คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ชอบด้วยกฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประชุมผู้ถือหุ้นชอบด้วยกฎหมายเมื่อปฏิบัติตามขั้นตอนและมีองค์ประชุมครบตามกฎหมาย
จำเลยกับพวกผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้จัดให้มีการประชุมใหญ่ขึ้น โดยจำเลยที่ 1 ในฐานะประธานกรรมการของบริษัท ได้ทำหนังสือเรียกประชุมผู้ถือหุ้น กำหนดวันประชุม แล้วจัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังผู้ถือหุ้นทุกคนก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน และเมื่อถึงวันนัดประชุม ได้มีผู้ถือหุ้นมาเข้าประชุม 24 คน ซึ่งรวมจำนวนหุ้นแล้วมีจำนวน 64 หุ้น อันมีจำนวนหุ้นเกินกว่าหนึ่งในสี่แห่งทุนของบริษัท ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 100 หุ้น ดังนี้ การประชุมใหญ่ที่จำเลยกับพวกจัดขึ้นเป็นไปตามขั้นตอนถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1172,1175 และ 1178 แล้ว การประชุมใหญ่ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย และเมื่อที่ประชุมใหญ่ลงมติอย่างไรไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัทแล้ว มตินั้นย่อมเป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2200/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: เหตุจำเป็นในการใช้กำลังเพื่อป้องกันชีวิตและร่างกายจากการถูกรุกราน
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุขึ้น รุกรานเข้าไปยิงโดยเจตนาฆ่าจำเลยที่ 1 ถึงในบ้าน (โดยใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิง 1 นัด จากลานบ้านขึ้นไปบนบ้าน) จำเลยที่ 1 จึงกระโดดจากชานลงไปที่โคนต้นมะม่วง ห่างจำเลยที่ 2 ประมาณ 2 เมตร จำเลยที่ 2 บรรจุกระสุนปืนอีก และจ้องปืนมาที่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงขักอาวุธปืนที่ติดตัวอยู่ยิงจำเลยที่ 2 ไป 3 นัด กระสุนปืนถูกโคนแขนจำเลยที่ 2 นัดเดียว ดังนี้ จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะทำการป้องกันตัวได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่จำเป็นต้องหนีผู้ที่เข้ามากระทำผิดกฎหมายแก่ตน ในเหตุการณ์ฉุกละหุกเฉพาะหน้า ไม่แน่ว่าจำเลยที่ 2 จะยิงจำเลยที่ 1 อีกหรือไม่ จำเลยที่ 1 ไม่มีโอกาสคิดเป็นอย่างอื่น นอกจากยิงเพื่อป้องกันตนให้พ้นอันตรายเฉพาะหน้า เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2200/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อป้องกันอันตรายจากผู้รุกราน
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุขึ้น รุกรานเข้าไปยิงโดยเจตนาฆ่าจำเลยที่ 1 ถึงในบ้าน (โดยใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิง 1 นัด จากลานบ้านขึ้นไปบนบ้าน) จำเลยที่ 1 จึงกระโดดจากชานลงไปที่โคนต้นมะม่วง ห่างจำเลยที่ 2 ประมาณ 2 เมตร จำเลยที่ 2 บรรจุกระสุนปืนอีก และจ้องปืนมาที่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงชักอาวุธปืนที่ติดตัวอยู่ยิงจำเลยที่ 2 ไป 3 นัดกระสุนปืนถูกโคนแขนจำเลยที่ 2 นัดเดียว ดังนี้จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะทำการป้องกันตัวได้โดยชอบด้วยกฎหมายและไม่จำเป็นต้องหนีผู้ที่เข้ามากระทำผิดกฎหมายแก่ตน ในเหตุการณ์ฉุกละหุกเฉพาะหน้า ไม่แน่ว่าจำเลยที่ 2 จะยิงจำเลยที่ 1 อีกหรือไม่ จำเลยที่1 ไม่มีโอกาสคิดเป็นอย่างอื่น นอกจากยิงเพื่อป้องกันตนให้พ้นอันตรายเฉพาะหน้า เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1796/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ (ฆ้อน) และการชกต่อย
ป. กับจำเลยโต้เถียงกัน แล้วจำเลยถูก ป. กับพวกรุมชก ส.ถือฆ้อนเข้าช่วยป. จำเลยยิงส.1 นัดถูกต้นคอและใบหูขวา เป็นป้องกันสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งถอดถอนเจ้าอาวาสมีผลทันที การแต่งตั้งผู้รักษาการชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อเจ้าคณะนครหลวงกรุงเทพธนบุรีได้มีคำสั่งให้ถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งหน้าที่เจ้าอาวาส โดยในคำสั่งระบุชัดว่าให้มีผลบังคับตั้งแต่วันมีคำสั่งเป็นต้นไปนั้นย่อมมีผลบังคับทันที โดยไม่ต้องคำนึงว่าโจทก์จะได้ร้องทุกข์อุทธรณ์คำสั่งหรือไม่ และถือได้ว่าเป็นกรณีที่ไม่มีเจ้าอาวาส ฉะนั้น การที่จำเลยมีคำสั่งแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสหลังจากที่ได้มีคำสั่งถอดถอนโจทก์แล้วนั้น จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความกับคู่สามีภริยาโดยไม่จดทะเบียนสมรส: ชอบด้วยกฎหมายและมีผลผูกพัน
จำเลยมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ได้มาอยู่กินกับโจทก์ฉันสามีภริยาต่อมาโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกอยู่กินด้วยกันโดยจำเลยจะให้เงินโจทก์ 40,000 บาท และได้ขอให้พนักงานสอบสวนจดบันทึกข้อตกลงนั้นไว้ในรายงานประจำวันแล้วโจทก์จำเลยลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน บันทึกข้อตกลงดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย มีผลสมบูรณ์ให้จำเลยต้องปฏิบัติตามไม่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่เป็นโมฆะ
ตามบันทึกข้อตกลงของโจทก์จำเลยมีความว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส อยู่กินด้วยกันมาประมาณ 7 ปีต่อมาไม่เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายจึงประสงค์ขอเลิกจากการเป็นสามีภริยา โดยจำเลยขอให้เงินโจทก์ 40,000 บาท เป็นค่าที่ได้อยู่กินกันมา บันทึกดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทที่มีอยู่หรือจะมีขึ้นเนื่องจากความไม่เข้าใจกันโจทก์จำเลยจึงตกลงเลิกจากการอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา โดยจำเลยตกลงให้เงินเป็นการตอบแทนที่โจทก์อยู่กินด้วยกันมากับจำเลย ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850มิใช่สัญญาให้โดยเสน่หา จำเลยจึงไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภริยาก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจ & อำนาจร้องทุกข์ของผู้อำนวยการนิติบุคคล: เพียงพอ & ชอบด้วยกม.
แม้หนังสือที่ผู้มอบอำนาจมีไปถึงสารวัตรใหญ่ จะไม่เป็นหนังสือซึ่งผู้มอบอำนาจทำไว้กับผู้รับมอบอำนาจ แต่ก็เป็นหนังสือซึ่งผู้มอบอำนาจมีไปถึงพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งให้ทราบว่าผู้มอบอำนาจขอมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจไปร้องทุกข์แทน เมื่อผู้รับมอบอำนาจนำหนังสือนั้นไปยื่นต่อพนักงานสอบสวนและร้องทุกข์แทนตามที่ได้รับมอบอำนาจมาหนังสือนี้ย่อมเพียงพอที่พนักงานสอบสวนจะยึดถือไว้เป็นหลักฐานในสำนวนว่าคดีมีการร้องทุกข์โดยผู้มีอำนาจแล้ว การที่หนังสือดังกล่าวระบุว่าใครเป็นผู้มอบอำนาจให้ใครมาร้องทุกข์เรื่องอะไร และมีลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจลงไว้ ถือได้ว่าเป็นหนังสือมอบอำนาจให้ร้องทุกข์อันชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้ผู้รับมอบอำนาจจะมิได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจไว้ในหนังสือด้วยก็ไม่ทำให้การมอบอำนาจไม่สมบูรณ์ (อ้างฎีกาที่ 1058/2520)
การร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีอาญาแก่พนักงานของนิติบุคคล เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติโดยทั่วไปของผู้ซึ่งเป็นผู้แทนของนิติบุคคลทั้งหลาย จะพึงกระทำในทางปกป้องรักษาผลประโยชน์ของนิติบุคคล ไม่จำต้องกำหนดเป็นนโยบายหรือตราเป็นข้อบังคับไว้จึงจะมีอำนาจทำได้
ตำแหน่งผู้อำนวยการของนิติบุคคล ถือได้ว่าเป็น "ผู้แทนอื่น" ตามความหมายของมาตรา 5(3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงเป็นผู้มีอำนาจร้องทุกข์แทนนิติบุคคล และมีสิทธิมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปร้องทุกข์แทนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิผู้อื่นโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อปกป้องบิดาจากทำร้ายร่างกาย
การที่ผู้ตายซึ่งมีอายุ 30 ปี ทำร้ายบิดาจำเลยซึ่งมีอายุ 50 ปีโดยไม่มีทางสู้กันและผู้ตายกำลังจะกระทืบบิดาจำเลย ซ้ำอีกจำเลยอายุเพียง 16 ปี ใช้ปืนยิงผู้ตาย 1 นัด แล้วผู้ตายเข้าแย่งปืนจากจำเลยจนปืนลั่นอีก 1 นัด เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของบิดาจำเลยให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2062/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจร้องทุกข์: หนังสือมอบอำนาจเพียงพอต่อการร้องทุกข์โดยชอบ
