พบผลลัพธ์ทั้งหมด 919 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการวินิจฉัยข้อไม่รับฟ้อง, ความเป็นอิสระของการพิจารณาคดี, และดุลพินิจในการลดโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์เพียงขอลดมาตราส่วนโทษโดยมิได้อุทธรณ์ในปัญหาที่ว่าจำเลยมิได้กระทำผิดตามฟ้อง ปัญหานี้จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยก็เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา การพิพากษาคดีอาญา หาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาคดีอื่น ดังนั้นเมื่อ ว. ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดร่วมกับจำเลยถูกฟ้องในคดีอื่นและศาลพิพากษายกฟ้องเพราะไม่มีประจักษ์พยาน จึงไม่ผูกพันศาลว่าจะต้องพิพากษายกฟ้องจำเลยในคดีนี้ด้วย แม้จำเลยจะกระทำผิดขณะมีอายุ 18 ปี แต่พฤติกรรมที่จำเลยร่วมกันวางแผนกระทำความผิดและดำเนินการตามแผนที่วางไว้ส่อแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกผิดชอบเสมือนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ศาลใช้ดุลพินิจไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจากการหลอกลวงลงทุนค้าทองคำ ศาลลดโทษจากความสัมพันธ์และเงินคืนบางส่วน
จำเลยมิได้ประกอบธุรกิจค้าขายทองคำ แต่หลอกลวงโจทก์ โดยการพูดจาชักชวนให้โจทก์ร่วมลงทุนเข้าหุ้นค้าทองคำกับจำเลยโจทก์หลงเชื่อมอบเงินให้แก่จำเลยไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลจากการทำร้ายร่างกายไม่ถึงขั้นอันตรายสาหัส ศาลลดโทษจาก 297 เป็น 295
โจทก์ร่วมถูกชกบริเวณใบหน้าเป็นรอยฟกช้ำและดั้งจมูกหักแต่สามารถไปไหนมาไหน และไปทำงานได้ตามปกติ แม้แพทย์มีความเห็นว่าใช้เวลารักษาบาดแผลประมาณ 30 วัน ก็เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับการรักษาบาดแผลให้หายเป็นปกติเท่านั้นยังไม่ถึงขนาดเป็นอันตรายสาหัส.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2788/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายด้วยไม้ไผ่ทำให้บาดเจ็บ ไม่ถึงขั้นอันตรายสาหัส ศาลลดโทษและรอการลงโทษ
จำเลยใช้ไม้ไผ่ตีที่ศีรษะและลำตัวของผู้เสียหายหลายครั้งผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถลอกที่ศีรษะด้านซ้ายขนาดประมาณ2x3 เซนติเมตร และที่บริเวณหัวไหล่ข้างซ้ายบวมฟกช้ำ ไม่พบว่ามีกระดูกหัก แต่มีลักษณะของเส้นเอ็นบริเวณหัวไหล่ซ้ายขาด ทำให้กระดูก 2 ชิ้น แยกจากกัน ผู้เสียหายเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล7 วัน เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วไม่ปรากฏว่าต้องรักษาตัวต่อไปอีกหรือไม่ การที่แพทย์ผู้ตรวจลงความเห็นว่าต้องใช้เวลารักษาเกินกว่า25 วัน ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน ก็เป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้นและแม้ผู้เสียหายจะเบิกความว่า ในวันมาเบิกความยังเจ็บแขนและมึนศีรษะอยู่ก็ตาม ก็ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน อันจะเป็นอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297(8) บาดแผลของผู้เสียหายเป็นเพียงได้รับอันตรายแก่กายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ลดโทษจากฆ่าคนตาย
ผู้ตายใช้อาวุธปืนตบหน้าบุตรจำเลยเป็นบาดแผลมีโลหิตไหลที่ใบหน้าเมื่อบุตรจำเลยวิ่งหนีขึ้นบนบ้าน ผู้ตายซึ่งมีอาวุธปืนยังติดตามเข้าไปในบ้านอีก แล้วเกิดโต้เถียงกับจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยยิงผู้ตายในบ้านหลังถูกทำร้ายบุตรชาย ศาลฎีกาตัดสินลดโทษตามมาตรา 72 (บันดาลโทสะ)
