คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บุกรุก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 787 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4723/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาทหลังมีคำพิพากษา และการทำลายหลักเขตชั่วคราว ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
โจทก์จำเลยมีกรณีพิพาทฟ้องร้องแย่งสิทธิครอบครองที่นาพิพาทกันระหว่างพิจารณาคดีนั้นศาลอนุญาตให้จำเลยเข้าทำนาพิพาทโดยเสียค่าเช่าจำเลยย่อมมีสิทธิครอบครองที่พิพาทการที่จำเลยหว่านถั่วเขียวลงในที่นาพิพาทแม้หลังจากศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่นาพิพาทแล้วก็เป็นกรณีที่จำเลยไม่ยอมสละการครอบครองมิใช่เพิ่งเข้าไปครอบครองที่นาพิพาทในวันเวลาที่โจทก์ฟ้องการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก หลักไม้ที่จ่าศาลปักไว้ในที่พิพาทเพื่อการรังวัดสอบเขตตามคำสั่งศาลเป็นเครื่องหมายเขตที่ทำขึ้นเป็นสังเขปเพื่อประโยชน์แก่การบังคับคดีมิใช่เครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์การที่จำเลยถอนหลักไม้ดังกล่าวทิ้งจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา363.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3990/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ โดยศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม แม้จำเลยอ้างสิทธิร้องทุกข์
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่96ลงวันที่29กุมภาพันธ์2515มิได้บัญญัติเกี่ยวกับสิทธิของบุคคลที่จะเสนอเรื่องราวร้องทุกข์จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา42ซึ่งบัญญัติว่า'บุคคลย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ภายในเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ' โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมือปีพ.ศ.2525ถึงวันที่25กันยายน2527เวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกันจำเลยกระทำการอันเป็นความผิดถือว่าฟ้องโจทก์มีรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาเกิดเหตุพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วจำเลยจึงให้การรับสารภาพฟ้องโจทก์หาเคลือบคลุมไม่ ไม่มีบทกฎหมายใดที่บัญญัติว่าพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการไม่มีอำนาจสอบสวนและฟ้องคดีด้วยเหตุที่จำเลยยังทูลเกล้าฯถวายฎีกาอยู่ทั้งจำเลยก็ได้ให้การรับสารภาพตามฟ้องซึ่งรวมตลอดถึงว่าคดีมีการสอบสวนโดยชอบแล้วโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3918/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่สาธารณะ: โจทก์ไม่ต้องระบุรายละเอียดความเป็นมาของที่ดิน และการเช่าระยะสั้นไม่ทำให้เสียสภาพสาธารณสมบัติ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลย 1 ปีปรับ 5,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ฟ้องของโจทก์ในข้อหาบุกรุกยึดถือครอบครองทางสาธารณะ อันเป็นที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดินนั้นโจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่า ที่ดินพิพาทนั้นเป็นที่ดินของรัฐได้อย่างไรและเป็นที่ดินของรัฐตั้งแต่เมื่อใดเพราะเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาคดี เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158 (5) แล้ว
ที่พิพาทแม้ทางราชการจะเคยให้เอกชนเช่าอยู่ 3 ปีก็เลิกเช่า แต่ประชาชนสัญจรไปมาในที่พิพาทตลอดมาถือได้ว่า ที่พิพาทยังคงเป็นที่ดินของรัฐเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน โจทก์มีอำนาจฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3918/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สถานะที่ดินสาธารณะและการฟ้องคดีบุกรุก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลย 1 ปีปรับ 5,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ คดีจึงต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ฟ้องของโจทก์ในข้อหาบุกรุกยึดถือครอบครองทางสาธารณะ อันเป็น ที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดินนั้นโจทก์ไม่จำต้อง บรรยายฟ้องว่า ที่ดินพิพาทนั้นเป็นที่ดินของรัฐได้อย่างไรและเป็น ที่ดินของรัฐตั้งแต่เมื่อใด เพราะเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะต้อง นำสืบในชั้นพิจารณาคดีเป็นฟ้องที่ชอบ ด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5) แล้ว
