พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,515 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1428-1429/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ: กฎหมายพิเศษเหนือกว่ากฎหมายทั่วไป, สาธารณสมบัติของแผ่นดินห้ามยกอายุความ
ที่ดินซึ่งรัฐบาลซื้อจากเอกชนเพื่อสร้างสถานที่ราชการ.และได้มีพระบรมราชโองการให้ขึ้นทะเบียนเป็นกรรมสิทธิ์ของกระทรวงการคลังแต่ครั้งสมัยสมบูรณาญาสิทธิราช. ในทะเบียนที่ราชพัสดุมีหมายเหตุไว้ในช่องใช้ราชการหรือจัดให้เช่าทำประโยชน์ว่าให้เช่าปลูกโรงชั่วคราว. ที่ดินราชพัสดุซึ่งอยู่ติดต่อกันได้ใช้ปลูกสร้างเป็นที่ทำการแขวงการทางกรมธนารักษ์ในกระทรวงการคลังมอบให้สรรพากรจังหวัดเป็นผู้ดูแล. แม้ที่ดินดังกล่าวจะยังมิได้ใช้ปลูกสร้างสถานที่ราชการ. ก็เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 ซึ่งมิใช่ที่ดินรกร้างว่างเปล่า. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2512).
ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม พ.ศ.2506 มาตรา 9 ซึ่งบัญญัติว่า.กระทรวงการคลังมีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับการเงินแผ่นดิน ภาษีอากร การรัษฎากร หรือกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน นอกจากสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น. หาได้ยกเว้นมิให้กระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับสาธารณสมบัติของแผ่นดินทุกชนิดไม่.
ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 บัญญัติว่า. บรรดาที่ดินทั้งหลายอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หรือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินนั้น. ถ้าไม่มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น. ให้อธิบดีมีอำนาจดูแลรักษาดำเนินการคุ้มครองป้องกันได้ตามควรแก่กรณี. อำนาจหน้าที่ดังว่านี้รัฐมนตรีจะมอบหมายให้ทบวงการเมืองอื่นเป็นผู้ใช้ก็ได้.แต่โดยที่ได้มีพระบรมราชโองการให้กระทรวงการคลังมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินราชพัสดุรายพิพาท และขึ้นทะเบียนไว้แล้วก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน. พระบรมราชโองการในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย่อมถือเป็นกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังเป็นผู้รับผิดชอบดูแลรักษาและดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ราชพัสดุ.อธิบดีกรมที่ดินจึงไม่มีอำนาจ. และเมื่อมีประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 8 วรรคท้าย บัญญัติว่า. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจที่จะจัดขึ้นทะเบียนเป็นของทบวงการเมืองได้.กระทรวงการคลังก็คงใช้อำนาจครอบครองที่ราชพัสดุอยู่เช่นเดิม โดยมิได้มีการเปลี่ยนแปลง. ย่อมถือได้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้จัดให้ที่พิพาทขึ้นทะเบียนเป็นของกระทรวงการคลังแล้วโดยอนุโลม. พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมเป็นกฎหมายทั่วไปที่กำหนดอำนาจและหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามกฎหมายของกระทรวงและทบวงการเมืองต่างๆ. ย่อมไม่ลบล้างอำนาจของกระทรวงการคลังซึ่งได้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรคท้าย อันเป็นกฎหมายพิเศษ. เพราะกฎหมายพิเศษย่อมยกเว้นกฎหมายทั่วไป. กระทรวงการคลังจึงมีอำนาจฟ้องเกี่ยวกับที่ราชพัสดุรายพิพาทได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1149/2511).
สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ผู้ใดจะยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินหาได้ไม่.
ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม พ.ศ.2506 มาตรา 9 ซึ่งบัญญัติว่า.กระทรวงการคลังมีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับการเงินแผ่นดิน ภาษีอากร การรัษฎากร หรือกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน นอกจากสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น. หาได้ยกเว้นมิให้กระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับสาธารณสมบัติของแผ่นดินทุกชนิดไม่.
ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 บัญญัติว่า. บรรดาที่ดินทั้งหลายอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หรือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินนั้น. ถ้าไม่มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น. ให้อธิบดีมีอำนาจดูแลรักษาดำเนินการคุ้มครองป้องกันได้ตามควรแก่กรณี. อำนาจหน้าที่ดังว่านี้รัฐมนตรีจะมอบหมายให้ทบวงการเมืองอื่นเป็นผู้ใช้ก็ได้.แต่โดยที่ได้มีพระบรมราชโองการให้กระทรวงการคลังมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินราชพัสดุรายพิพาท และขึ้นทะเบียนไว้แล้วก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน. พระบรมราชโองการในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย่อมถือเป็นกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังเป็นผู้รับผิดชอบดูแลรักษาและดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ราชพัสดุ.อธิบดีกรมที่ดินจึงไม่มีอำนาจ. และเมื่อมีประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 8 วรรคท้าย บัญญัติว่า. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจที่จะจัดขึ้นทะเบียนเป็นของทบวงการเมืองได้.กระทรวงการคลังก็คงใช้อำนาจครอบครองที่ราชพัสดุอยู่เช่นเดิม โดยมิได้มีการเปลี่ยนแปลง. ย่อมถือได้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้จัดให้ที่พิพาทขึ้นทะเบียนเป็นของกระทรวงการคลังแล้วโดยอนุโลม. พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมเป็นกฎหมายทั่วไปที่กำหนดอำนาจและหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามกฎหมายของกระทรวงและทบวงการเมืองต่างๆ. ย่อมไม่ลบล้างอำนาจของกระทรวงการคลังซึ่งได้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรคท้าย อันเป็นกฎหมายพิเศษ. เพราะกฎหมายพิเศษย่อมยกเว้นกฎหมายทั่วไป. กระทรวงการคลังจึงมีอำนาจฟ้องเกี่ยวกับที่ราชพัสดุรายพิพาทได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1149/2511).
สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ผู้ใดจะยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1405/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องแทนผู้เยาว์: บิดาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส/จดทะเบียนบุตร ไม่มีอำนาจฟ้องแทน
บิดาของผู้เยาว์ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาของผู้เยาว์ ทั้งไม่ได้จดทะเบียนว่าผู้เยาว์เป็นบุตร หรือศาลพิพากษาว่าผู้เยาว์เป็นบุตร ไม่เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ ที่จะมีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 5(1)
แม้ภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว บิดาของผู้เยาว์ได้ไปจดทะเบียนสมรสกับมารดาของผู้เยาว์ บิดาของผู้เยาว์ก็เพิ่งจะมีอำนาจปกครองผู้เยาว์นับแต่วันจดทะเบียนสมรส เมื่อขณะยื่นฟ้อง บิดาของผู้เยาว์ไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจปกครอง จึงไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ได้
แม้ภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว บิดาของผู้เยาว์ได้ไปจดทะเบียนสมรสกับมารดาของผู้เยาว์ บิดาของผู้เยาว์ก็เพิ่งจะมีอำนาจปกครองผู้เยาว์นับแต่วันจดทะเบียนสมรส เมื่อขณะยื่นฟ้อง บิดาของผู้เยาว์ไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจปกครอง จึงไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1405/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแทนผู้เยาว์: บิดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส/บุตร ไม่มีอำนาจฟ้อง
บิดาของผู้เยาว์ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาของผู้เยาว์ ทั้งไม่ได้จดทะเบียนว่าผู้เยาว์เป็นบุตร หรือศาลพิพากษาว่าผู้เยาว์เป็นบุตร ไม่เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ ที่จะมีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(1)
แม้ภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว บิดาของผู้เยาว์ได้ไปจดทะเบียนสมรสกับมารดาของผู้เยาว์ บิดาของผู้เยาว์ก็เพิ่งจะมีอำนาจปกครองผู้เยาว์นับแต่วันจดทะเบียนสมรส เมื่อขณะยื่นฟ้อง บิดาของผู้เยาว์ไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจปกครอง จึงไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรม ของผู้เยาว์ ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ได้
แม้ภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว บิดาของผู้เยาว์ได้ไปจดทะเบียนสมรสกับมารดาของผู้เยาว์ บิดาของผู้เยาว์ก็เพิ่งจะมีอำนาจปกครองผู้เยาว์นับแต่วันจดทะเบียนสมรส เมื่อขณะยื่นฟ้อง บิดาของผู้เยาว์ไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจปกครอง จึงไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรม ของผู้เยาว์ ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1405/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแทนผู้เยาว์: บิดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส/บุตร ไม่มีอำนาจฟ้อง
บิดาของผู้เยาว์ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาของผู้เยาว์. ทั้งไม่ได้จดทะเบียนว่าผู้เยาว์เป็นบุตร. หรือศาลพิพากษาว่าผู้เยาว์เป็นบุตร. ไม่เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์. ที่จะมีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(1).
