พบผลลัพธ์ทั้งหมด 396 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1259/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์เพื่อประโยชน์ส่วนตัว นายอำเภอมีอำนาจสั่งให้รื้อถอน
ที่ดินที่เป็นทำเลเลี้ยงสัตว์สาธารณประโยชน์สำหรับราษฎรใช้เลี้ยงสัตว์ร่วมกันนั้น เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) และเป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอจะต้องคอยตรวจตรารักษามิให้ผู้ใดเกียดกันเอาไปเป็นประโยชน์เฉพาะตัวตาม พระราชบัญญัติปกครองท้องที่ 2457 ฉะนั้นเมื่อปรากฏว่ามีบุคคลบุกรุกเข้ามาทำนาหรือครอบครองเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย กรมการอำเภอย่อมมีอำนาจมีคำสั่งให้ผู้บุกรุกนั้นออกไปได้ ถ้าผู้นั้นฝ่าฝืนก็ย่อมมีความผิดฐานขัดคำสั่งตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 334
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แม้เจ้าของที่ดินชนะคดีรื้อถอน แต่ผู้เช่าห้องแถวได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายควบคุมค่าเช่า
เจ้าของที่ดินปลูกห้องแถวลงบนที่ดินให้คนเช่าอยู่อาศัย ต่อมาเจ้าของที่ดินโอนขายเฉพาะห้องแถวให้ผู้อื่นไป ผู้รับซื้อคงเก็บค่าเช่าห้องจากผู้อยู่ต่อไป และเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน ดังนี้แม้เจ้าของที่ดินจะฟ้องผู้รับซื้อห้องแถวให้รื้อถอนห้องแถวนั้นไปจากที่ดิน และศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดินชนะคดี ก็ตาม ผู้เช่าห้องแถวนั้นอยู่ดังกล่าว ก็ยังได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ไม่ต้องออกจากห้องเช่าไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046-1052/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าระยะสั้นและการยินยอมให้รื้อถอนที่เช่า ผู้เช่ามีหน้าที่ออกจากที่เช่าเมื่อครบกำหนด
ซื้อที่ดินและห้องแถวมาจากเจ้าของเดิม โดยมีความประสงค์จะรื้อห้องแถวปลูกเป็นโกดัง จึงได้เจรจากับผู้เช่าห้อง แถวนั้น ให้ออกไป ในที่สุดผู้เช่ายอมออกได้ทำสัญญากันมีความดังนี้ "ผู้เช่าขอเช่ามีกำหนดเวลาสามเดือนฯลฯ เพื่อ อาศัยชั่วคราว โดยผู้ให้เช่าแจ้งให้ทราบแล้วว่าจะรื้อห้องนี้ ผู้เช่าจึงขอให้ความยินยอมไว้ว่าจะย้ายไปทันทีเมื่อครบ กำหนดเวลาเช่า ผู้ให้เช่าตกลงให้ค่าย้ายสามร้อยบาทถ้วน" ดังนี้เป็นการยินยอมจากผู้เช่าแล้ว ถ้าถึงกำหนดแล้ว ขัดขืนไม่ออก ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องขับไล่ได้./
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่เช่า และให้จำเลยมารับเงินค่าขนย้าย 300 บาทจากโจทก์เช่นนี้ ศาลก็ย่อม พิพากษาให้ขับไล่และให้โจทก์+ เงินห้องละ 300 บาทให้จำเลย
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่เช่า และให้จำเลยมารับเงินค่าขนย้าย 300 บาทจากโจทก์เช่นนี้ ศาลก็ย่อม พิพากษาให้ขับไล่และให้โจทก์+ เงินห้องละ 300 บาทให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046-1052/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความยินยอมของผู้เช่าในการรื้อถอนอาคารและการผูกพันตามสัญญาเช่า
