คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รอการลงโทษ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 620 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาของมารดาจำเลยและจำเลยผู้มีภาวะวิกลจริต การพิจารณาโทษที่เหมาะสม และการรอการลงโทษ
ผู้ร้องแม้จะเป็นมารดาจำเลยและจำเลยจะเป็นผู้วิกลจริตไม่สามารถต่อสู้คดีจริงหรือไม่ก็ตาม เมื่อผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความในคดี และมิได้อยู่ในฐานะเป็นผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(1) หรือ (2)จึงไม่อาจยื่นฎีกาเข้ามาในคดีได้ ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218 วรรคแรก แต่คดีที่คู่ความฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายนั้นหากศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างลงโทษจำเลยหนักเกินไปก็ย่อมมีอำนาจลงโทษให้เหมาะสมแก่ความผิดได้ จำเลยกระทำผิดขณะมีอายุ 18 ปีเศษไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ทั้งผู้เสียหายแถลงไม่ติดใจดำเนินคดีจำเลย สมควรรอการลงโทษจำคุกหรือให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: โต้แย้งดุลพินิจศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เรื่องการรอการลงโทษในคดีอาญา
โจทก์ยื่นฎีกาขอไม่ให้รอการลงโทษ เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษอันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 3 และศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลงโทษปรับ 1,400 บาทอีกสถานหนึ่ง โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีจึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลงโทษ จำคุกจำเลยไม่เกินสองปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทแม้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รอการลงโทษจำคุกจำเลยอันเป็นการแก้ไขมาก ก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รอการลงโทษหญิงสูงอายุ ปลูกกัญชาจำนวนน้อยครั้งแรก
จำเลยเป็นหญิงมีอายุถึง 54 ปีแล้ว และไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดมาก่อน กัญชาของกลางที่จำเลยผลิตโดยการปลูกและมีไว้ในครอบครองก็เป็นต้นกัญชาเพียง 7 ต้น ตามพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุอันควรปรานีรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยตาม ป.อ. มาตรา 56.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดโดยประมาทและเจตนา, ความรับผิดของผู้สนับสนุน, การรอการลงโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองมีหน้าที่ร่วมกันตามกฎหมายที่จะต้องร่วมกันจัดทำแผ่นป้ายแสดงข้อความว่ารถกำลังลากจูง และต้องจัดให้มีและเปิดโคม ไฟหรือจุดไฟแสงขาวส่องที่ป้ายดังกล่าว เพื่อให้แสงสว่างเพียงพอสำหรับผู้ใช้ถนนหรือผู้ที่ขับรถยนต์ตามหลังมามองเห็นได้ว่ามีการลากจูง จำเลยทั้งสองสามารถกระทำและใช้ความระมัดระวังดังกล่าวแต่ไม่ได้กระทำ เป็นการละเว้นการปฏิบัติตามกฎหมาย ตามคำฟ้องของโจทก์กล่าวถึงความประมาทของจำเลยทั้งสองไว้ชัดเจนแล้วว่าจำเลยทั้งสองกระทำโดยประมาทอย่างไร โจทก์หาได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัสไม่ แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องในข้อ 1(ข)ว่า หลังจากจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องข้อ 1 ก. แล้ว..."และในฟ้องข้อ 1 ก. ดังกล่าวจะมีข้อหาเกี่ยวกับการกระทำความผิดโดยประมาทอยู่ก็ตามแต่ก็มีความผิดซึ่งเป็นความผิดที่ต้องกระทำโดยเจตนาอยู่ด้วย ทั้งคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83มาด้วย ก็พอที่จะแปลความได้ว่าหมายถึงจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดในข้อหาดังกล่าวนั่นเอง หาใช่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำโดยประมาทไม่ ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ผู้สนับสนุนในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดนั้น มีได้เฉพาะการสนับสนุนผู้กระทำความผิดโดยเจตนาเท่านั้น ผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดโดยประมาทไม่อาจมีได้ตามกฎหมาย เพราะผู้สนับสนุนต้องมีเจตนาประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลในการสนับสนุนด้วย โดยสภาพจึงไม่อาจมีการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการกระทำผิดโดยประมาทได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำลำรางสาธารณะและการผ่อนผันสร้างสะพานท่อ ศาลพิจารณารอการลงโทษจำคุกโดยคำนึงถึงพฤติการณ์และโอกาสกลับตัว
จำเลยกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 360 เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าลำรางสาธารณะที่จำเลยสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กทับมีสภาพเป็นพื้นดิน กับมีหญ้าขึ้นปกคลุมเนื่องจากตื้นเขินมาก เมื่อทางราชการได้ผ่อนผันให้จำเลยปรับปรุงลำรางสาธารณะโดยเปลี่ยนจากการรื้อถอนถนนเป็นการสร้างสะพานท่อคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งจำเลยได้นำเงิน 5,200,000 บาท ไปจ่ายให้ทางราชการเป็นค่าก่อสร้างแล้ว ทั้งจำเลยศึกษาจบระดับปริญญาตรีทางวิศวกรรมศาสตร์ และมีหน้าที่การงานเป็นกิจจลักษณะรายได้เดือนละ 37,000 บาท จึงมีเหตุอันควรปรานีแก่จำเลย เพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีด้วยการรอการลงโทษจำคุกไว้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาจากรอการลงโทษเป็นไม่รอการลงโทษ ถือเป็นการเพิ่มเติมโทษ จำเลยมีสิทธิฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุก 4 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุก 2 เดือน ไม่รอการลงโทษจำคุกและไม่ปรับ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่รอการลงโทษจำคุกให้จำเลยเป็นไม่รอการลงโทษจำคุก นั้น เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย จึงไม่ต้องห้ามจำเลยฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ที่แก้ไขใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5879/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายและยิงปืนโดยใช่เหตุ: ศาลฎีกาพิจารณาการกระทำผิดและรอการลงโทษ
ข้อหาฐานยิงปืนโดยใช่ เหตุตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 ศาลชั้นต้นลงโทษปรับ 400 บาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบต้องถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย จำเลยจับและบังคับผู้เสียหายให้เดิน ไปตามร่อง สวนแล้วทำร้ายผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะและที่หน้าผาก ด้าม ปืนลูกซองของจำเลยหักโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับบาดเจ็บ หากเป็นการแย่งปืนตามธรรมดา ลักษณะคงไม่รุนแรงอย่างนั้น กรณีไม่เป็นการป้องกันตัวหรือทรัพย์สินตามกฎหมาย จำเลยทำร้ายผู้เสียหายเพราะเข้าใจว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายทั้งผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลเล็กน้อย แพทย์ลงความเห็นรักษาประมาณ 7 วัน พฤติการณ์แห่งคดีสมควรรอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5478/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสมควรรอการลงโทษในคดีขับรถประมาทถึงแก่ความตาย แม้ชดใช้ค่าเสียหายหลังศาลตัดสิน
แม้จำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นบิดาของผู้ตาย ภายหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว ก็ยังถือได้ว่าเป็นเหตุอันควรปรานี ทั้งผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาแก่จำเลย และจำเลยรับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตร จึงควรให้โอกาสจำเลยโดยลงโทษในสถานเบาและรอการลงโทษให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5478/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถ ชดใช้ค่าเสียหายและรอการลงโทษ
แม้จำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นบิดาของผู้ตาย ภายหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว ก็ยังถือได้ว่าเป็นเหตุอันควรปรานี ทั้งผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาแก่จำเลย และจำเลยรับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตร จึงควรให้โอกาสจำเลยโดยลงโทษในสถานเบาและรอการลงโทษให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5115/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบวกโทษคดีเก่าที่รอการลงโทษเข้ากับคดีใหม่ แม้ผู้ต้องหาจะเคยได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ.ล้างมลทินฯ
ผู้ที่จะได้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ พ.ศ. 2530มาตรา 4 หมายถึงผู้ที่ได้กระทำผิดก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคมพ.ศ. 2530 ซึ่งได้รับโทษและพ้นโทษไปแล้ว ดังนั้น การที่จำเลยได้กระทำผิดก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2530 แต่ศาลก็ได้รอการลงโทษไว้ จึงยังถือไม่ได้ว่า จำเลยได้รับโทษและพ้นโทษแล้ว ไม่เข้าหลักเกณฑ์อันเป็นองค์ประกอบที่จะได้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว เมื่อจำเลยได้มากระทำผิดในคดีนี้ภายในกำหนดเวลาที่ศาลให้รอการลงโทษไว้ จึงต้องนำโทษในคดีก่อนมาบวกกับโทษในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58.
of 62