พบผลลัพธ์ทั้งหมด 923 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6890/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลแพ่งรับฟ้องข้ามเขต: ดุลพินิจพิจารณาคดีแม้ข้อกฎหมายกำหนดเขตศาล
แม้คำฟ้องโจทก์เกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะต้องยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรีที่อสังหาริมทรัพย์ตั้งอยู่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1) ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายดังกล่าวใช้บังคับในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องก็ตาม แต่เมื่อศาลแพ่งได้สั่งรับฟ้องคดีนี้ไว้แล้ว ย่อมถือว่าศาลแพ่งได้ใช้ดุลพินิจยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14 (4) ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายดังกล่าวใช้บังคับในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้ว โดยโจทก์ไม่จำต้องยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องต่อศาลแพ่งแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6667/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาในข้อเท็จจริง, ดุลพินิจศาล, ทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสน, ห้ามฎีกา
ข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองฟังมา ศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยจากข้อเท็จจริงที่ปรากฎจากพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบ มิใช่ศาลวินิจฉัยพยานหลักฐานนอกสำนวน การที่โจทก์ฎีกาต้องการให้ศาลฟังข้อเท็จจริงตามที่ตนต้องการ จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6667/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 248 วรรคหนึ่ง เนื่องจากเป็นข้อโต้แย้งดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐาน และมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาท
ข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองฟังมา ศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบ มิใช่ศาลวินิจฉัยพยานหลักฐานนอกสำนวน การที่โจทก์ฎีกาต้องการให้ศาลฟังข้อเท็จจริงตามที่ตนต้องการ จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6539/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในคดีเยาวชนที่ศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ย่อมเป็นเหตุให้ฎีกาต้องห้ามตามกฎหมาย
การเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกลาง มิได้เป็นการลงโทษจำเลยที่ 1 โดยจำคุกเกิน 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 124ที่จำเลยฎีกาว่า ผู้เสียหายจำหน้าจำเลยไม่ได้ คำเบิกความของผู้เสียหายและเอกสารพยานโจทก์มีพิรุธ คำเบิกความของผู้เสียหายคดีนี้แตกต่างกับคำเบิกความอีกคดีหนึ่งในข้อสำคัญ และจำเลยให้การชั้นสอบสวนเพราะถูกบังคับ เป็นการฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6478/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจในคดีอาญา: ศาลไม่ต้องผูกพันข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอื่น
การพิพากษาคดีอาญาหาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาในคดีอื่นดังเช่นที่บัญญัติไว้สำหรับคดีแพ่ง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 ไม่ เพราะในคดีอาญา ศาลจะต้องใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง จะไม่พิพากษาลงโทษจำเลยจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำความผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6478/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลอาญา: ไม่ผูกพันตามคำพิพากษาคดีอื่น, ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
การพิพากษาคดีอาญาหาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาในคดีอื่นดังเช่นที่บัญญัติไว้สำหรับคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ไม่เพราะในคดีอาญา ศาลจะต้องใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง จะไม่พิพากษาลงโทษจำเลยจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำความผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6443/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจอนุญาตถอนฟ้อง: ศาลพิจารณาจากข้อได้เสียของคำฟ้องและคำให้การเท่านั้น
แม้จำเลยคัดค้านไม่ยอมให้โจทก์ถอนฟ้องก็ตาม แต่การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล คดีนี้จำเลยต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่ผิดสัญญา แต่โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา แม้จำเลยฟ้องแย้งเรียกให้โจทก์คืน น.ส.3 ก. ที่โจทก์ยึดไว้และยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องก็ตาม เมื่อคดียังไม่มีการสืบพยานของคู่ความทั้งสองฝ่ายและยังไม่มีคำวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว หากศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนี้ไป ก็หาทำให้จำเลยต้องเสียเปรียบแต่อย่างใดไม่ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงตกไป ทำให้จำเลยต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความตั้งประเด็นฟ้องเป็นคดีใหม่อีกคดีหนึ่งต่างหากนั้น เห็นว่า การใช้ดุลพินิจที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้น ศาลจะคำนึงถึงข้อได้เปรียบเสียเปรียบของคดีในส่วนที่เกี่ยวกับคำฟ้องและคำให้การเท่านั้น ไม่ต้องคำนึงในส่วนที่เกี่ยวกับคำฟ้องแย้งแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6443/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจอนุญาตถอนฟ้อง: ศาลพิจารณาเฉพาะข้อได้เปรียบเสียเปรียบจากคำฟ้องและคำให้การ ไม่ต้องคำนึงถึงฟ้องแย้ง
แม้จำเลยคัดค้านไม่ยอมให้โจทก์ถอนฟ้องก็ตาม แต่การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล คดีนี้จำเลยต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยไม่ผิดสัญญา แต่โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา แม้จำเลยฟ้องแย้งเรียกให้โจทก์คืน น.ส.3 ก. ที่โจทก์ยึดไว้และยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องก็ตาม เมื่อคดียังไม่มีการสืบพยานของคู่ความทั้งสองฝ่ายและยังไม่มีคำวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวหากศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนี้ไป ก็หาทำให้จำเลยต้องเสียเปรียบแต่อย่างใดไม่ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงตกไป ทำให้จำเลยต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความตั้งประเด็นฟ้องเป็นคดีใหม่อีกคดีหนึ่งต่างหากนั้น เห็นว่า การใช้ดุลพินิจที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้น ศาลจะคำนึงถึงข้อได้เปรียบเสียเปรียบของคดีในส่วนที่เกี่ยวกับคำฟ้องและคำให้การเท่านั้น ไม่ต้องคำนึงในส่วนที่เกี่ยวกับคำฟ้องแย้งแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6396/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียม ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจได้ แม้ไม่มีคำขอ
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชนะคดีและให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลยนั้น คำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ เพราะเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดให้คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแก่ฝ่ายที่ชนะคดี ไม่ว่าคู่ความฝ่ายนั้นจะมีคำขอหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6396/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียมศาล: ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดค่าใช้จ่ายได้ แม้ไม่มีคำขอ
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชนะคดีและให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลยนั้น คำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ เพราะเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดให้คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแก่ฝ่ายที่ชนะคดี ไม่ว่าคู่ความฝ่ายนั้นจะมีคำขอหรือไม่