พบผลลัพธ์ทั้งหมด 517 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าสาบานเป็นผลบังคับได้ หากประเด็นตรงกับข้อพิพาท และคู่ความทราบตัวผู้สาบาน
การที่โจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงท้ากันให้ ก. กับ พ. ซึ่งเป็นบุคคลที่จำเลยอ้างว่าได้รับชำระหนี้จากจำเลยแทนโจทก์สาบานตนตามที่จำเลยทั้งสองเป็นผู้กล่าวนำสาบาน ถ้า ก. กับ พ.สาบานได้ว่ายังไม่ได้รับชำระหนี้จากจำเลยไปครบถ้วนแล้ว จำเลยทั้งสองยอมแพ้คดีถ้าไม่กล้าสาบานโจทก์ยอมแพ้คดีนั้น แม้ ก. กับ พ. จะมิใช่โจทก์หรือผู้มีส่วนได้เสียก็ตาม การสาบานตนของบุคคลทั้งสองก็เป็นเงื่อนไขที่คู่กรณีกำหนดขึ้นเพื่อให้ศาลวินิจฉัยข้อแพ้ชนะในคดีทั้งคำท้าสาบานก็ตรงกับประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีที่ศาลกำหนดไว้แล้ว ข้อตกลงท้ากันดังกล่าวจึงมีผลบังคับระหว่างคู่ความ
โจทก์และจำเลยทั้งสองรู้จัก ก. และ พ. ผู้สาบานซึ่งเป็นสามีภรรยากันมาก่อนในวันนัดสาบานตัว ฝ่ายจำเลยได้นำสาบานโดยมิได้โต้แย้งคัดค้านเรื่องตัวผู้สาบาน ผู้สาบานได้สาบานตามคำท้าแล้ว โจทก์ จำเลยทั้งสองและผู้สาบานลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาของศาล โดยผู้สาบานลงชื่อว่า จ. และ พ. ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน แสดงว่า ก. ซึ่งคู่ความตกลงให้เป็นผู้สาบาน กับ จ. ซึ่งสาบานและลงชื่อไว้นั้นเป็นบุคคลคนเดียวกัน แต่มี 2 ชื่อภายหลังฝ่ายจำเลยจึงจะอ้างว่า จ. กับ ก. เป็นคนละคนกันไม่มีสิทธิสาบาน คำสาบานของ จ. ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหาได้ไม่
โจทก์และจำเลยทั้งสองรู้จัก ก. และ พ. ผู้สาบานซึ่งเป็นสามีภรรยากันมาก่อนในวันนัดสาบานตัว ฝ่ายจำเลยได้นำสาบานโดยมิได้โต้แย้งคัดค้านเรื่องตัวผู้สาบาน ผู้สาบานได้สาบานตามคำท้าแล้ว โจทก์ จำเลยทั้งสองและผู้สาบานลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาของศาล โดยผู้สาบานลงชื่อว่า จ. และ พ. ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน แสดงว่า ก. ซึ่งคู่ความตกลงให้เป็นผู้สาบาน กับ จ. ซึ่งสาบานและลงชื่อไว้นั้นเป็นบุคคลคนเดียวกัน แต่มี 2 ชื่อภายหลังฝ่ายจำเลยจึงจะอ้างว่า จ. กับ ก. เป็นคนละคนกันไม่มีสิทธิสาบาน คำสาบานของ จ. ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการสาบานเพื่อตัดสินคดี: ผลผูกพันระหว่างคู่ความ แม้ผู้สาบานไม่ใช่โจทก์
โจทก์จำเลยตกลง ท้ากันว่า ถ้า ก. กับ พ. สาบานตัว ตาม ที่จำเลยทั้งสองเป็นผู้กล่าวนำสาบานตาม คำท้าได้ จำเลยทั้งสองยอมแพ้ ถ้า ไม่กล้าสาบานโจทก์ยอมแพ้การสาบานของคนทั้งสองจึงเป็นเงื่อนไขที่คู่กรณีกำหนดขึ้นเพื่อให้ศาลวินิจฉัยข้อแพ้ชนะในคดี แม้ ก. และ พ. จะมิใช่โจทก์ แต่ เป็นบุคคลที่จำเลยอ้างว่าเป็นผู้รับชำระหนี้จากจำเลย ข้อตกลงดังกล่าวจึงมีผลบังคับระหว่างคู่ความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าสาบานเป็นผลบังคับได้หากตรงกับประเด็นข้อพิพาท แม้ผู้สาบานมีชื่อซ้ำหรือต่างกัน
