พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,012 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1993/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการขายทอดตลาด: ศาลไม่จำเป็นต้องกำหนดราคาขั้นต่ำและไม่เลื่อนไต่สวนเพราะจำเลยร่วมถูกพิทักษ์ทรัพย์
ทรัพย์ที่ถูกยึดได้รับความเสียหายเพราะการกระทำของโจทก์จำเลยจะขอให้รอการขายทอดตลาด เพื่อให้ศาลไต่สวนความเสียหายนั้นก่อนไม่ได้ เพราะไม่ใช่เหตุตามกฎหมายที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะงดการบังคับคดีไว้ เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหน้าที่ต้องดำเนินการขายทอดตลาดให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 308,309ศาลจึงไม่จำต้องกำหนดราคาขายขั้นต่ำของทรัพย์ที่ขายแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี: การยึดทรัพย์และการประเมินราคาที่ชอบด้วยกฎหมาย การขายทอดตลาดที่โปร่งใส
หลักปฏิบัติในการบังคับคดีตามที่ ป.วิ.พ. บัญญัติไว้เกี่ยวกับการยึดทรัพย์ มิได้มีข้อกำหนดว่าการยึดทรัพย์จะต้องกระทำต่อหน้าเจ้าของทรัพย์และหลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์พิพาทแล้วก็ปิดประกาศการยึดไว้ ณ ที่ยึดซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลย ถือได้ว่าจำเลยทราบถึงการยึดทรัพย์โดยชอบแล้ว การยึดทรัพย์พิพาทย่อมชอบด้วยกฎหมาย การประเมินราคาทรัพย์พิพาทเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินโดยอาศัยหลักเกณฑ์เทียบเคียงกับราคาประเมินของกรมที่ดินและยังจัดให้สำนักงานวางทรัพย์กลางทำการประเมินอีกครั้งหนึ่งก็ได้ราคาใกล้เคียงกัน ราคาทรัพย์ที่พนักงานบังคับคดีประเมินไว้จึงมิได้เกิดจากการสมคบกับโจทก์กดราคาให้ต่ำลง ประกอบกับในการขายทอดตลาดก็ไม่มีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าการประมูลทรัพย์พิพาทมีการสมคบกันกดราคาลง การขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทจึงชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1603/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมายเมื่อผู้รับมอบอำนาจได้รับประกาศแทนเจ้าหนี้
ตามหนังสือมอบอำนาจนอกจากผู้ร้องมอบอำนาจให้ ม. เข้าสู้ราคาเกี่ยวกับการขายทอดตลาดและดำเนินการอื่น ๆ จนเสร็จการแล้ว ยังมีข้อความระบุว่าให้ ม. มีอำนาจรับเอกสารแทนผู้ร้องด้วย ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จัดส่งประกาศขายทอดตลาดให้ ม. ณ ภูมิลำเนาของ ม. โดยมีผู้รับไว้แทน จึงถือได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แจ้งวันขายทอดตลาดแก่ผู้ร้องโดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดที่ดินราคาต่ำกว่าราคาจำนองและราคาตลาด โดยไม่มีเหตุผลสมควร ถือเป็นการขายที่ไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่ดินของจำเลยที่ 1 เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 66 ตารางวา ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองขอนแก่น ได้จำนองไว้กับโจทก์เมื่อวันที่ 25กุมภาพันธ์ 2526 ในวงเงิน 1,100,000 บาท ต่อมาเดือนกันยายน 2530โจทก์ขอออกหมายบังคับคดีตีราคา 1,000,000 บาท การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตีราคา 190,000 บาท และเห็นชอบให้ขายจนศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแก่โจทก์ ซึ่งสู้ราคาสูงสุด 300,000 บาท ในการขายทอดตลาดครั้งแรก เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2531 หลังวันจดทะเบียนจำนองถึง 5 ปี