ซื้อที่ดินและห้องแถวมาจากเจ้าของเดิม โดยมีความประสงค์จะรื้อห้องแถวปลูกเป็นโกดัง จึงได้เจรจากับผู้เช่าห้องแถวนั้น ให้ออกไป ในที่สุดผู้เช่ายอมออกได้ทำสัญญากันมีความดังนี้ "ผู้เช่าขอเช่ามีกำหนดเวลาสามเดือนฯลฯเพื่ออาศัยชั่วคราว โดยผู้ให้เช่าแจ้งให้ทราบแล้วว่าจะรื้อห้องนี้ ผู้เช่าจึงขอให้ความยินยอมไว้ว่าจะย้ายไปทันทีเมื่อครบกำหนดเวลาเช่า ผู้ให้เช่าตกลงให้ค่าย้ายสามร้อยบาทถ้วน"ดังนี้เป็นการยินยอมจากผู้เช่าแล้ว ถ้าถึงกำหนดแล้วขัดขืนไม่ออก ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องขับไล่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่เช่า และให้จำเลยมารับเงินค่าขนย้าย 300 บาทจากโจทก์เช่นนี้ ศาลก็ย่อมพิพากษาให้ขับไล่และให้โจทก์วางเงินห้องละ 300 บาทให้จำเลย
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่เช่า และให้จำเลยมารับเงินค่าขนย้าย 300 บาทจากโจทก์เช่นนี้ ศาลก็ย่อมพิพากษาให้ขับไล่และให้โจทก์วางเงินห้องละ 300 บาทให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76-77/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งรื้อถอนและการฟ้องขับไล่: สภาพห้องไม่ถึงขั้นรื้อถอน ผู้ให้เช่าไม่อาจฟ้องขับไล่ได้
นายกเทศบาลมีคำสั่งอ้างอำนาจตามมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.สาธารณะสุข พ.ศ. 2484 ถึงเจ้าของห้องเช่าและผู้เช่าห้อง ให้รื้อห้องเช่าภายในกำหนดเนื่องจากห้องเช่าไม่ถูกสุขลักษณะ แล้วภายหลังได้มีคำสั่งอีกฉบับหนึ่งถึงผู้เช่าห้อง ให้ผู้เช่าห้องระงับเหตุรำคาญของห้องเช่า อันเป็นการแสดงอยู่ในตัว่าการระงับความรำคาญ ก็เป็นอันเพียงพอสำหนับห้องเช่านั้น+มีสภาพยังไม่ถึงขนาดที่จะต้องรื้อถอนตาม พ.ร.บ. สาธารณะสุข 2484 มาตรา 13 ดังนี้ ผู้ให้เช่าไม่อาจอาศัยอำนาจตามคำสั่งให้รื้อถอนของนายกเทศบาลมาฟ้องขับไล่ผู้เช่าห้องซึ่งได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหน้าที่ในการครอบครองที่ดินเวนคืนหลังจ่ายค่าทำขวัญ แม้เจ้าของที่ดินยังไม่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
โจทก์ซึ่งเป็นกระทรวงเจ้าหน้าที่ ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่ถูกเวนคืนโดยกล่าวอ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญาให้ไว้ จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันรับเงินค่าทำขวัญซึ่งได้รับไปแล้ว บัดนี้เกินกำหนดเวลา จำเลยก็เพิกเฉย จึงขอให้ศาลขับไล่ อ้างสิทธิตามมาตรา 21 ตอนท้ายและมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2477 ดังนี้ แม้จำเลยจะต่อสู้ว่า ฝ่ายโจทก์มิได้เคยใช้ที่ดินแปลงนี้ จนเวลาล่วงพ้น 5 ปีเศษแล้ว จำเลยจึงขอคืน โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม จำเลยจึงฟ้องคดียังอยู่ในระวห่างพิจารณา ก็ดีศาลก็ย่อมพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินนั้นได้ โดยไม่ต้องสืบพยานฟังข้อต่อสู้ของจำเลยแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในเขตเพลิงไหม้ต้องเป็นของกรมโยธาเทศบาลหรือผู้ได้รับมอบหมายโดยตรง อัยการไม่มีอำนาจฟ้องเอง
