พบผลลัพธ์ทั้งหมด 377 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการเรียกคืนเงินที่ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
ข้อที่ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเรียกเอาไปชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 109(3) จะต้องเป็นสิ่งของ ไม่ใช่ตัวเงินนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น แต่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวชั้นศาลอุทธรณ์แล้ว ย่อมอ้างอิงปัญหาข้อนี้ในชั้นฎีกาได้
แม้ว่าตัวเงินจะมิใช่สิ่งของ แต่เงินก็เป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งมีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลายตามมาตรา 109(1) ฉะนั้น ถึงแม้ผู้ร้องจะเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนด้วย ก็ไม่มีอำนาจที่จะนำเงินของหุ้นส่วนซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการได้ถูกศาลสิ่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วเอาไปชำระหนี้บุคคลภายนอกโดยลำพังได้ ฉะนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเอาคืนได้ เพราะเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตามมาตรา 109(1) ดังกล่าว
แม้ว่าตัวเงินจะมิใช่สิ่งของ แต่เงินก็เป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งมีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลายตามมาตรา 109(1) ฉะนั้น ถึงแม้ผู้ร้องจะเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนด้วย ก็ไม่มีอำนาจที่จะนำเงินของหุ้นส่วนซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการได้ถูกศาลสิ่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วเอาไปชำระหนี้บุคคลภายนอกโดยลำพังได้ ฉะนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเอาคืนได้ เพราะเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตามมาตรา 109(1) ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการเรียกคืนทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ถูกชำระหนี้หลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
ข้อที่ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเรียกเอาไปชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 109(3) จะต้องเป็นสิ่งของ ไม่ใช่ตัวเงินนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นแต่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวชั้นศาลอุทธรณ์แล้ว ย่อมอ้างอิงปัญหาข้อนี้ในชั้นฎีกาได้
แม้ว่าตัวเงินจะมิใช่สิ่งของ แต่เงินก็เป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งมีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลายตามมาตรา109(1) ฉะนั้น ถึงแม้ผู้ร้องจะเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนด้วย ก็ไม่มีอำนาจที่จะนำเงินของหุ้นส่วนซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการได้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วเอาไปชำระหนี้บุคคลภายนอกโดยลำพังได้ ฉะนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเอาคืนได้ เพราะเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตามมาตรา 109(1) ดังกล่าว
แม้ว่าตัวเงินจะมิใช่สิ่งของ แต่เงินก็เป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งมีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลายตามมาตรา109(1) ฉะนั้น ถึงแม้ผู้ร้องจะเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนด้วย ก็ไม่มีอำนาจที่จะนำเงินของหุ้นส่วนซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการได้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วเอาไปชำระหนี้บุคคลภายนอกโดยลำพังได้ ฉะนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเอาคืนได้ เพราะเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตามมาตรา 109(1) ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่รับผิดในหนี้หลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
การที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ผู้ล้มละลายในหนี้อันเดียวกับที่ตนเป็นโจทก์ฟ้องคดีนั้น เมื่อศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายคดีถึงที่สุดโดยไม่ปรากฏพฤติการณ์อื่นหักล้างคำสั่งและคำพิพากษาดังกล่าวย่อมถือได้ว่าลูกหนี้ต้องมีหน้าที่รับผิดในหนี้ตามที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738-740/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้เกิดหลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์/เช็คไม่ใช่หลักฐานกู้ยืม: เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ไม่ได้
การพิจารณาของศาลตามมาตรา 107 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายนั้น อาจพิจารณาได้จากสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั่นเอง ไม่จำเป็นที่ศาลจะต้องออกนั่งพิจารณาฟังพยานหลักฐานอะไรอีกก็ได้
เจ้าหนี้ให้เงินตามจำนวนในเช็คแก่ลูกหนี้ไปแลกกับเช็คที่ลูกหนี้ออกให้ลงวันออกล่วงหน้าไว้ แต่วันที่ลงในเช็คเป็นวันภายหลังวันศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด เช็คนี้จึงเพิ่งเกิดมูลหนี้ขึ้นภายหลังวันศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด ต้องด้วยข้อจำกัดมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 94 เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ในฐานเป็นผู้ทรงเช็คหาได้ไม่และจะขอรับชำระหนี้จำนวนนี้ในฐานเป็นหนี้กู้ยืมในเมื่อไม่ได้ทำสัญญากู้ยืมต่อกัน เพียงแต่ลูกหนี้ออกเช็คให้เจ้าหนี้ไว้เป็นหลักฐานเช่นนี้ก็ไม่ได้ เพราะเช็คไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืม (อ้างฎีกาที่ 1595/2503) จึงเป็นหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ต้องด้วยข้อจำกัดมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา94 อีก