โดยไม่มีเหตุผลอื่นมาหักล้างเช่นที่ดินเสื่อมราคาเพราะทำประโยชน์ไม่ได้ หรือไม่มีทางเข้าออก จึงเป็นการขายโดยรวบรัดและกดราคา เป็นการขายทอดตลาดที่ไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดที่ดินราคาต่ำกว่าราคาประเมินและราคาจำนองถือเป็นการขายที่ไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่ดินที่ขายทอดตลาด โจทก์รับจำนองไว้จากจำเลยที่ 1 ในวงเงิน1,100,000 บาท และโจทก์ขอหมายบังคับคดีตีราคาที่ดินไว้ 1,000,000บาท แต่โจทก์เข้าประมูลราคาในการขายทอดตลาดครั้งแรกเพียง 300,000บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นชอบ และศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแก่โจทก์ที่ดินแปลงนี้เป็นแปลงใหญ่ อยู่ในเขตเทศบาลเมือง ตามปกติ ราคาจำนองจะต่ำกว่าราคาที่ดินที่แท้จริง การขายทอดตลาดห่างจากวันจำนองถึง 5 ปี ที่ดินย่อมมีราคาสูงขึ้นกว่าเดิมไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าที่ดินเสื่อมราคาหรือทำประโยชน์ไม่ได้แต่ประการใดและเจ้าพนักงานบังคับคดียังไม่ได้รับแจ้งราคาประเมินจากเจ้าพนักงานที่ดินอีกทั้งจำเลยที่ 1 มอบให้ทนายมาคัดค้านว่าขายทอดตลาดในราคาต่ำไปขอให้เลื่อนไปขายใหม่จะหาคนมาซื้อใหม่ให้สูงกว่าเดิมด้วยการขายทอดตลาดครั้งนี้เป็นการขายโดยรวบรัด กดราคาและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ควรยกเลิกเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการคัดค้านการขายทอดตลาด: ผู้สู้ราคาไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสีย
ผู้ร้องเป็นเพียงผู้สู้ราคาคนหนึ่งในการขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีโดยตรงทั้งมิได้เป็นบุคคลผู้ที่ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบหรือที่ได้ยื่นคำร้องขอตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288,289 และ 290 อันเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น ผู้ร้องจึงมิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ไม่มีสิทธิร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการคัดค้านการขายทอดตลาด: ผู้สู้ราคาไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสีย
ผู้มีสิทธิร้องคัดค้านการขายทอดตลาด ต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีอันเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่บังคับคดี คือเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีโดยตรง หรือเป็นผู้ที่ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบ หรือได้ยื่นคำร้องขอตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 288,289 และ 290อันเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้น ผู้ร้องเป็นเพียงผู้สู้ราคาในการขายทอดตลาด มิใช่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ไม่มีสิทธิร้องคัดค้านการขายทอดตลาด ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดของกลางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากระยะเวลาเก็บรักษาที่นานเกินความจำเป็น