การที่โจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงท้ากันให้ ก. กับ พ.ซึ่งเป็นบุคคลที่จำเลยอ้างว่าได้รับชำระหนี้จากจำเลยแทนโจทก์สาบานตนตามที่จำเลยทั้งสองเป็นผู้กล่าวนำสาบานถ้า ก. กับ พ.สาบานได้ว่ายังไม่ได้รับชำระหนี้จากจำเลยไปครบถ้วนแล้ว จำเลยทั้งสองยอมแพ้คดีถ้าไม่กล้าสาบานโจทก์ยอมแพ้คดีนั้น แม้ ก. กับ พ. จะมิใช่โจทก์หรือผู้มีส่วนได้เสียก็ตาม การสาบานตนของบุคคลทั้งสองก็เป็นเงื่อนไขที่คู่กรณีกำหนดขึ้นเพื่อให้ศาลวินิจฉัยข้อแพ้ชนะในคดีทั้งคำท้าสาบานก็ตรงกับประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีที่ศาลกำหนดไว้แล้ว ข้อตกลงท้ากันดังกล่าวจึงมีผลบังคับระหว่างคู่ความ โจทก์และจำเลยทั้งสองรู้จัก ก. และ พ. ผู้สาบานซึ่งเป็นสามีภรรยากันมาก่อนในวันนัดสาบานตัว ฝ่ายจำเลยได้นำสาบานโดยมิได้โต้แย้งคัดค้านเรื่องตัวผู้สาบาน ผู้สาบานได้สาบานตามคำท้าแล้ว โจทก์ จำเลยทั้งสองและผู้สาบานลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาของศาล โดยผู้สาบานลงชื่อว่า จ. และ พ. ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน แสดงว่า ก. ซึ่งคู่ความตกลงให้เป็นผู้สาบาน กับ จ.ซึ่งสาบานและลงชื่อไว้นั้นเป็นบุคคลคนเดียวกัน แต่มี 2 ชื่อภายหลังฝ่ายจำเลยจึงจะอ้างว่า จ. กับ ก. เป็นคนละคนกันไม่มีสิทธิสาบาน คำสาบานของ จ.ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีผู้จัดการมรดก ประเด็นข้อพิพาทต่างกัน ห้ามฎีกาเรื่องฟ้องซ้ำที่เพิ่งยกขึ้น
คดีก่อนจำเลยทั้งสามกล่าวหาโจทก์ว่าละเลยไม่ทำบัญชีทรัพย์มรดก ไม่รายงานแสดงบัญชีการจัดการและไม่แบ่งปันมรดกให้เสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย ให้ถอนโจทก์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย คดีถึงที่สุดแล้วคดีนี้โจทก์กล่าวหาจำเลยทั้งสามว่าละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ของผู้จัดการมรดก มิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในเวลาและตามแบบที่กำหนดไว้ ไม่ทำรายงานแสดงบัญชีการจัดการและแบ่งปันมรดกให้เสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยทั้งสามไม่สามารถเป็นผู้จัดการมรดก คดีก่อนกับคดีนี้จึงมีประเด็นข้อพิพาทคนละอย่างคนละเหตุกัน ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ปัญหาที่ว่าคดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อนหรือไม่ จำเลยเพิ่งหยิบยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์และฎีกาที่นอกประเด็นข้อพิพาทเดิม ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ตั้ง ท. ทายาทตามพินัยกรรมเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านยอมรับว่าพินัยกรรมพิพาทเป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์เพียงแต่ข้อความที่ถูกขีดฆ่าและต่อเติมไม่สมบูรณ์ ศาลชั้นต้นจึงได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าพินัยกรรมพิพาทส่วนที่มีการขีดฆ่าและเพิ่มข้อความสมบูรณ์ถูกต้องหรือไม่ เมื่อสืบพยานเสร็จ ผู้คัดค้านยื่นคำแถลงว่า ลายมือชื่อในช่องผู้ทำพินัยกรรมเป็นลายมือชื่อปลอม พินัยกรรมพิพาทเป็นพินัยกรรมปลอมทั้งฉบับ คำแถลงของผู้คัดค้านจึงเป็นการกล่าวอ้างนอกประเด็นไม่มีปัญหาที่ศาลชั้นต้นจะต้องวินิจฉัย และการที่ผู้คัดค้านอุทธรณ์ในประเด็นดังกล่าวจึงเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาที่มิได้ว่ากล่าวกันในศาลชั้นต้น
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลฎีกาจะยกขึ้นวินิจฉัยนั้น ต้องเกิดจากข้อเท็จจริงในกระบวนพิจารณาโดยชอบ มิใช่ข้อเท็จจริงนอกประเด็นนอกสำนวนที่ยกมากล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นอุทธรณ์และฎีกา.
