คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สนับสนุน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 408 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการปล้นทรัพย์: ผู้สนับสนุนต้องรับโทษสองในสามของความผิดฐานพยายามปล้น
จำเลยพาพวกปล้นมารู้จักบ้านผู้เสียหายแล้วแยกทางไปโดยไม่ได้ร่วมปล้นด้วย จำเลยมีความผิดเพียงเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
จำเลยสนับสนุนตัวการให้ปล้นทรัพย์ ตัวการได้กระทำการเพียงพยายามปล้นจำเลยจึงต้องรับโทษสองในสามของความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369-1370/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันฆ่าผู้อื่น: การกระทำโดยเจตนา และการสนับสนุนความผิดอาญา
จำเลยที่ 1 เป็นคนใช้ปืนยิงผู้ตาย จำเลยที่ 2,3 มีอาวุธ โดดจากเรือนไปพร้อมจำเลยที่ 1 แสดงว่าจำเลยที่ 2,3 รู้เห็นมีเจตนาร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่1 การที่จำเลยที่ 2,3 มีอาวุธ แสดงว่าจำเลยที่2,3 พร้อมที่จะช่วยจำเลยที่ 1 ได้ทันที เมื่อจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายแล้ว ตอนหนีกลับจำเลยทั้งสามยังหนีกลับมาทางเดียวพร้อมกันอีกจึงนับว่าจำเลยที่ 2,3ได้ร่วมกันกระทำความผิดด้วยกับจำเลยที่ 1 เป็นตัวการฆ่าผู้ตายด้วยกัน
โทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 กับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 กำหนดไว้เท่ากัน การที่จะใช้กฎหมายใหม่ขึ้นบังคับปรับบทก็ไม่เป็นคุณแก่จำเลยผู้กระทำผิดแต่อย่างใด ศาลจึงต้องใช้กฎหมายลักษณะอาญาปรับบทลงโทษจำเลย(อ้างฎีกาที่ 1630/2500,1814/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนำอาวุธปืนโดยผู้มีใบอนุญาต ไม่ถือเป็นความผิดสนับสนุน
การที่จำเลยที่ 1 รับจำนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต จึงเป็นความผิดเฉพาะตัวของจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7 โดยเฉพาะความผิดตามมาตรา 7 ผู้ฝ่าฝืนจะมีความผิดก็ต่อเมื่อมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนแล้วนำไปจำนำไว้กับจำเลยที่ 1 ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นความผิดฐานสนับสนุนตามโจทก์ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดชิงทรัพย์: พฤติการณ์แวดล้อมบ่งชี้การช่วยเหลือและสนับสนุน
การที่จำเลยยืนอยู่กับพวก พวกของจำเลยเข้าไปทักทายผู้เสียหายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วเดินคุยรวมมากับผู้เสียหาย จำเลยเดินรวมมากับพวกของจำเลยด้วย เมื่อถึงที่เกิดเหตุ พวกของจำเลยรัดคอและรูดเอานาฬิกาข้อมือผู้เสียหาย จำเลยยืนกระหนาบอยู่ข้าง ๆ ผู้เสียหาย จำเลยวิ่งหนีเข้าวัด พวกของจำเลยวิ่งตามไปนั้น เป็นพฤติการณ์แวดล้อมที่ถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดกับพวกของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113-1114/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการฆ่าผู้อื่นและความรับผิดชอบของผู้ร่วมกระทำ
จำเลยเอาผู้ตายไปกดไว้กับเสาและเอามือรัดคอผู้ตาย จนผู้ตายล้มลงแล้วผลักผู้ตายให้ตกลงไปในคู แล้วเข้าบีบคอผู้ตายอีก แล้วเอาผู้ตายไปโยนลงที่หัวคันนา และบีบคอผู้ตายจนผู้ตายคอหักถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำเพื่อจะให้ตายต่อเนื่องกัน ซึ่งก็เป็นลักษณะการกระทำที่จะให้ตายอย่างหนึ่งเท่านั้น จึงยังไม่เข้าลักษณะกระทำโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(5)