ผู้ตายใช้อาวุธปืนตบหน้าบุตรจำเลยเป็นบาดแผลมีโลหิตไหลที่ใบหน้า เมื่อบุตรจำเลยวิ่งหนีขึ้นบนบ้าน ผู้ตายซึ่งมีอาวุธปืนยิงติดตามเข้าไปในบ้านอีก แล้วเกิดโต้เถียงกับจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1803/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพที่ได้จากการถูกข่มขู่ ไม่เป็นประโยชน์ในการลดโทษ
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมว่าได้ฆ่าผู้ตาย แต่ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ และนำสืบว่าคำให้การรับสารภาพดังกล่าวเนื่องจากถูกเจ้าพนักงานตำรวจข่มขู่ ซึ่งหมายความว่าจำเลยมิได้ให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจหรือตามความเป็นจริง กรณีจึงถือว่าไม่มีคำรับของจำเลยในชั้นจับกุมอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ที่จะเป็นเหตุบรรเทาโทษเพื่อยกขึ้นเป็นข้ออ้างสำหรับลดโทษให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1803/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ถูกข่มขู่ไม่อาจใช้ลดโทษได้ ศาลพิจารณาเหตุแห่งการกระทำความผิดเพื่อกำหนดโทษ
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมว่าได้ฆ่าผู้ตายแต่ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ และนำสืบว่าได้ให้การรับสารภาพเนื่องจากถูกเจ้าพนักงานตำรวจข่มขู่ ซึ่งหมายความว่าจำเลยมิได้ให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจหรือตามความเป็นจริงกรณีจึงถือว่าไม่มีคำรับของจำเลยในชั้นจับกุมอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาที่จะเป็นเหตุบรรเทาโทษเพื่อยกขึ้นเป็นข้ออ้างสำหรับลดโทษให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดพยายามฆ่าหลังวิวาทและการไม่สามารถลดโทษเนื่องจากอายุเกินเกณฑ์
จำเลยหัวเราะ เมื่อผู้เสียหายสอบถามจำเลย จำเลยก็ไม่ตอบผู้เสียหายพูดว่าจะเตะ จำเลยว่าจะเตะก็ลองดู ผู้เสียหายจึงต่อยจำเลยแล้วเกิดต่อสู้กันขึ้น แสดงว่าจำเลยและผู้เสียหายสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกันและกัน เมื่อจำเลยสู้ไม่ได้จึงกลับบ้านนำอาวุธปืนมายิงผู้เสียหายหลังเกิดเหตุแล้วประมาณ 15 นาที การที่จำเลยยิงผู้เสียหายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุเกิน 17 ปีแล้วการที่ศาลชั้นต้นลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 75 ย่อมไม่ถูกต้อง สมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยปรับบทลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามฆ่าหลังวิวาทและการลดโทษตามอายุ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการยิงหลังเหตุการณ์ผ่านไป 15 นาที ไม่ถือเป็นบันดาลโทสะ
จำเลยหัวเราะ เมื่อผู้เสียหายสอบถามจำเลย จำเลยก็ไม่ตอบผู้เสียหายพูดว่าจะเตะ จำเลยว่าจะเตะก็ลองดู ผู้เสียหายจึงต่อยจำเลยแล้วเกิดต่อสู้กันขึ้น แสดงว่าจำเลยและผู้เสียหายสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกันและกัน เมื่อจำเลยสู้ไม่ได้จึงกลับบ้านนำอาวุธปืนมายิงผู้เสียหายหลังเกิดเหตุแล้วประมาณ 15นาทีการที่จำเลยยิงผู้เสียหายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุเกิน 17 ปีแล้วการที่ศาลชั้นต้นลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา75 ย่อมไม่ถูกต้อง สมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยปรับบทลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76.
เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุเกิน 17 ปีแล้วการที่ศาลชั้นต้นลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา75 ย่อมไม่ถูกต้อง สมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยปรับบทลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76.