พบผลลัพธ์ทั้งหมด 804 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง หากโจทก์ในคดีอาญาไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง และการประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย
ความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกเป็นความผิดต่อ รัฐ การฟ้องคดีของอัยการศาลทหารกรุงเทพ มิอาจถือ ได้ ว่าเป็นการฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ โจทก์จึงมิใช่คู่ความเดียว กับโจทก์ในคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพ ดังนั้นผลของคำพิพากษาคดีอาญาของ ศาลทหารกรุงเทพจึงไม่ผูกพันโจทก์และศาลที่พิจารณาคดีแพ่งหาจำต้องถือ ข้อเท็จจริงตาม ที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริง และผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง
คดีสำนวนหลังซึ่งจำเลยเป็นโจทก์เป็นคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงจำเลยมิได้ฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อนี้ แต่กลับฎีกาว่าโจทก์เป็นฝ่ายประมาทและฎีกาเกี่ยวกับจำนวนเงินค่าเสียหาย เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คดีอาญาที่อัยการศาลทหารกรุงเทพได้ยื่นฟ้องจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 เป็นความผิดต่อรัฐโจทก์มิใช่ผู้เสียหาย จึงไม่อาจถือได้ว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ โจทก์ในคดีนี้จึงมิใช่คู่ความรายเดียวกับโจทก์ในคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพ ผลของคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพย่อมไม่ผูกพันโจทก์ ศาลที่พิจารณาคดีแพ่งจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัวที่แก้ไขเปลี่ยนแปลง: ผลผูกพันตามสัญญาและการพิสูจน์เจตนาในการลงนาม
จำเลยทำสัญญา ประกันตัว ผู้ต้องหาต่อ โจทก์ แม้สัญญาประกัน จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมจากข้อความเดิม ซึ่ง กล่าวหาว่าออกเช็ค โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้ เงินตาม เช็ค โดย พิมพ์ข้อความเพิ่มเติมว่า ออกเช็ค ในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้ เงินได้ และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค นั้น และมีการแก้ไขจำนวนเงิน เดิม 150,000 บาท โดย ขีดฆ่าจำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวอักษรออกแล้วพิมพ์ใหม่ว่า 86,600 บาท เนื่องจากตาม ระเบียบกำหนดให้ผู้ประกันรับผิดไม่เกินจำนวนเงินในเช็ค ที่ถูก กล่าวหา ดังนี้ ทั้งข้อความเดิม และข้อความที่เพิ่มเติมนั้นก็เป็นข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั่นเอง มิได้ เพิ่มเติมข้อหาความผิดอื่นแต่ อย่างใด และจำนวนเงินประกันที่แก้ จาก เดิม ก็เป็นผลดี แก่จำเลยด้วย ทั้งฟังได้ว่ามีการขีดฆ่าจำนวนเงินที่ ประกันและลงจำนวน เงินที่ประกันใหม่ต่อหน้าจำเลยแล้วก่อนที่ จำเลยจะลงชื่อในสัญญาประกันดังกล่าว สัญญาประกันจึงเป็นเอกสาร ที่ถูกต้อง สมบูรณ์มีผลใช้ บังคับได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการสาบานเพื่อตัดสินคดี: ผลผูกพันระหว่างคู่ความ แม้ผู้สาบานไม่ใช่โจทก์
โจทก์จำเลยตกลง ท้ากันว่า ถ้า ก. กับ พ. สาบานตัว ตาม ที่จำเลยทั้งสองเป็นผู้กล่าวนำสาบานตาม คำท้าได้ จำเลยทั้งสองยอมแพ้ ถ้า ไม่กล้าสาบานโจทก์ยอมแพ้การสาบานของคนทั้งสองจึงเป็นเงื่อนไขที่คู่กรณีกำหนดขึ้นเพื่อให้ศาลวินิจฉัยข้อแพ้ชนะในคดี แม้ ก. และ พ. จะมิใช่โจทก์ แต่ เป็นบุคคลที่จำเลยอ้างว่าเป็นผู้รับชำระหนี้จากจำเลย ข้อตกลงดังกล่าวจึงมีผลบังคับระหว่างคู่ความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยอมความระหว่างพิจารณาคดีอาญา: ผลผูกพันโจทก์และสิทธิในการฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ระหว่างพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยตกลงกันได้และต่างแถลงร่วมกันว่าจำเลยได้ชำระเงินแก่โจทก์เกือบหมดแล้ว ส่วนที่เหลือจำเลยจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ในวันรุ่งขึ้นจากวันที่ตกลงกันโดยจำเลยจะออกเช็คเงินสดให้โจทก์ไว้ โจทก์รับว่าเมื่อได้รับเงินตามเช็คที่จำเลยออกให้แล้วโจทก์จะคืนเช็คอีก 2 ฉบับที่จำเลยที่ 3 ออกให้ไว้ล่วงหน้าแก่จำเลยและโจทก์จะถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นจึงเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไป เมื่อถึงวันนัดฟังคำพิพากษา ทนายโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ชำระหนี้ตามเช็คแล้ว ทนายโจทก์เห็นควรให้ถอนฟ้อง แต่โจทก์ไม่ยอมถอนฟ้องดังนี้เมื่อคดีเป็นความผิดต่อส่วนตัว และใบแต่งทนายความปรากฏว่าทนายโจทก์มีอำนาจประนีประนอมยอมความแทนโจทก์ได้ ทนายโจทก์ย่อมจะขอยอมความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรคสองและมีผลผูกพันโจทก์ เมื่อโจทก์ได้รับเงินตามเช็คที่จำเลยออกให้แก่โจทก์แล้ว จึงมีผลเป็นการยอมความ ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันโจทก์ในคดีแพ่ง กรณีโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