เจ้าหนี้ให้เงินตามจำนวนในเช็คแก่ลูกหนี้ไปแลกกับเช็คที่ลูกหนี้ออกให้ลงวันออกล่วงหน้าไว้ แต่วันที่ลงในเช็คเป็นวันภายหลังวันศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด เช็คนี้จึงเพิ่งเกิดมูลหนี้ขึ้นภายหลังวันศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด ต้องด้วยข้อจำกัดมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 94 เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ในฐานเป็นผู้ทรงเช็คหาได้ไม่และจะขอรับชำระหนี้จำนวนนี้ในฐานเป็นหนี้กู้ยืมในเมื่อไม่ได้ทำสัญญากู้ยืมต่อกัน เพียงแต่ลูกหนี้ออกเช็คให้เจ้าหนี้ไว้เป็นหลักฐานเช่นนี้ก็ไม่ได้ เพราะเช็คไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืม (อ้างฎีกาที่ 1595/2503) จึงเป็นหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ต้องด้วยข้อจำกัดมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา94 อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยหลังพิทักษ์ทรัพย์: ยังคงเป็นหนี้ แม้ขอรับชำระในคดีล้มละลายไม่ได้ ผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิด
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 100 เป็นบทบังคับกฎหมายพิเศษมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้เหมือนคดีแพ่งสามัญ มิใช่บทบังคับกฎหมายทั่วไปว่าในกรณีที่ลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายแล้ว ห้ามมิให้เจ้าหนี้ใช้สิทธิใด ๆ เรียกร้องเอาดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไม่ฉะนั้นดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ยังคงมีสภาพเป็นหนี้อยู่ แต่จะเรียกร้องกันในคดีแพ่งสามัญได้เพียงไร ต้องพิจารณาตามบทบังคับของกฎหมายทั่วไป
ผู้ค้ำประกันซึ่งทำสัญญาผูกพันตนโดยไม่จำกัดความรับผิดนั้น ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วแทนลูกหนี้ด้วย
ผู้ค้ำประกันซึ่งทำสัญญาผูกพันตนโดยไม่จำกัดความรับผิดนั้น ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วแทนลูกหนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องขัดทรัพย์ก่อนการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย
เมื่อมีการยึดทรัพย์ ประกาศขายทอดตลาด และร้องลักทรัพย์ไว้ก่อนจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย ระหว่างนัดไต่สวนสืบพยานผู้ร้องจึงปรากฎว่าจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด กรณีเช่นนี้ ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะไต่สวนและมีคำสั่งไปได้ ผู้ร้องไม่ต้องไปร้องขัดทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการไต่สวนคำร้องขัดทรัพย์ก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย
เมื่อมีการยึดทรัพย์ ประกาศขายทอดตลาดและร้องขัดทรัพย์ไว้ก่อนจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย ระหว่างนัดไต่สวนสืบพยานผู้ร้อง จึงปรากฏว่าจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด กรณีเช่นนี้ ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะไต่สวนและมีคำสั่งไปได้ ผู้ร้องไม่ต้องไปร้องขัดทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการทรัพย์สินหลังถูกพิทักษ์ทรัพย์: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่ผู้เดียวในการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน
เมื่อจำเลยถูกศาลสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยย่อมหมดอำนาจที่จะทำการใด ๆ เกี่ยวแก่ทรัพย์สินของจำเลย การจัดการรวมทั้งการฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยย่อมตกอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะจัดการแต่ผู้เดียว ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย ฯ การที่จะต่อสู้ว่าการทำสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางความจริงที่จำเลยจำนองไว้กับฝ่ายโจทก์นั้น จึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะดำเนินการต่อไป และเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงสละข้อต่อสู้ข้อนี้แล้วโดยจำเลยมิได้โต้แย้ง คำแถลงนี้แต่ประการใด จำเลยจะยกข้อนี้ขึ้นมาต่อสู้และจะขอสืบพยานอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการทรัพย์สินหลังพิทักษ์ทรัพย์: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน
เมื่อจำเลยถูกศาลสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยย่อมหมดอำนาจที่จะทำการใดๆ เกี่ยวแก่ทรัพย์สินของจำเลย การจัดการรวมทั้งการฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยย่อมตกอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะจัดการแต่ผู้เดียว ตามมาตรา22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายการที่จะต่อสู้ว่าการทำสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางความจริงที่จำเลยจำนองไว้กับฝ่ายโจทก์นั้น จึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะดำเนินการต่อไป และเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงสละข้อต่อสู้ข้อนี้แล้วโดยจำเลยมิได้โต้แย้งคำแถลงนี้แต่ประการใด จำเลยจะยกข้อนี้ขึ้นมาต่อสู้และจะขอสืบพยานอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการพิทักษ์ทรัพย์ต่อการบังคับคดีสัญญาจำนอง: การบังคับคดียังไม่บริบูรณ์ก่อนพิทักษ์ทรัพย์
ศาลพิพากษาให้จำเลยทำสัญญาจำนองแก่โจทก์และได้ออกคำบังคับแล้ว แต่ก่อนได้รับคำบังคับศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในคดีล้มละลายดังนี้ โจทก์จะขอ ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปทำสัญญาจำนองแทนจำเลยไม่ได้ เพราะการบังคับคดียังไม่สำเร็จบริบูรณ์ก่อนวันที่ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จึงใช้ยันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 110