คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6,814 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4045/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานช่วยเหลือคนต่างด้าวและการขัดขวางเจ้าพนักงาน: พิจารณาความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม
จำเลยเป็นผู้ให้คนต่างด้าวสัญชาติลาวจำนวน 20 คน โดยสารรถยนต์จากตำบลนาตาลกิ่งอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อไปส่งที่จังหวัดปทุมธานี โดยรู้ว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นคนต่างด้าวและเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64 วรรคหนึ่งแล้ว ส่วนที่ต่อมาระหว่างทางเจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบการกระทำผิดของจำเลยจึงเข้าจับกุมแต่จำเลยได้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ โดยขับรถยนต์คันที่พาคนต่างด้าวมาหลบหนีและพุ่งเข้ารถยนต์ของทางราชการนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ต่างกรรมต่างวาระกันอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
การที่จำเลยร่วมกันขับรถหลบหนีและพุ่งเข้าชนรถยนต์ของทางราชการจนเกิดการเสียหายนั้น จำเลยมีเจตนาที่จะกระทำขึ้นและได้กระทำในวาระเดียวกันอันเป็นวิธีการอย่างหนึ่งเพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจ ดังนั้น ความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่กับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์จึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3803/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพที่ถูกข่มขู่ & การพิจารณาความผิดกรรมเดียว
คำรับสารภาพของจำเลยทั้งสองต่อศาลไม่ปรากฏตามสำนวนว่ามีการข่มขู่แต่อย่างใด จึงต้องถือว่าเป็นการรับสารภาพต่อศาลโดยความสมัครใจ การที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่าถูกนายประกันข่มขู่ให้การรับสารภาพต่อศาล หากไม่รับสารภาพจะถอนประกันจึงถือว่าเป็นการยกข้อเท็จจริงที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นขึ้นอุทธรณ์ เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 และข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยให้ในปัญหานี้จึงชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยไม่ยอมให้เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นบ้านตามหมายค้นของศาล และไม่ยอมให้นำตัว นาย ก. ซึ่งถูกจับกุมออกจากบ้านด้วยการใช้ไม้ท่อนเป็นอาวุธขู่เข็ญว่าจะทำร้ายและได้ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังเจ้าพนักงานตำรวจโดยปิดล็อกใส่กุญแจประตูรั้วบ้านไม่ยอมให้ออกจากบ้าน กับใช้ไม้ท่อนเป็นอาวุธขู่เข็ญว่าจะทำร้าย อันเป็นการข่มขืนใจ เจ้าพนักงานตำรวจให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ถือว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองมีเพียงเจตนาเดียวคือป้องกันมิให้ผู้เสียหายทั้งห้าจับกุมตัวนาย ก. เท่านั้น และเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องในทันทีทันใด ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นเพียงกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3714/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฉ้อโกงกับความผิดตาม พ.ร.บ.จัดหางานฯ เป็นคนละกรรมกัน แม้ศาลยกฟ้องฉ้อโกง ก็ไม่ทำให้ความผิดตาม พ.ร.บ.จัดหางานฯ หลุดไปด้วย
ความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯ มาตรา 91 ตรีมิใช่ความผิดอันยอมความได้ ทั้งยังได้บัญญัติถึงการกระทำความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงคนหางานโดยทุจริตว่ามีงานให้ทำในต่างประเทศอันเป็นเท็จ จนเป็นเหตุให้ได้เงินหรือทรัพย์สินจากคนหางานนั้น เป็นความผิดอีกลักษณะหนึ่งต่างหากจากความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ดังนั้น แม้ศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยในความผิดตามมาตรา 91 ตรี แห่งพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯ กลายเป็นไม่มีความผิดไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3695/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานมีรังนกไว้ในครอบครองโดยรู้ว่าได้มาโดยกระทำผิดกฎหมาย ฟ้องไม่ครบองค์ประกอบ ศาลลงโทษไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยร่วมกันไปบนเกาะรูสิบซึ่งมีนกและรังนกอีแอ่นอยู่ตามธรรมชาติอันเป็นเขตห้ามตามกฎหมาย และเป็นเขตที่บริษัท ร. ผู้เสียหายเป็นผู้รับสัมปทานและเข้ายึดถือครอบครองดูแลรังนกอีแอ่นในเขตสัมปทานเพื่อตนแล้ว จำเลยไม่ใช่ผู้รับสัมปทานได้ร่วมกันใช้ไฟฉายส่องใช้ไม้และแท่งเหล็กตีทำลายรังนกที่อยู่อาศัยอันเป็นอันตรายแก่นกอีแอ่นไข่ของนกและรังนกอีแอ่น และอาจเป็นเหตุให้นกอีแอ่นและที่อยู่อาศัยไปจากเกาะดังกล่าว แล้วจำเลยร่วมกันลักรังนกและลูกนกอีแอ่นของผู้เสียหายในเขตสัมปทานดังกล่าวไปโดยทุจริต โดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยร่วมกันครอบครองซึ่งรังนกอันตนรู้ว่าได้มาโดยการฝ่าฝืน พระราชบัญญัติอากรรังนกอีแอ่นฯ มาตรา 14 วรรคหนึ่งแต่อย่างใด ฟ้องโจทก์จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติอากรรังนกอีแอ่นฯ มาตรา 26 เมื่อโจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงและรายละเอียดแห่งการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 26 มาในฟ้อง ศาลย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยได้ เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้กล่าวมาในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3616/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และความผิดฐานพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ตกลงซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 โดยนัดส่งมอบและชำระเงินกันภายหลัง ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์มีจำเลยที่ 3 นั่งซ้อนท้ายไปจอดอยู่ริมถนน หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์กระบะไปจอดใกล้ ๆ แล้วเลื่อนกระจกรถลงพร้อมกับยื่นห่อบรรจุเมทแอมเฟตามีนจำนวน 380 เม็ดให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเตรียมเงินมาพร้อมที่จะส่งมอบให้จำเลยที่ 1 เช่นกัน แต่จำเลยที่ 1 เห็นเจ้าพนักงานตำรวจที่กำลังจะเข้าจับกุม จึงขับรถหลบหนีโดยยังไม่ได้ส่งมอบและรับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนและขว้างเมทแอมเฟตามีนทิ้ง การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่วนการกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ใกล้ชิดกับความผิดสำเร็จ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ลงมือกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองแล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอด เพราะถูกจับกุมเสียก่อน การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นการร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้เสพติดเมทแอมเฟตามีน และได้ความว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซื้อเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้แก่ ล. จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3580/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายหรือไม่ พิจารณาจากเจตนาและพฤติการณ์
จำเลยเข้ามาจับข้อมือของโจทก์ยกขึ้นพร้อมกับพูดว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเก็บค่าเช่าเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจเข้ามา จำเลยก็ปล่อยมือของโจทก์ โดยใช้เวลาจับมือของโจทก์ไว้ไม่ถึงหนึ่งนาที เจตนาอันแท้จริงของจำเลยในการจับข้อมือของโจทก์ยกขึ้นก็เพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่าโจทก์ได้รับเงินค่าเช่าบ้านไว้โดยไม่มีสิทธิจะรับเท่านั้น หาได้มีเจตนาที่จะทำร้ายโจทก์ให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจแต่อย่างใด จึงไม่มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3073/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์ในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งราชการ: เครื่องมือที่ใช้ต้องเกี่ยวข้องโดยตรงกับการกระทำความผิด
การริบทรัพย์ ตาม ป.อ. มาตรา 33 (1) นั้น จะต้องเป็นทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด แต่ปรากฏว่าจำเลยกระทำความผิดในคดีนี้ เนื่องจากฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดที่ห้ามเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบน้ำเค็มต่ำในพื้นที่น้ำจืดในเขตจังหวัดสุพรรณบุรีเท่านั้น ความผิดดังกล่าวจึงเกิดขึ้นเพราะจำเลยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้น การที่จำเลยใช้เครื่องตีน้ำในบ่อกุ้งหาทำให้เครื่องตีน้ำดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้แต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3073/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินในคดีฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเพาะเลี้ยงกุ้ง: เครื่องตีน้ำไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดที่ห้ามเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบน้ำเค็มในพื้นที่น้ำจืดในเขตจังหวัดเท่านั้น ความผิดดังกล่าวจึงเกิดขึ้นเพราะจำเลยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้น การที่จำเลยใช้เครื่องตีน้ำในบ่อกุ้งหาทำให้เครื่องตีน้ำดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดอันจะพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2995/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์จากตู้โทรศัพท์สาธารณะ การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และความถูกต้องของการปรับบทลงโทษ
เงินที่จำเลยทั้งสามลักเอาจากตู้โทรศัพท์สาธารณะ ไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(10) ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษตามมาตราดังกล่าวจึงไม่ถูกต้อง และที่พิพากษาปรับจำเลยทั้งสามคนละ 50 บาท โดยมิได้พิพากษาว่าหากจำเลยทั้งสามไม่ชำระค่าปรับจะจัดการอย่างไรต่อไปสมควรแก้ไขว่าหากจำเลยทั้งสามไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2564/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษซ้ำซ้อนในคดีละเมิดลิขสิทธิ์: ศาลฎีกาแก้ไขโทษจำเลยเนื่องจากความผิดเกิดขึ้นก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด
คำฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกระทำความผิดในคดีนี้เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์2544 และจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้ลงโทษปรับในความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2544 แสดงว่าจำเลยกระทำความผิดในคดีนี้ก่อนที่จะต้องคำพิพากษาให้ลงโทษในคดีดังกล่าว ดังนั้นจำเลยจึงมิใช่ผู้กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ซึ่งได้รับโทษและพ้นโทษมาแล้วยังไม่ครบห้าปีกลับมากระทำความผิดอีกตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 จึงไม่อาจระวางโทษจำเลยเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในคดีนี้ได้
of 682