แม้ภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว. บิดาของผู้เยาว์ได้ไปจดทะเบียนสมรสกับมารดาของผู้เยาว์. บิดาของผู้เยาว์ก็เพิ่งจะมีอำนาจปกครองผู้เยาว์นับแต่วันจดทะเบียนสมรส เมื่อขณะยื่นฟ้อง บิดาของผู้เยาว์ไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจปกครอง. จึงไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรม ของผู้เยาว์. ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ได้.
แม้ภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว. บิดาของผู้เยาว์ได้ไปจดทะเบียนสมรสกับมารดาของผู้เยาว์. บิดาของผู้เยาว์ก็เพิ่งจะมีอำนาจปกครองผู้เยาว์นับแต่วันจดทะเบียนสมรส เมื่อขณะยื่นฟ้อง บิดาของผู้เยาว์ไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจปกครอง. จึงไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรม ของผู้เยาว์. ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและผลของการขาดอายุอุทธรณ์: การแก้ไขคำให้การเพิ่มเติมหลังชี้สองสถาน
การขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะยื่นคำร้องภายหลังจากวันชี้สองสถาน ก็ไม่ต้องห้าม
โจทก์ฟ้องว่า สรรพากรจังหวัดประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าโดยไม่ชอบ โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการวินิจฉัยว่าการประเมินถูกต้องแล้ว โจทก์จึงฟ้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่เสียภาษีตามที่ประเมิน จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกินกำหนด 30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งประเมินขัดต่อประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เมื่อไม่มีสิทธิอุทธรณ์ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จะได้ความว่า คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์สั่งในอุทธรณ์ของโจทก์กว่าการประเมินของเจ้าหน้าที่ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่าอุทธรณ์ของโจทก์ขาดอายุที่จะอุทธรณ์ได้แล้ว การสั่งดังนี้ก็หามีผลทำให้อุทธรณ์นั้นถูกต้องขึ้นไม่ เท่ากับยังไม่อุทธรณ์โดยชอบตามกฎหมาย สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีมาสู่ศาลย่อมไม่มี
โจทก์ฟ้องว่า สรรพากรจังหวัดประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าโดยไม่ชอบ โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการวินิจฉัยว่าการประเมินถูกต้องแล้ว โจทก์จึงฟ้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่เสียภาษีตามที่ประเมิน จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกินกำหนด 30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งประเมินขัดต่อประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เมื่อไม่มีสิทธิอุทธรณ์ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จะได้ความว่า คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์สั่งในอุทธรณ์ของโจทก์กว่าการประเมินของเจ้าหน้าที่ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่าอุทธรณ์ของโจทก์ขาดอายุที่จะอุทธรณ์ได้แล้ว การสั่งดังนี้ก็หามีผลทำให้อุทธรณ์นั้นถูกต้องขึ้นไม่ เท่ากับยังไม่อุทธรณ์โดยชอบตามกฎหมาย สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีมาสู่ศาลย่อมไม่มี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมคำให้การเรื่องอำนาจฟ้องที่เป็นกรณีความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้หลังชี้สองสถานก็ทำได้
การขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะยื่นคำร้องภายหลังจากวันชี้สองสถาน ก็ไม่ต้องห้าม
โจทก์ฟ้องว่า สรรพากรจังหวัดประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าโดยไม่ชอบ โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คณะกรรมการวินิจฉัยว่าการประเมินถูกต้องแล้ว โจทก์จึงฟ้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่เสียภาษีตามที่ประเมิน จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกินกำหนด 30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินขัดต่อประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เมื่อไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จะได้ความว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์สั่งในอุทธรณ์ของโจทก์ว่าการประเมินของเจ้าหน้าที่ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่าอุทธรณ์ของโจทก์ขาดอายุที่จะอุทธรณ์ได้แล้ว การสั่งดังนี้ก็หามีผลทำให้อุทธรณ์นั้นถูกต้องขึ้นไม่ เท่ากับยังไม่มีอุทธรณ์โดยชอบตามกฎหมาย สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีมาสู่ศาลย่อมไม่มี
โจทก์ฟ้องว่า สรรพากรจังหวัดประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าโดยไม่ชอบ โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คณะกรรมการวินิจฉัยว่าการประเมินถูกต้องแล้ว โจทก์จึงฟ้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่เสียภาษีตามที่ประเมิน จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกินกำหนด 30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินขัดต่อประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เมื่อไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จะได้ความว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์สั่งในอุทธรณ์ของโจทก์ว่าการประเมินของเจ้าหน้าที่ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่าอุทธรณ์ของโจทก์ขาดอายุที่จะอุทธรณ์ได้แล้ว การสั่งดังนี้ก็หามีผลทำให้อุทธรณ์นั้นถูกต้องขึ้นไม่ เท่ากับยังไม่มีอุทธรณ์โดยชอบตามกฎหมาย สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีมาสู่ศาลย่อมไม่มี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและผลของการแก้ไขคำให้การเพิ่มเติมประเด็นขาดอายุอุทธรณ์ในคดีภาษี
การขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น. เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน. แม้จำเลยจะยื่นคำร้องภายหลังจากวันชี้สองสถาน ก็ไม่ต้องห้าม.
