานคนใดไม่มีทุนรอน ก็ให้เงินทำทุนพอสมควร โดยตั้งให้ทายาทคนหนึ่งเป็นผู้ปกครองทรัพย์ กับมีหน้าที่เก็บเงิน ทำบุญวัดและบ้านนั้น เป็นคำสั่งที่ใช้คำกว้าง ๆ ไม่แน่นอนมิได้กำหนดให้ชัดว่าทำบุญอะไร วัดไหน และบ้านแห่งใด ดังนี้ จึงไม่ใช่เป็นกรณีก่อให้ตั้งตรัสต์ และต้องถือว่าข้อกำหนดในพินัยกรรมดังกล่าวแล้ว ไม่มีผล ทรัพย์มรดกจึงตกทอดไปยังทายาทโดยธรรมไป
การสั่งให้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างเป็นกองกลาง เพื่อให้บุตรหลานมีสิทธิได้อยู่อาศัยและเก็บกิน ซึ่งผลประโยชน์ไปจนตลอดชีวิต เมื่อบุตรหลานคนใดไม่มีทุนรอน ก็ให้เงินทำทุนพอสมควร โดยตั้งให้ทายาทคนหนึ่งเป็นผู้ปกครองทรัพย์ กับมีหน้าที่เก็บเงิน ทำบุญวัดและบ้านนั้น เป็นคำสั่งที่ใช้คำกว้าง ๆ ไม่แน่นอนมิได้กำหนดให้ชัดว่าทำบุญอะไร วัดไหน และบ้านแห่งใด ดังนี้ จึงไม่ใช่เป็นกรณีก่อให้ตั้งตรัสต์ และต้องถือว่าข้อกำหนดในพินัยกรรมดังกล่าวแล้ว ไม่มีผล ทรัพย์มรดกจึงตกทอดไปยังทายาทโดยธรรมไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อตั้งทรัสต์ต้องมีเจตนาชัดเจน ยกทรัพย์ให้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นหรือสาธารณะ คำสั่งกว้างๆ ไม่ถือเป็นทรัสต์
กรณีจะเป็นทรัสต์นั้น ต้องมีข้อความให้เห็นได้ว่า ยกกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ให้ แต่ผูกมัดไว้ว่า ผู้รับกรรมสิทธิ์นั้นจะต้องใช้ทรัพย์นั้นให้เป็นประโยชน์แก่บุคคลใดๆอันกำหนดตัวได้แน่นอนหรือเพื่อสาธารณะกุศลอันแน่นอน
การสั่งให้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างเป็นกองกลาง เพื่อให้บุตรหลานมีสิทธิได้อยู่อาศัยและเก็บกิน ซึ่งผลประโยชน์ต่อไปจนตลอดชีวิต เมื่อบุตรหลานคนใดไม่มีทุนรอน ก็ให้เงินทำทุนพอสมควร โดยตั้งให้ทายาทคนหนึ่งเป็นผู้ปกครองทรัพย์ กับมีหน้าที่เก็บเงิน ทำบุญวัดและบ้านนั้นเป็นคำสั่งที่ใช้คำกว้างๆ ไม่แน่นอนมิได้กำหนดให้ชัดว่าทำบุญอะไร วัดไหนและบ้านแห่งใด ดังนี้ จึงไม่ใช่เป็นกรณีก่อตั้งทรัสต์ และต้องถือว่าข้อกำหนดในพินัยกรรมดังกล่าวแล้วไม่มีผล ทรัพย์มรดกจึงตกทอดไปยังทายาทโดยธรรมต่อไป
การสั่งให้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างเป็นกองกลาง เพื่อให้บุตรหลานมีสิทธิได้อยู่อาศัยและเก็บกิน ซึ่งผลประโยชน์ต่อไปจนตลอดชีวิต เมื่อบุตรหลานคนใดไม่มีทุนรอน ก็ให้เงินทำทุนพอสมควร โดยตั้งให้ทายาทคนหนึ่งเป็นผู้ปกครองทรัพย์ กับมีหน้าที่เก็บเงิน ทำบุญวัดและบ้านนั้นเป็นคำสั่งที่ใช้คำกว้างๆ ไม่แน่นอนมิได้กำหนดให้ชัดว่าทำบุญอะไร วัดไหนและบ้านแห่งใด ดังนี้ จึงไม่ใช่เป็นกรณีก่อตั้งทรัสต์ และต้องถือว่าข้อกำหนดในพินัยกรรมดังกล่าวแล้วไม่มีผล ทรัพย์มรดกจึงตกทอดไปยังทายาทโดยธรรมต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ตั๋วปลอมและการจำหน่ายโดยเจตนา การมีความผิดตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา
ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 218 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดบังอาจใช้ตั๋วอย่างใดๆ เช่นว่าในมาตรา 217 ที่มันรู้อยู่ว่าเป็นตั๋วปลอมแปลงก็ดี หรือปรากฎว่ามันมีตั๋วปลอมแปลงเช่นนั้นไว้โดยเจตนาที่จะใช้ก็ดี ท่านว่ามันมีความผิด" นั้นย่อมหมายความถึงทุกคนที่บังอาจใช้ตั๋วปลอมแปลงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 217 โดยไม่จำกัดบุคคลว่าจะต้องไม่ใช่ลูกจ้างของนายจ้างหรือไม่ ก็ย่อมมีความผิดทั้งนั้น และคำว่าใช้นั้น หมายความรวมตลอดถึงการจำหน่ายด้วย
คนขายตั๋วเก็บค่าโดยสารรถยนต์โดยสารทั่วไปของบริษัท ๆ หนึ่งบังอาจมีและใช้ตั๋วรถยนต์โดยสารปลอม โดยนำมาใช้จำหน่ายแก่ผู้โดยสาร โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นตั๋วปลอมนั้น คนขายตั๋วย่อมมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 218
คนขายตั๋วเก็บค่าโดยสารรถยนต์โดยสารทั่วไปของบริษัท ๆ หนึ่งบังอาจมีและใช้ตั๋วรถยนต์โดยสารปลอม โดยนำมาใช้จำหน่ายแก่ผู้โดยสาร โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นตั๋วปลอมนั้น คนขายตั๋วย่อมมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ตั๋วปลอมแปลงและการจำหน่ายโดยเจตนา: ความผิดตามมาตรา 218
กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 218 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดบังอาจใช้ตั๋วอย่างใดใด เช่นว่าในมาตรา 217 ที่มันรู้อยู่ว่าเป็นตั๋วปลอมแปลงก็ดี หรือปรากฏว่ามันมีตั๋วปลอมแปลง เช่นนั้นไว้โดยเจตนาที่จะใช้ก็ดี ท่านว่ามันมีความผิด" นั้น ย่อมหมายความถึงทุกคนที่บังอาจใช้ตั๋วปลอมแปลงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 217 โดยไม่จำกัดบุคคลว่าจะต้องไม่ใช่ลูกจ้างของนายจ้างหรือไม่ก็ย่อมมีความผิดทั้งนั้น และคำว่าใช้นั้น หมายความรวมตลอดถึงการจำหน่ายด้วย
คนขายตั๋วเก็บค่าโดยสารรถยนต์โดยสารประจำรถยนต์โดยสารสาธารณะชนทั่วไปของบริษัทบริษัท หนึ่งบังอาจมีและใช้ตั๋วรถยนต์โดยสารปลอม โดยนำมาใช้จำหน่ายแก่ผู้โดยสารโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นตั๋วปลอมนั้น คนขายตั๋วย่อมมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 218
คนขายตั๋วเก็บค่าโดยสารรถยนต์โดยสารประจำรถยนต์โดยสารสาธารณะชนทั่วไปของบริษัทบริษัท หนึ่งบังอาจมีและใช้ตั๋วรถยนต์โดยสารปลอม โดยนำมาใช้จำหน่ายแก่ผู้โดยสารโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นตั๋วปลอมนั้น คนขายตั๋วย่อมมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาเป็นเจตนาได้หลังอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249
แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251 และศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้องก็ตาม โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริง ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 ได้
แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251 และศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้องก็ตาม โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริง ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 ได้