พบผลลัพธ์ทั้งหมด 443 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยเจตนา: การกระทำที่แสดงถึงเจตนาในการทำให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยกับผู้ตายทุ่มเถียงกันมาก่อนเกิดเหตุ พอมาพบกันอีก ณ ที่เกิดเหตุจำเลยก็ใช้มีดแหลมยาวราว 1 คืบแทงไป 1 ที ตรงช่องท้องเหนือสดือ ผู้ตายได้ตายใน4ช.ม.ต่อมา โดยแม้จะได้ส่งไปโรงพยาบาลทันทีก็ตาม การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าคนตายโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การกระทำที่มิถึงขนาดเป็นการครอบครองตามกฎหมาย
เข้าไปตัดไม้แสมเอาไปทำฟืนกับให้ผู้อื่นไปตัดเอามาใช้บ้างและทำคันหวงกันป่าแสมไว้ด้านหนึ่งนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้อำนาจครอบครอง ตาม ก.ม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: การกระทำเพื่อป้องกันชีวิตจากภัยอันตรายใกล้ชิด
ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเหตุและถือปืนเดินแกว่งเข้าหาจำเลยในระยะใกล้ชิด ห่างกันเพียงประมาณ 1 ศอก ส่อแสดงว่าจะทำร้ายจำเลยจำเลยใช้ขวานตีผู้เสียหาย 1 ที การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนและเกินสมควรแก่เหตุในการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายเป็นคนอันธพาลและก่อเรื่องขึ้นก่อนผู้ตายหยิบขวานจะลุกขึ้นทำร้ายจำเลยที่ 1 จึงแย่งขวานได้แล้วฟันผู้ตาย 1 ทีและเรียกให้คนช่วยจำเลยอื่นๆได้เข้ามาช่วยทำร้ายผู้ตายถึงตายเช่นนี้การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการป้องกันตน ส่วนจำเลยนอกนั้นทำไปเพื่อป้องกันชีวิตจำเลยที่ 1 แต่จำเลยทำร้ายซ้ำๆจนผู้ตายถึงตายจึงเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและการหมิ่นประมาท: การกระทำต้องมุ่งต่อผู้เสียหายโดยตรง
ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตาม ม.119 นั้น ผู้กระทำผิดต้องกระทำแก่เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายดังนี้ เมื่อจำเลยกระทำการต่อสู้หรือขัดขวางแก่พนักงานเทศบาล มิได้กระทำต่อโจทก์(อดีตนายกเทศมนตรี) เป็นส่วนตัว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย คำว่า"มันเที่ยวฟ้องคนทั้งบ้านทั้งเมือง" นั้น หาใช่เป็นคำใส่ความตามมาตรา 282 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเชื่อโดยสุจริตและความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ การกระทำที่ไม่เป็นความผิดเมื่อเชื่อว่าอยู่ในเขตของตน
จำเลยเชื่อโดยสุจริตใจว่าทำนบกั้นน้ำของผู้เสียหายอยู่ในเขตที่ดินของมารดาจำเลย จำเลยได้ทำลายทำนบนั้นเสีย ดังนี้ จำเลยไม่มีผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 324(อ้างฎีกา 292/2483)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1433/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายจากความเมาสุรา: พิจารณาความเจตนาในการกระทำ
ผู้ตายกับจำเลยไม่มีสาเหตุกันเดินทางร่วมกันไปด้วยดี เกิดการทำร้ายขึ้นด้วยความเมาสุรา ผู้ตายมีบาดแผลแห่งเดียว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิดเริ่มนับเมื่อเกิดความเสียหายจากการกระทำละเมิด ไม่ใช่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความเสียหาย
จำเลยใช้เรือขุด ขุดแร่ทำให้น้ำขุ่นข้นมูลดินมูลทรายไหลเข้านาโจทก์ เพราะทำนบกั้นน้ำพังนั้น เพียงทำนบกั้นน้ำ พังไม่ใช่เป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ แต่การละเมิดสิทธิเกิดขึ้นเมื่อน้ำไหลพามูลดินทรายเข้าที่นาโจทก์ ทำให้โจทก์ทำ นาไม่ได้ ฉะนั้นอายุความจึงตั้งต้นแต่น้ำเข้านาโจทก์หาใช่ตั้งแต่ทำนบพังไม่.