จำเลยเห็นผู้ตายกำลังถูกทำร้ายไม่ได้เข้าขัดขวางแต่อย่างใด และไล่ลูก ๆ ให้ออกไป ทั้งสั่งห้ามไม่ให้ไปบอกใครด้วย เมื่อมีหญิงอีกคนหนึ่งมายังที่เกิดเหตุ จำเลยวิ่งไปรับหน้า ห้ามมิให้เข้าไป โดยกล่าวเท็จว่า ผัวเมียตีกันไม่ใช่ธุระ เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยตั้งใจเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ตายถูกฆ่าโดยไม่ต้องถูกผู้ใดขัดขวาง จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113-1114/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการฆ่าโดยเจตนาและการกระทำโดยไม่ทารุณโหดร้าย
จำเลยเอาผู้ตายไปกดไว้กับเสาและเอามือรัดคอผู้ตายจนผู้ตายล้มลงแล้วผลักผู้ตายให้ตกลงไปในคู แล้วเข้าบีบคอผู้ตายอีก แล้วเอาผู้ตายไปโยนลงที่หัวคันนา และบีบคอผู้ตายจนผู้ตายคอหักถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำเพื่อจะให้ตายต่อเนื่องกันซึ่งก็เป็นลักษณะการกระทำที่จะให้ตายอย่างหนึ่งเท่านั้น มิได้กระทำการอันแสดงถึงความโหดร้ายทารุณเป็นพิเศษ จึงยังไม่เข้าลักษณะกระทำโดยทารุณโหดร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
จำเลยเห็นผู้ตายกำลังถูกทำร้ายไม่ได้เข้าขัดขวางแต่อย่างใด และไล่ลูกๆ ให้ออกไป ทั้งสั่งห้ามไม่ให้ไปบอกใครด้วย เมื่อมีหญิงอีกคนหนึ่งมายังที่เกิดเหตุจำเลยวิ่งไปรับหน้า ห้ามมิให้เข้าไป โดยกล่าวเท็จว่า ผัวเมียตีกันไม่ใช่ธุระ เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยตั้งใจเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ตายถูกฆ่าโดยไม่ต้องถูกผู้ใดขัดขวาง จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สนับสนุนการปลอมเหรียญกษาปณ์: ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนและมีเครื่องมือปลอมแปลง
บุคคลอื่นนำเครื่องมือปลอมเหรียญกษาปณ์ไปทำปลอมเหรียญกษาปณ์ที่บ้านจำเลย เพื่อให้จำเลยดูความสามารถนั้น จำเลยไม่ใช่ตัวการในการทำปลอม เพราะมิได้ร่วมในการทดลองทำด้วย แต่การที่จำเลยยอมให้ใช้สถานที่ ภาชนะเตาไฟของตนนั้นเป็นการให้ความสะดวกในการทำปลอมเหรียญกษาปณ์ จึงมีผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
บุคคลอื่นนำเครื่องมือไปทำเหรียญกษาปณ์ปลอมที่บ้านจำเลย แต่ไม่เหมือนของจริงจึงฝากเครื่องมือไว้ วันรุ่งขึ้นจะมาทำลองทำให้ดูใหม่อีกเช่นนี้ ได้ชื่อว่าจำเลยมีเครื่องมือไว้เพื่อใช้ในการปลอมเหรียญกษาปณ์แล้ว ส่วนเปรียญกษาปณ์ที่จำเลยรับฝากไว้นั้นไม่เหมือนของจริง บุคคลอื่นจะมาทำให้ดูอีก จึงเป็นการรับไว้มิใช่เพื่อนำออกใช้
จำเลยสนับสนุนให้บุคคลอื่นทำปลอมเหรียญกษาปณ์และมีเครื่องมืออันเกี่ยวกับการทำปลอมเหรียญกษาปณ์นั้นไว้ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246, 240, 86 นั้น ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 240, 86 กระทงเดียวตามมาตรา 248
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สนับสนุนการปลอมเหรียญกษาปณ์: ผู้ให้ความสะดวกสถานที่และเครื่องมือ มีความผิดฐานผู้สนับสนุน
บุคคลอื่นนำเครื่องมือปลอมเหรียญกษาปณ์ไปทำปลอมเหรียญกษาปณ์ที่บ้านจำเลยเพื่อให้จำเลยดูความสามารถนั้น จำเลยไม่ใช่ตัวการในการทำปลอม เพราะมิได้ร่วมในการทดลองทำด้วย แต่การที่จำเลยยอมให้ใช้สถานที่ ภาชนะเตาไฟของตนนั้นเป็นการให้ความสะดวกในการทำปลอมเหรียญกษาปณ์ จึงมีผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
บุคคลอื่นนำเครื่องมือไปทำเหรียญกษาปณ์ปลอมที่บ้านจำเลยมาทดลองทำให้ดูใหม่อีกเช่นนี้ ได้ชื่อว่าจำเลยมีเครื่องมือไว้เพื่อใช้ในการปลอมเหรียญกษาปณ์แล้ว ส่วนเหรียญกษาปณ์ที่จำเลยรับฝากไว้นั้นไม่เหมือนของจริงบุคคลอื่นจะมาทำให้ดูอีก จึงเป็นการรับไว้มิใช่เพื่อนำออกใช้
