พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,327 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การวางแผนหลบหนีหลังก่อเหตุเป็นหลักฐานสำคัญ
จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า แล้วขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่มีผู้ขับรออยู่ขับหลบหนีไป เป็นการวางแผนและเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์วางแผนหลบหนีหลังก่อเหตุเป็นหลักฐานสำคัญ
จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า แล้วขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่มีผู้ขับรออยู่ขับหลบหนีไป แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนและเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีแพ่ง: โจทก์ไม่จำเป็นต้องระบุเหตุที่ฟ้องคดีเกิน 1 ปี หากมีหลักฐานแสดงว่าฟ้องภายในกำหนด
เรื่องอายุความนั้นหาใช่สภาพแห่งข้อหาไม่ เมื่อฟ้องของโจทก์ได้ระบุมาโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับแล้ว แม้โจทก์ไม่ได้กล่าวมาในฟ้องว่าคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใดก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนในทางสาธารณะ การขาดหลักฐานการครอบครองและอนุญาตเป็นเหตุให้ฟังว่าไม่มีความผิด
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหามีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพา อาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางนำสืบโจทก์ไม่มี อาวุธปืนที่ฟ้องเป็นของกลางแสดงต่อศาลว่าเป็นอาวุธปืนที่จำเลย ไม่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ในครอบครอง ทั้งไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และพาอาวุธปืน ติดตัว ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า อาวุธปืนดังกล่าวจำเลยมีไว้ใน ครอบครองและพาติดตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องร้องคดีอาญาของผู้ครอบครองทรัพย์สิน & การใช้หลักฐานนอกสำนวน
ในขณะเกิดเหตุแม้โจทก์ร่วมจะมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์แต่โจทก์ร่วมเป็นผู้ครอบครองทรัพย์ที่ถูกจำเลยลักไป เมื่อถูกจำเลยแย่งการครอบครองโจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 3(1)(2) เมื่อไม่มีกฎหมายบังคับว่าเอกสารที่จะอ้างหรือนำสืบในคดีอาญาจะต้องเป็นเอกสารที่ได้มีการสอบสวนและอยู่ในสำนวนการสอบสวนเท่านั้นศาลย่อมรับฟังบันทึกคำรับสารภาพ แผนที่บ้านจำเลยและภาพถ่ายประกอบพยานหลักฐานอื่นเพื่อลงโทษจำเลยได้ แม้ว่าเอกสารดังกล่าวจะมิใช่เอกสารที่อยู่ในสำนวนการสอบสวนก็ตาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาทางกฎหมาย: การใช้ที่อยู่ในการจดทะเบียนบริษัทและการปฏิเสธหนี้เป็นหลักฐานแสดงเจตนา
แม้ผู้ร้องจะมีชื่อในทะเบียนบ้านเลขที่ 507/292 ก็ตาม แต่เมื่อผู้ร้องยังใช้บ้านเลขที่ 766/26 ซึ่งผู้ร้องเคยอยู่มาแล้วเดิมในการขอจดทะเบียนบริษัทลูกหนี้ก็ดี และใช้บ้านเลขที่ดังกล่าวปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ดี กรณีถือได้ว่าผู้ร้องเจตนาประสงค์ใช้บ้านเลขที่ 766/26 เป็นภูมิลำเนาของผู้ร้องแต่เฉพาะการในการจัดตั้งบริษัทลูกหนี้ และในการปฏิเสธหนี้ของบริษัทลูกหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 49 เดิม ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งหมายนัดสอบสวน หนังสือยืนยันหนี้ตลอดจนคำบังคับไปยังผู้ร้องที่บ้านเลขที่ 766/26 จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ & กฎหมายใหม่ยกเลิกกฎหมายเก่า ทำให้จำเลยพ้นผิด
ขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ปรากฏว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 3 ได้ยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 เสียทั้งสิ้น และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติองค์ประกอบความผิดว่า ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยมีลักษณะหรือมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ฯลฯ ดังนั้นการออกเช็คที่จะมีมูลความผิดตามกฎหมายใหม่ดังกล่าวจะต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย จำเลยทั้งสองออกเช็คทั้งสี่ฉบับเพื่อชำระหนี้เงินยืมที่มีอยู่จริงแต่การยืมเงินของจำเลยทั้งสองตามเช็คแต่ละฉบับซึ่งมีจำนวนตั้งแต่หนึ่งล้านบาทขึ้นไปไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ยืมหนี้เงินยืมระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองจึงต้องห้ามมิให้ฟ้องร้องขอให้บังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่งการกระทำของจำเลยทั้งสองซึ่งเดิมเป็นความผิดจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ต่อไป จำเลยทั้งสองย่อมพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อชำระหนี้ที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ การเปลี่ยนแปลงกฎหมาย และผลต่อความผิดฐานออกเช็ค
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91 แต่ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกามีพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 3 ยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่า "ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยมีลักษณะหรือมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ฯลฯ" ดังนั้น การออกเช็คที่จะมีมูลความผิดตามมาตรา 4แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 จะต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย การที่จำเลยทั้งสองออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้เงินยืมที่มีอยู่จริง แต่ไม่ปรากฏว่าการยืมเงินของจำเลยทั้งสองตามเช็คพิพาทแต่ละฉบับซึ่งมีจำนวนตั้งแต่หนึ่งล้านบาทขึ้นไปมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ยืม หนี้เงินยืมระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองจึงต้องห้ามมิให้ฟ้องร้องขอให้บังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่งการกระทำของจำเลยทั้งสองซึ่งเดิมเป็นความผิดจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ต่อไป จำเลยทั้งสองย่อมพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินและผลของการยอมรับหนี้ แม้สัญญาไม่มีการปิดอากรแสตมป์
จำเลยให้การยอมรับว่าได้ทำสัญญากู้ตามสำเนาสัญญากู้ยืมเงินท้ายฟ้องกับผู้ตายซึ่งเป็นสามีโจทก์ โจทก์จึงไม่มีภาระต้องพิสูจน์และส่งอ้างเอกสารสัญญากู้เป็นพยาน ฉะนั้นแม้สัญญากู้ซึ่งโจทก์อ้างจะไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับของจำเลยทำให้สัญญากู้ที่ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานได้ หากจำเลยพิสูจน์การไม่ได้รับเงินกู้ไม่ได้
เมื่อจำเลยให้การรับว่าสัญญากู้ท้ายฟ้องเป็นเอกสารที่จำเลยทำให้กับผู้ตายซึ่งเป็นสามีโจทก์ไว้ โจทก์จึงไม่มีภาระจะต้องพิสูจน์และส่งอ้างเอกสารสัญญากู้นั้นเป็นพยานหลักฐาน แม้สัญญากู้ที่โจทก์อ้างนั้นจะมิได้ปิดอากรแสตมป์ ก็รับฟังได้ตามคำรับของจำเลยว่ามีการกู้กันจริง จึงไม่มีกรณีต้องห้ามตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118 ที่ห้ามมิให้รับฟังตราสารที่ไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง จำเลยอ้างว่าการกู้เงินยังไม่บริบูรณ์เพราะจำเลยยังมิได้รับเงินกู้ก็ต้องมีภาระการพิสูจน์ เมื่อจำเลยไม่อาจพิสูจน์ให้ศาลเชื่อฟังได้ตามข้ออ้าง ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงได้ว่าจำเลยได้รับเงินตามสัญญากู้ไปแล้วไม่ใช้