ผู้เสียหายมอบอำนาจเป็นหนังสือให้ พ. ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เอกสารไม่มีข้อความว่า พ. รับมอบอำนาจก็ร้องทุกข์โดยอาศัยหนังสือนั้นได้ เป็นการร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1939/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งวินัยข้าราชการ: อำนาจบังคับบัญชา, การสอบสวน, และความชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้าแผนกวิชาทันตกรรมประดิษฐ์ มีหน้าที่บังคับบัญชากิจการทั้งหลายในแผนกและปฏิบัติตามข้อตกลงของคณะกรรมการประจำคณะและข้อบังคับต่างๆ เพื่อให้การสอนและหลักสูตรการสอนดำเนินไปโดยเรียบร้อยตามพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ.2486 มาตรา 24,25,26 ซึ่งแก้ไขโดย (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2497 มาตรา 14,15 เช่นนี้ การที่จำเลยที่ 1 ออกคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้ช่วยหน่วยวิชาพาเชี่ยลเด็นเจอร์และให้โจทก์รายงานการสอนนักศึกษาปีที่ 2 ในวิชานี้เป็นรายละเอียดและจำนวนชั่วโมงทั้งการบรรยายและปฏิบัติการพร้อมกับผลของการปฏิบัติงานทางด้านคลีนิคของนิสิตปีที่ 4 มายังจำเลยที่ 1 ภายในวันที่กำหนด จึงเป็นการสั่งเกี่ยวกับการบังคับบัญชากิจการทั้งหลายในแผนกของจำเลยที่ 1 มิใช่เป็นการวางระเบียบการภายในแผนกวิชาหรือการอื่นอันเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการประจำคณะที่จะต้องเสนอต่อสภามหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย พ.ศ.2486 มาตรา 22 ซึ่งแก้ไขโดย (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2497 มาตรา 14 การที่โจทก์บันทึกโต้แย้งว่าไม่ยอมรับทราบคำสั่ง ไม่มีอะไรให้อีกแล้ว และไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้น แสดงว่าโจทก์จงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 อันเป็นการกระทำผิดวินัยตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2497มาตรา 71 วรรคสอง การที่จำเลยที่ 1 รายงานต่อคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของโจทก์เหนือจำเลยที่ 1 ขึ้นไป เพื่อให้ลงโทษโจทก์ จึงเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนฯ มาตรา 93 ทั้งพยานหลักฐานของโจทก์ก็ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ออกคำสั่ง (ดังกล่าวตอนต้น)เพื่อแกล้งโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
บ.รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐมีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยที่ 3, ที่ 4 และที่ 5 เป็นกรรมการสอบสวนโจทก์ทางวินัย จำเลยที่ 3, ที่ 4, ที่ 5 สอบสวนแล้วเสนอความเห็นว่าโจทก์ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาสมควรลงโทษตัดเงินเดือน บ.เห็นชอบตามข้อเสนอของปลัดทบวงที่ให้ลงโทษโจทก์ตามที่คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาแล้ว แต่ บ.พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีเสียก่อน จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นรัฐมนตรีต่อจาก บ.จึงออกคำสั่งลงโทษโจทก์ ตามความเห็นของคณะกรรมการ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนการกระทำของจำเลยที่ 3, ที่ 4 และที่ 5 ก็เป็นการเสนอความเห็นจากพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน เมื่อฟังไม่ได้ว่าเสนอความเห็นเพื่อเจตนาแกล้งโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ 3, ที่ 4และที่ 5 จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ออกคำสั่งให้ตัดเงินเดือนโจทก์ทั้งๆ ที่ทราบแล้วว่าโจทก์มิได้กระทำผิดดังที่จำเลยที่ 1 ร้องเรียน เช่นนี้จะมาอุทธรณ์ฎีกาว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัยหาได้ไม่ เพราะไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น
of 51