จำเลยสนับสนุนให้บุคคลอื่นทำปลอมเหรียญกษาปณ์และมีเครื่องมืออันเกี่ยวกับการทำปลอมเหรียญกษาปณ์นั้นไว้ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246,240,86นั้นให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 240,86 กระทงเดียวตามมาตรา 248 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานกรรโชกข่มขืนใจเอาทรัพย์สินและการสนับสนุนความผิด
ป.กับส. ไปหลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าพนักงาน ขอค้นบ้าน และค้นได้แป้งเชื้อสุรา แล้วคุมตัวผู้เสียหายไปมอบให้ ด. ที่บ้านของ ป. ด.หลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิต บอกให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับ ถ้าไม่เอาเงินมาเสียจะจับส่งอำเภอ แล้วผู้เสียหายถูกคุมไปหายืมเงิน พบข. ซึ่งเป็นกำนัน ได้เล่าเรื่องให้ฟัง ข. พูดส่งเสริมให้ผู้เสียหายเสียเงินให้ที่นั่น ผู้เสียหายเอาเงินให้ ช. รับเงินเอาไว้แล้วบอกให้ผู้เสียหายกลับได้ วันนั้นเอง ช. ไปร่วมรับประทานอาหารและแบ่งเงินให้ ป. ส. และ ด. การกระทำของ ป. ส. และด. เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145, 310 และ 337 ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ด้วย และการกระทำของ ช. ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 341 เช่นเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานฉ้อโกง ด. กับ ช. จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกงด้วย ก็เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะพิพากษายกฟ้องความผิดฐานนี้ตลอดถึงจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพและฉ้อโกง กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปจากผู้เสียหายด้วย เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำขอให้คืนหรือใช้เงินนี้เสียด้วย (แม้โจทก์จะฎีกาฝ่ายเดียว ขอให้ลงโทษฐานฉ้อโกง จำเลยไม่ได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนใจเรียกทรัพย์และการสนับสนุนการกระทำผิด ไม่เข้าข่ายฉ้อโกง
ป.กับส. ไปหลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าพนักงาน ขอค้นบ้าน และค้นได้แป้งเชื้อสุรา แล้วคุมตัวผู้เสียหายไปมอบให้ ด. ที่บ้านของ ป. ด.หลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิต บอกให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับ ถ้าไม่เอาเงินมาเสียจะจับส่งอำเภอ แล้วผู้เสียหายถูกคุมไปหายืมเงิน พบข. ซึ่งเป็นกำนัน ได้เล่าเรื่องให้ฟัง ข. พูดส่งเสริมให้ผู้เสียหายเสียเงินให้ที่นั่น ผู้เสียหายเอาเงินให้ ช. รับเงินเอาไว้แล้วบอกให้ผู้เสียหายกลับได้ วันนั้นเอง ช. ไปร่วมรับประทานอาหารและแบ่งเงินให้ ป. ส. และ ด. การกระทำของ ป. ส. และด. เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145, 310 และ 337 ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ด้วย และการกระทำของ ช. ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 341 เช่นเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานฉ้อโกง ด. กับ ช. จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกงด้วย ก็เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะพิพากษายกฟ้องความผิดฐานนี้ตลอดถึงจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพและฉ้อโกง กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปจากผู้เสียหายด้วย เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำขอให้คืนหรือใช้เงินนี้เสียด้วย (แม้โจทก์จะฎีกาฝ่ายเดียว ขอให้ลงโทษฐานฉ้อโกง จำเลยไม่ได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้)
of 41