การร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่งปลูกสร้างในเขตเพลิงไหม้ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมโยธาเทศบาลนั้น หากกรมโยธาเทศบาลมิได้มอบให้อัยการดำเนินคดีแทน อัยการซึ่งเป็นโจทก์จำเลยหาว่ากระทำผิดทางอาญาอยู่นั้นย่อมไม่มีอำนาจร้องขอต่อศาลให้สั่งจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
การที่กรมโยธาเทศบาลมอบให้คณะกรรมการจังวหัดดำเนินคดีนั้น มิใช่เป็นการมอบให้อัยการจังหวัด และการกระทำของอัยการจังหวัดโดยลำพังนั้น จะอ้างว่าเป็นการกระทำของคณะกรรมการจังหวัดมิได้
การที่กรมโยธาเทศบาลมอบให้คณะกรรมการจังวหัดดำเนินคดีนั้น มิใช่เป็นการมอบให้อัยการจังหวัด และการกระทำของอัยการจังหวัดโดยลำพังนั้น จะอ้างว่าเป็นการกระทำของคณะกรรมการจังหวัดมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องร้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในเขตเพลิงไหม้ ต้องเป็นของกรมโยธาเทศบาล หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจโดยตรงจากกรมฯ เท่านั้น
การร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่งปลูกสร้างในเขตเพลิงไหม้ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมโยธาเทศบาลนั้นหากกรมโยธาเทศบาลมิได้มอบให้อัยการดำเนินคดีแทน อัยการซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยหาว่ากระทำผิดทางอาญาอยู่นั้นย่อมไม่มีอำนาจร้องขอ ต่อศาลให้สั่งจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
การที่กรมโยธาเทศบาลมอบให้คณะกรมการจังหวัดดำเนินคดีนั้น มิใช่เป็นการมอบให้อัยการจังหวัด และการกระทำของอัยการจังหวัดโดยลำพังนั้นจะอ้างว่าเป็นการกระทำของคณะกรมการจังหวัดมิได้
การที่กรมโยธาเทศบาลมอบให้คณะกรมการจังหวัดดำเนินคดีนั้น มิใช่เป็นการมอบให้อัยการจังหวัด และการกระทำของอัยการจังหวัดโดยลำพังนั้นจะอ้างว่าเป็นการกระทำของคณะกรมการจังหวัดมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอน ไม่ต้องจดทะเบียน สัญญาไม่เป็นโมฆะ การเช่าก่อนรื้อถอนไม่เปลี่ยนสภาพสัญญา
ซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอนไปนั้น เพียงทำสัญญากันเองไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ใช้ได้ หาเป็นโมฆะไม่
ซื้อเรือนเพื่อรื้อถอนไปแล้วให้เจ้าของเดิมเช่าอยู่เป็นเวลาจำกัดไม่ถึง 1 ปี ก่อนรื้อถอนเรือนไปนั้น ไม่ทำให้สัญญาซื้อขายกลายสภาพเป็นอย่างอื่น
ซื้อเรือนเพื่อรื้อถอนไปแล้วให้เจ้าของเดิมเช่าอยู่เป็นเวลาจำกัดไม่ถึง 1 ปี ก่อนรื้อถอนเรือนไปนั้น ไม่ทำให้สัญญาซื้อขายกลายสภาพเป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอนไม่จำต้องจดทะเบียน และการเช่าก่อนรื้อถอนไม่ทำให้สัญญาซื้อขายเปลี่ยนสภาพ
ซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอนไปนั้น เพียงทำสัญญากันเองไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ใช้ได้ หาเป็นโมฆะไม่
ซื้อเรือนเพื่อรื้อถอนไปแล้วให้เจ้าของเดิมเช่าอยู่เป็นเวลาจำกัดไม่ถึง 1 ปีก่อนรื้อถอนเรือนไปนั้น ไม่ทำให้สัญญาซื้อขายกลายสภาพเป็นอย่างอื่น
ซื้อเรือนเพื่อรื้อถอนไปแล้วให้เจ้าของเดิมเช่าอยู่เป็นเวลาจำกัดไม่ถึง 1 ปีก่อนรื้อถอนเรือนไปนั้น ไม่ทำให้สัญญาซื้อขายกลายสภาพเป็นอย่างอื่น