โจทก์ฟ้องว่า สรรพากรจังหวัดประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าโดยไม่ชอบ. โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์.คณะกรรมการวินิจฉัยว่าการประเมินถูกต้องแล้ว. โจทก์จึงฟ้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่เสียภาษีตามที่ประเมิน. จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกินกำหนด 30 วัน. นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินขัดต่อประมวลรัษฎากร มาตรา 30. โจทก์ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เมื่อไม่มีสิทธิอุทธรณ์.ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง. แม้จะได้ความว่า. คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์สั่งในอุทธรณ์ของโจทก์ว่าการประเมินของเจ้าหน้าที่ถูกต้องแล้ว. แต่ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่าอุทธรณ์ของโจทก์ขาดอายุที่จะอุทธรณ์ได้แล้ว. การสั่งดังนี้ก็หามีผลทำให้อุทธรณ์นั้นถูกต้องขึ้นไม่. เท่ากับยังไม่มีอุทธรณ์โดยชอบตามกฎหมาย. สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีมาสู่ศาลย่อมไม่มี.
โจทก์ฟ้องว่า สรรพากรจังหวัดประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าโดยไม่ชอบ. โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์.คณะกรรมการวินิจฉัยว่าการประเมินถูกต้องแล้ว. โจทก์จึงฟ้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่เสียภาษีตามที่ประเมิน. จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกินกำหนด 30 วัน. นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินขัดต่อประมวลรัษฎากร มาตรา 30. โจทก์ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เมื่อไม่มีสิทธิอุทธรณ์.ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง. แม้จะได้ความว่า. คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์สั่งในอุทธรณ์ของโจทก์ว่าการประเมินของเจ้าหน้าที่ถูกต้องแล้ว. แต่ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่าอุทธรณ์ของโจทก์ขาดอายุที่จะอุทธรณ์ได้แล้ว. การสั่งดังนี้ก็หามีผลทำให้อุทธรณ์นั้นถูกต้องขึ้นไม่. เท่ากับยังไม่มีอุทธรณ์โดยชอบตามกฎหมาย. สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีมาสู่ศาลย่อมไม่มี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของภรรยาผู้จัดการห้างหุ้นส่วน: ความยินยอมโดยปริยายของสามี
การที่หญิงมีสามีได้กระทำกิจการค้าด้วยความรู้เห็นของสามีนั้น ย่อมถือได้ว่าสามีได้อนุญาตแล้วโดยปริยาย ฉะนั้นหญิงมีสามี จึงฟ้องคดีในฐานะเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนได้ หาจำต้องได้รับอนุญาตจากสามีอีกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของหญิงมีสามีในฐานะผู้จัดการห้างหุ้นส่วน: ความรู้เห็นของสามีถือเป็นอนุญาตโดยปริยาย
การที่หญิงมีสามีได้กระทำกิจการค้าด้วยความรู้เห็นของสามีนั้น ย่อมถือได้ว่าสามีได้อนุญาตแล้วโดยปริยาย ฉะนั้นหญิงมีสามี จึงฟ้องคดีในฐานะเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนได้ หาจำต้องได้รับอนุญาตจากสามีอีกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของหญิงมีสามีในฐานะผู้จัดการห้างหุ้นส่วน: ความรู้เห็นของสามี
การที่หญิงมีสามีได้กระทำกิจการค้าด้วยความรู้เห็นของสามีนั้น. ย่อมถือได้ว่าสามีได้อนุญาตแล้วโดยปริยาย. ฉะนั้นหญิงมีสามี. จึงฟ้องคดีในฐานะเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนได้. หาจำต้องได้รับอนุญาตจากสามีอีกไม่.