ที่พิพาทแม้ทางราชการจะเคยให้เอกชนเช่าอยู่ 3 ปีก็เลิกเช่า แต่ประชาชนสัญจรไปมาในที่พิพาทตลอดมาถือได้ว่า ที่พิพาทยังคง เป็นที่ดินของรัฐเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ ร่วมกัน โจทก์มีอำนาจฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3918/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่สาธารณะ: โจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายรายละเอียดความเป็นมาของที่ดิน หากพิสูจน์ได้ว่ายังคงเป็นที่ดินของรัฐ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย1ปีปรับ5,000บาทให้รอการลงโทษจำคุกไว้คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218 ฟ้องของโจทก์ในข้อหาบุกรุกยึดถือครอบครองทางสาธารณะอันเป็นที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดินนั้นโจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าที่ดินพิพาทนั้นเป็นที่ดินของรัฐได้อย่างไรและเป็นที่ดินของรัฐตั้งแต่เมื่อใดเพราะเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาคดีเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)แล้ว ที่พิพาทแม้ทางราชการจะเคยให้เอกชนเช่าอยู่3ปีก็เลิกเช่าแต่ประชาชนสัญจรไปมาในที่พิพาทตลอดมาถือได้ว่าที่พิพาทยังคงเป็นที่ดินของรัฐเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันโจทก์มีอำนาจฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา108ทวิได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวจากการบุกรุกและขู่เข็ญเพื่อขับไล่ผู้อื่นออกจากเคหสถาน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวโดยการขู่เข็ญ คดีได้ความว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปขับไล่ให้ผู้เสียหายออกไปเสียจากขนำของผู้เสียหาย ครั้นผู้เสียหายขัดขืน จำเลยจึงใช้ปืนที่ติดตัวไปยิงขู่จนผู้เสียหายตกใจกลัวออกไปจากขนำ การกระทำของจำเลยมีเจตนาขู่เข็ญเพื่อขับไล่ผู้เสียหายให้ออกไปจากขนำเป็นข้อสำคัญ จึงเป็นความผิดกรรมเดียว อันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวในการบุกรุกและขู่เข็ญ: การกระทำมีเจตนาขับไล่เป็นสำคัญ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวโดยการขู่เข็ญ คดีได้ความว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปขับไล่ ให้ผู้เสียหายออกไปเสียจากขนำของผู้เสียหายครั้นผู้เสียหายขัดขืน จำเลยจึงใช้ปืนที่ติดตัวไปยิงขู่จนผู้เสียหายตกใจกลัวออกไปจากขนำ การกระทำของจำเลยมีเจตนาขู่เข็ญเพื่อขับไล่ผู้เสียหายให้ออกไป จากขนำเป็นข้อสำคัญ จึงเป็นความผิดกรรมเดียว อันเป็นความผิด ต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานบุกรุกและขู่เข็ญ: พิจารณาความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวโดยการขู่เข็ญคดีได้ความว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปขับไล่ให้ผู้เสียหายออกไปเสียจากขนำของผู้เสียหายครั้นผู้เสียหายขัดขืนจำเลยจึงใช้ปืนที่ติดตัวไปยิงขู่จนผู้เสียหายตกใจกลัวออกไปจากขนำการกระทำของจำเลยมีเจตนาขู่เข็ญเพื่อขับไล่ผู้เสียหายให้ออกไปจากขนำเป็นข้อสำคัญจึงเป็นความผิดกรรมเดียวอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2815/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าไปในเคหสถานเพื่อป้องกันยาเสพติด: เหตุอันสมควรทางกฎหมาย
จำเลยเข้าใจมาแต่แรกว่ายาที่ผู้เสียหายให้นาย ต.ไปเป็นยาเสพติดให้โทษ ขณะที่จำเลยเข้าไปในกุฏิของพระภิกษุ ว.ผู้เสียหาย นาย ถ. อยู่ในกุฏิของผู้เสียหายและหยิบยามาดู จำเลยเห็นยาดังกล่าวเข้าใจว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ จึงหยิบเอามาเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายมีไว้ในความครอบครองและจะเอาไปให้เจ้าอาวาสดู ดังนี้เป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร ไม่มีความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2815/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกทำได้หากมีเหตุอันสมควร: เข้าใจผิดว่ายาเป็นของผิดกฎหมาย
จำเลยเข้าใจมาแต่แรกว่ายาที่ผู้เสียหายให้นาย ต. ไปเป็นยาเสพติดให้โทษ ขณะที่จำเลยเข้าไปในกุฏิของพระภิกษุ ว.ผู้เสียหาย นาย ถ. อยู่ในกุฏิของผู้เสียหายและหยิบยามาดู จำเลยเห็นยาดังกล่าวเข้าใจว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ จึงหยิบเอามาเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายมีไว้ในความครอบครองและจะเอาไปให้เจ้าอาวาสดู ดังนี้เป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร ไม่มีความผิดฐานบุกรุก
of 79