แม้พนักงานอัยการจะได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และ ส.ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43157 และศาลพิพากษาลงโทษ ส. แต่ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ก็ตาม เมื่อโจทก์ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากมูลกรณีรถชนกัน และในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบกโจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องหรือขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้ พนักงานอัยการจึงไม่อยู่ในฐานะฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ ผลแห่งคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งฟ้องคดีแพ่งว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ที่ ส. ลูกจ้างโจทก์เป็นผู้ขับ เพราะโจทก์ไม่ใช่คู่ความรายเดียวกัน จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดความรับผิดผู้ขนส่งทางทะเล: การยกเว้นความรับผิดต้องชัดเจนและมีผลผูกพัน
มูลคดีตามฟ้องเกิดขึ้นในประเทศไทย ต้องบังคับกันตามกฎหมายแห่งประเทศไทย ไม่อาจนำพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทางทะเลค.ศ. 1936 ของประเทศสหรัฐอเมริกามาใช้บังคับเพื่อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 วรรคสอง บัญญัติว่ารับขนของทางทะเล ท่านให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการนั้น แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเลใช้บังคับและไม่ปรากฏว่ามีประเพณีการขนส่งทางทะเลที่ถือปฏิบัติอยู่จึงต้องนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะรับขนในหมวดรับขนของ อันเป็นกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งมาปรับแก่คดี การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่งได้ออกใบตราส่งกำหนดเงื่อนไขไว้ด้านหลังว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดสำหรับความสูญหายหรือเสียหายของสินค้าเกินไปกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4(5) แห่งพระราชบัญญัติรับขนของทางทะเล ค.ศ. 1936 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ก็เท่ากับเป็นการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 625 แม้จะมีตราประทับชื่อของบริษัทผู้ส่งและมีการลงลายมือชื่อไว้ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าผู้ลงลายมือชื่อเป็นใคร มีอำนาจกระทำแทนบริษัทผู้ส่งอย่างไรหรือไม่อีกทั้งไม่มีข้อความระบุว่าลงลายมือชื่อเพื่อจุดหมายใด อาจเป็นการลงลายมือชื่อรับคู่ฉบับหรือสำเนาเอกสารก็ได้ เช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าผู้ส่งได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวจึงไม่มีผลใช้ยันผู้ส่ง และบริษัทผู้รับตราส่งซึ่งได้รับสิทธิมาจากผู้ส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 ตลอดจนโจทก์ผู้รับประกันภัยซึ่งรับช่วงสิทธิของผู้รับตราส่งมาอีกทอดหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5095/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้คดีอาญาไม่พบผู้กระทำผิด
บันทึกเปรียบเทียบของนายอำเภอมีข้อความว่า "จำเลยเผาป่าทำให้ไฟลุกลามไหม้สวนยางพาราของโจทก์ ยางพาราเสียหาย 1,211 ต้น โจทก์คิดค่าเสียหาย 250,000 บาท จำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามจำนวนดังกล่าวภายใน 70 วัน และจำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ถือเป็นข้อตกลงที่โจทก์และจำเลยระงับข้อพิพาทเรื่องไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ซึ่งมีอยู่แล้วให้เสร็จไปจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่มีผลผูกพันโจทก์และจำเลย แม้ต่อมาจะปรากฏว่าคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยจุดไฟเผาหญ้าโดยประมาทเป็นเหตุให้ไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ และคดีถึงที่สุดแล้วก็ตามโจทก์จำเลยก็ยังคงต้องผูกพันกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5095/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้คดีอาญาไม่พบผู้กระทำผิด
บันทึกเปรียบเทียบของนายอำเภอมีข้อความว่า จำเลยเผาป่าทำให้ไฟลุกลามไหม้สวนยางพาราของโจทก์ ยางพาราเสียหาย 1,211 ต้นโจทก์คิดค่าเสียหาย 250,000 บาท จำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามจำนวนดังกล่าวภายใน 70 วัน และจำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ถือเป็นข้อตกลงที่โจทก์และจำเลยระงับข้อพิพาทเรื่องไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ซึ่งมีอยู่แล้วให้เสร็จไปจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่มีผลผูกพันโจทก์และจำเลยแม้ต่อมาจะปรากฏว่าคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยจุดไฟเผาหญ้าโดยประมาทเป็นเหตุให้ไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ และคดีถึงที่สุดแล้วก็ตามโจทก์จำเลยก็ยังคงต้องผูกพันกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5095/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้คดีอาญาไม่ฟังขาด
บันทึกเปรียบเทียบของนายอำเภอมีข้อความว่า "จำเลยเผาป่าทำให้ไฟลุกลามไหม้สวนยางพาราของโจทก์ ยางพาราเสียหาย1,211 ต้น โจทก์คิดค่าเสียหาย 250,000 บาท จำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามจำนวนดังกล่าวภายใน 70 วัน และจำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ถือเป็นข้อตกลงที่โจทก์และจำเลยระงับข้อพิพาทเรื่องไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ซึ่งมีอยู่แล้วให้เสร็จไปจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่มีผลผูกพันโจทก์และจำเลย แม้ต่อมาจะปรากฏว่าคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยจุดไฟเผาหญ้าโดยประมาทเป็นเหตุให้ไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ และคดีถึงที่สุดแล้วก็ตามโจทก์จำเลยก็ยังคงต้องผูกพันกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น.