การที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ในการที่จำเลยเดินเรือขุดแร่ ทำให้น้ำขุ่นข้นมูลดินทรายไหลเข้านา โจทก์ ่จนโจทก์นำนาไม่ได้ในปี พ.ศ. 2492 เป็นเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อจำเลยยังคงไม่ปิดทำนบกั้นน้ำ และยังคงใช้ เรือขุดแร่ ขุดต่อมาใน พ.ศ. 2493 โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในการทำนาใน พ.ศ. 2493 ได้อีก ต่างหากไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะเป็นการละเมิดใหม่ ต่างหากจากที่ฟ้องคราวก่อน./
การที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ในการที่จำเลยเดินเรือขุดแร่ ทำให้น้ำขุ่นข้นมูลดินทรายไหลเข้านา โจทก์ ่จนโจทก์นำนาไม่ได้ในปี พ.ศ. 2492 เป็นเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อจำเลยยังคงไม่ปิดทำนบกั้นน้ำ และยังคงใช้ เรือขุดแร่ ขุดต่อมาใน พ.ศ. 2493 โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในการทำนาใน พ.ศ. 2493 ได้อีก ต่างหากไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะเป็นการละเมิดใหม่ ต่างหากจากที่ฟ้องคราวก่อน./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1329/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างไม่ต้องรับผิดต่อการกระทำของลูกจ้างนอกเหนือหน้าที่ความรับผิด
ลูกจ้างขับรถยนต์ไปส่งนายจ้างลงรับประทานอาหาร แล้วลูกจ้างขับรถยนต์นั้นไปที่อื่นโดยพลการมิได้รับความยินยอมจากนายจ้าง แล้วไปชนคนตาย ดังนี้นายจ้างไม่ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างด้วย
ทั้งลูกจ้างและนายจ้างให้การปฏิเสธ และนำสืบปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นลูกจ้างนายจ้างซึ่งกันและกันตอนหนึ่ง และอีกตอนหนึ่งว่าขณะชนคนตายลูกจ้างขับรถยนต์ไปในกิจส่วนตัวของลูกจ้างไม่ใช่ไปตามทางการที่จ้าง ดังนี้แม้ศาลจะไม่เชื่อคำพยานตอนที่อ้างว่าไม่เป็นนายจ้างลูกจ้างกันก็ดี ศาลก็ยังเชื่อคำพยานตอนที่ว่าขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในทางการที่จ้างกันได้
ทั้งลูกจ้างและนายจ้างให้การปฏิเสธ และนำสืบปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นลูกจ้างนายจ้างซึ่งกันและกันตอนหนึ่ง และอีกตอนหนึ่งว่าขณะชนคนตายลูกจ้างขับรถยนต์ไปในกิจส่วนตัวของลูกจ้างไม่ใช่ไปตามทางการที่จ้าง ดังนี้แม้ศาลจะไม่เชื่อคำพยานตอนที่อ้างว่าไม่เป็นนายจ้างลูกจ้างกันก็ดี ศาลก็ยังเชื่อคำพยานตอนที่ว่าขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในทางการที่จ้างกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดียักยอกทรัพย์: การกระทำต่างกรรมต่างวาระ ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
เงินที่กล่าวหาว่าจำเลยยักยอกเป็นคดีใหม่นี้ จำเลยรับไว้ต่างวันเวลาและต่างรายการกับเงินที่โจทก์เลยฟ้องจำเลย ในคดีก่อน ทั้งจำเลยทุจริตยักยอกเงินแต่ละรายนั้นเป็นคราว ๆ ไป เป็นการต่างกรรมต่างวาระกัน จึงไม่เป็นฟ้อง ซ้ำ