การที่จำเลยที่ 1 ได้ขายทอดตลาดแผงวงจรโทรทัศน์สินค้าของกลางที่ยึดไว้โดยอ้างว่าถ้าหน่วงช้าไว้จะเป็นการเสี่ยงต่อความเสียหาย แต่เมื่อปรากฏว่าได้มีการยึดสินค้าของกลางเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2524 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้จำเลยคืนสินค้าของกลางให้โจทก์โดยได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2527 และได้มีการขายทอดตลาดสินค้าของกลางเมื่อวันที่ 23กรกฎาคม 2528 จำเลยที่ 1 เก็บรักษาไว้เป็นเวลาเกือบ 4 ปี ทั้งไม่ปรากฏจากพยานหลักฐานว่าจะทำให้สินค้าเป็นสนิมหรือเสื่อมสภาพแต่อย่างใด ถึงแม้จะหน่วงช้าไว้อีกก็ไม่เป็นการเสี่ยงต่อความเสียหาย การขายสินค้าของกลางดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยมาตรา 25 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ต้องคืนหรือใช้ราคาสินค้าของกลางตามที่เป็นจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดของกลางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยต้องชดใช้ราคาสินค้าที่แท้จริง
จำเลยที่ 2 ตรวจค้นพบสินค้าของกลางไม่มีเครื่องหมายเลขหีบห่อซุกซ่อนอยู่ที่บ้านโจทก์จึงยึดสินค้าไป โจทก์ส่งหลักฐานว่าซื้อสินค้าจากร้าน อ. พร้อมแนบสำเนาใบเสร็จรับเงินให้แก่จำเลยที่ 1 หลังจากที่จำเลยที่ 2 ยึดของกลางไปเดือนเศษเป็นพฤติการณ์ที่ส่อว่าอาจจะไม่ได้ซื้อจากร้าน อ. เมื่อดูพฤติการณ์โจทก์ประกอบกับสินค้าของกลางที่ไม่มีเครื่องหมายหรือเลขหมายหีบห่อ เป็นเหตุอันควรสงสัยว่าของกลางเป็นสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษี การที่จำเลยที่ 2 ไปยึดสินค้าของกลางและจำเลยที่ 1 ได้แจ้งเจ้าพนักงานตำรวจดำเนินคดีแก่โจทก์ เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายให้อำนาจไว้ มิใช่เป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อที่จะทำให้โจทก์เสียหาย จึงมิใช่เป็นการละเมิดเมื่อจำเลยที่ 1 แจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงานตำรวจได้สอบสวนและส่งให้พนักงานอัยการฟ้องโจทก์ต่อศาลในระหว่างที่คดียังไม่ถึงที่สุด จำเลยที่ 1 มีอำนาจที่จะยึดสินค้าของกลางตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ การกระทำดังกล่าวจึงไม่เป็นการละเมิดเช่นกัน จำเลยที่ 1 เก็บรักษาของกลางไว้เป็นเวลาเกือบ 4 ปี ไม่ปรากฏว่าจะทำให้สินค้าเป็นสนิมหรือเสื่อมสภาพแต่อย่างใด ถึงแม้จะหน่วงช้าไว้อีกก็ไม่เป็นการเสี่ยงความเสียหาย ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 1ขายสินค้าของกลางไปหลังจากศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้จำเลยคืนสินค้าของกลางให้โจทก์จึงไม่ชอบด้วยมาตรา 25 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 จำเลยที่ 1 จึงต้องคืนหรือใช้ราคาสินค้าของกลางตามที่เป็นจริง ส่วนจำเลยที่ 2 มิได้เกี่ยวข้องในการขายทอดตลาดจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดของกลางที่ไม่เข้าข่ายความเสียหายเร่งด่วน จำเป็นต้องคืนสินค้าหรือชดใช้ราคา
การที่จำเลยที่ 1 ได้ขายทอดตลาดแผงวงจรโทรทัศน์สินค้าของกลางที่ยึดไว้โดยอ้างว่าถ้าหน่วงช้าไว้จะเป็นการเสี่ยงต่อความเสียหาย แต่เมื่อปรากฏว่าได้มีการยึดสินค้าของกลางเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2524 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้จำเลยคืนสินค้าของกลางให้โจทก์โดยได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2527 และได้มีการขายทอดตลาดสินค้าของกลางเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2528 จำเลยที่ 1 เก็บรักษาไว้เป็นเวลาเกือบ 4 ปี ทั้งไม่ปรากฏจากพยานหลักฐานว่าจะทำให้สินค้าเป็นสนิมหรือเสื่อมสภาพแต่อย่างใด ถึงแม้จะหน่วงช้าไว้อีกก็ไม่เป็นการเสี่ยงต่อความเสียหาย การขายสินค้าของกลางดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยมาตรา 25 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 ต้องคืนหรือใช้ราคาสินค้าของกลางตามที่เป็นจริง