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลฎีกาจะยกขึ้นวินิจฉัยนั้น ต้องเกิดจากข้อเท็จจริงในกระบวนพิจารณาโดยชอบ มิใช่ข้อเท็จจริงนอกประเด็นนอกสำนวนที่ยกมากล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นอุทธรณ์และฎีกา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อพิพาทต้องชัดเจน การอ้างข้อเท็จจริงใหม่นอกประเด็นในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ชอบ
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ตั้ง ท. ทายาทตามพินัยกรรมเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านยอมรับว่าพินัยกรรมพิพาทเป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์ เพียงแต่ข้อความที่ถูกขีดฆ่าและต่อเติมไม่สมบูรณ์ ศาลชั้นต้นจึงได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า พินัยกรรมพิพาทส่วนที่มีการขีดฆ่าและเพิ่มข้อความสมบูรณ์ถูกต้องหรือไม่ เมื่อสืบพยานเสร็จผู้คัดค้านยื่นคำแถลงว่าลายมือชื่อในช่องผู้ทำพินัยกรรมเป็นลายมือชื่อปลอม พินัยกรรมพิพาทเป็นพินัยกรรมปลอมทั้งฉบับ คำแถลงของผู้คัดค้านจึงเป็นการกล่าวอ้างนอกประเด็น ไม่มีปัญหาที่ศาลชั้นต้นจะต้องวินิจฉัย และการที่ผู้คัดค้านอุทธรณ์ในประเด็นดังกล่าวจึงเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาที่มิได้ว่ากล่าวกันในศาลชั้นต้น ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลฎีกาจะยกขึ้นวินิจฉัยนั้น ต้องเกิดจากข้อเท็จจริงในกระบวนพิจารณาโดยชอบ มิใช่ข้อเท็จจริงนอกประเด็นนอกสำนวนที่ยกมากล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นอุทธรณ์และฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4501/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อพิพาทจำกัดตามคำฟ้องและคำให้การ การนำสืบพยานนอกประเด็นทำไม่ได้
คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าสัญญากู้ปลอมหรือไม่ และฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ ซึ่งศาลต้องสืบพยานตามประเด็นในคำฟ้องและคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 185 วรรคสอง การที่ศาลชั้นต้นจดบันทึกคำแถลงของจำเลยในรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ 70,000 บาท และได้ชดใช้ให้โจทก์ที่โรงพยาบาลแล้วนั้น เป็นการบันทึกหลังจากมีการสืบพยานโจทก์แล้ว และโจทก์ไม่ได้ยอมรับ จึงไม่ทำให้คดีเกิดประเด็นเพิ่มเติมว่าจำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์แล้วหรือไม่ และจำเลยไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบตามประเด็นดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4373/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการซื้อขายโดยตัวแทน: ศาลวินิจฉัยถูกต้องเมื่อพิจารณาตามประเด็นที่กำหนดไว้
คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยซื้อตู้เย็นรายพิพาทจากโจทก์หรือไม่ การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าจำเลยซื้อตู้เย็นรายพิพาทโดยมีบุคคลอื่นเป็นผู้สั่งซื้อแทนจำเลยนั้น เป็นการวินิจฉัยตรงตามประเด็นข้อพิพาทดังที่ได้กำหนดไว้แล้ว ถึงแม้จะฟังว่าบุคคลนั้นได้สั่งซื้อตู้เย็นรายพิพาทแทนจำเลย ก็เป็นการวินิจฉัยในรายละเอียด ซึ่งคู่ความสามารถนำสืบอธิบายข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นข้อพิพาทได้ เพราะในการติดต่อทำสัญญาซื้อขายกัน อาจกระทำโดยตนเองหรือโดยมีตัวแทนไปติดต่อทำสัญญาซื้อขายแทนก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4373/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการซื้อขายโดยตัวแทน: ศาลพิพากษาตามประเด็นข้อพิพาทที่กำหนด แม้มีรายละเอียดการซื้อผ่านตัวแทน
คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยซื้อตู้เย็นรายพิพาทจากโจทก์หรือไม่ การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าจำเลยซื้อตู้เย็นรายพิพาทโดยมีบุคคลอื่นเป็นผู้สั่งซื้อแทนจำเลยนั้น เป็นการวินิจฉัยตรงตามประเด็นข้อพิพาทดังที่ได้กำหนดไว้แล้ว ถึงแม้จะฟังว่าบุคคลนั้นได้สั่งซื้อตู้เย็นรายพิพาทแทนจำเลย ก็เป็นการวินิจฉัยในรายละเอียดซึ่งคู่ความสามารถนำสืบอธิบายข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นข้อพิพาทได้ เพราะในการติดต่อทำสัญญาซื้อขายกัน อาจกระทำโดยตนเองหรือโดยมีตัวแทนไปติดต่อทำสัญญาซื้อขายแทนก็ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3764/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิดไม่ต้องรับผิดในหนี้ หากศาลไม่วินิจฉัยประเด็นแสดงตนเป็นหุ้นส่วน
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยที่ 3 เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในการสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ตามฟ้องหรือไม่จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 ได้แสดงตนเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 หรือไม่ แม้ฟ้องโจทก์จะกล่าวว่าจำเลยที่ 3 แสดงตนเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1มาด้วยก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทในชั้นชี้สองสถานไว้ และโจทก์ก็มิได้คัดค้าน ถือได้ว่าโจทก์สละประเด็นข้อนี้แล้ว ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการ จำเลยที่ 3จึงไม่ต้องรับผิดชำระค่าสินค้าต่อโจทก์