พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,022 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1955/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทจากการใช้อาวุธปืน: การกระทำโดยประมาทเลินเล่อทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้ไม่มีเจตนา
จำเลยกับพวกเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอาการมึนเมาสุรา จำเลยเอาอาวุธปืนเล็กกลจ่อใต้ใบหูขวาของผู้ตายเพื่อจะขู่ผู้ตายไม่ให้หลบหนีผู้ตายพยายามวิ่งไปหา ต.บิดาจำเลยฉุดข้อมือผู้ตายไว้ขณะนั้น นิ้วของจำเลยอยู่ที่ไกปืนการฉุดกันทำให้จำเลยเสียหลักนิ้วมือถูกไกปืน เป็นเหตุให้อาวุธปืนลั่นโดยจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะของจำเลยจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยประมาทอันเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่ข้อแตกต่างไม่ใช่ข้อสาระสำคัญและทั้งจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสอง และวรรคสาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1592/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทเลินเล่อใช้อาวุธปืน ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ศาลลดโทษจากพยายามฆ่าเป็นประมาท
จำเลยไม่มีเจตนายิงปืนเพื่อฆ่าผู้เสียหาย แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนจี้ศีรษะผู้เสียหายไว้ในขณะที่อาวุธปืนขึ้นนกโดยมีกระสุนบรรจุในรังเพลิงและได้ทำอาวุธปืนลั่น ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งจำเลยจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ จึงเป็นการกระทำโดยประมาท บาดแผลกระสุนปืนถูกหางคิ้วซ้าย ผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังขาดหายไปเลือดออกใต้เยื่อบุตาขาวข้างซ้ายอย่างมากแก้วตาซ้ายขุ่นมัวมาก ใช้เวลารักษาประมาณ 30 วัน ผู้เสียหายรักษาตัวที่โรงพยาบาล7 วัน แล้วกลับไปอยู่บ้านแต่ก็ต้องไปตรวจเป็นระยะ ๆ และตาซ้ายยังมองเห็นพร่า ๆ อยู่ ถือได้ว่าเป็นอันตรายถึงสาหัส โจทก์ฟ้องว่าจำเลยพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,288 แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากคำพูดและกิริยา การพยายามฆ่า แม้ไม่ถูกยิง
จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงผู้เสียหาย 1 นัด ก่อนกระทำความผิดจำเลยตะโกนด่า ผู้เสียหายว่า "เย็ดแม่ยิงให้ตายโหง " แสดงว่าจำเลยจะใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงผู้เสียหายให้ตายจำเลยหันปากกระบอกปืนไปทางหลัง ผู้เสียหายที่กำลังวิ่งหนีเล็งไปในส่วนอวัยวะสำคัญ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ผลที่จำเลยยิงผู้เสียหายแม้จะไม่ถูกผู้เสียหาย ไม่มีร่องรอยกระสุนปืนตามที่เจ้าพนักงานตำรวจเบิกความประกอบบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุก็ตาม จำเลยยิงปืนในขณะเมาสุรา อาวุธปืนอาจสะบัดปากกระบอกปืนเบี่ยงสูงขึ้นก็เป็นได้ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชดใช้ค่าเสียหายในคดีอาญา, การรับสารภาพ, และการแก้ไขโทษบทอาวุธปืน
พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จำเลยเอาเงินของผู้ตายไปจำนวน 9,100 บาท แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์ ก็เป็นการรับสารภาพในคดีส่วนอาญาเท่านั้น หาใช่มีผลเป็นการยอมรับว่าจำเลยได้เอาเงินจำนวน9,100 บาท ของผู้ตายไปอันเป็นข้อเท็จจริงในคดีส่วนแพ่งด้วยไม่ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 47 จำเลยจะต้องรับผิดในคดีส่วนแพ่งมากน้อยเพียงใดนั้น ต้องพิจารณาตามกฎหมายในทางแพ่งและตามความเสียหายที่จำเลยเป็นผู้ก่อขึ้นจริง เมื่อปรากฏตามบันทึกคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวน และบันทึกการชี้ ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพได้ความว่าจำเลยกับพวกค้นเอาเงินจำนวน 200 บาท ของผู้ตายจากกระจาด เก็บเงินไป เช่นนี้ จำเลยจึงต้องคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหาย ความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 72 วรรคสอง มีโทษจำคุกไม่เกินสิบปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับถือว่าเป็นบทที่มีโทษหนักกว่ามาตรา 72 วรรคสาม ที่มีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางแพ่งจากการชิงทรัพย์, การลดโทษ, และความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ ขอให้ลงโทษจำเลยกับให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหาย เฉพาะคดีส่วนแพ่งในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานี้ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ตามฟ้องโจทก์ ก็เป็นการรับสารภาพในคดีส่วนอาญาเท่านั้น หาได้มีผลเป็นการยอมรับว่าจำเลยได้เอาเงินจำนวน 9,100 บาท ของผู้ตายอันเป็นข้อเท็จจริงในคดีส่วนแพ่งด้วยไม่จำเลยจะต้องรับผิดในคดีส่วนแพ่งมากน้อยเพียงใดนั้นก็ต้องพิจารณาตามกฎหมายในทางแพ่งและความเสียหายที่จำเลยก่อขึ้นจริง เมื่อปรากฏตามบันทึกคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนและบันทึกการชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพว่าจำเลยกับพวกค้นเอาเงิน 200 บาท ของผู้ตายจากกระจาด เก็บเงินไปเช่นนี้ จำเลยจึงต้องคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหาย โทษจำคุก 6 เดือน เมื่อลดโทษหนึ่งในสามแล้ว คงเหลือโทษจำคุก4 เดือน มิใช่ 3 เดือน และเมื่อจำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 7,72 วรรคสอง และวรรคสาม เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท โทษตามมาตรา 72 วรรคสอง มีโทษจำคุกไม่เกินสิบปีและปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ถือว่าเป็นบทที่มีมาตรา 72 วรรคสาม ที่มีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท การลงโทษปรับตามมาตรา72 วรรคสาม ที่มีโทษเบากว่าจึงเป็นการไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6033/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและความผิดฐานพาอาวุธในที่สาธารณะ ศาลพิจารณาจากหลักฐานการอนุญาตและเหตุผลในการพาอาวุธ
จำเลยพาอาวุธปืนสั้นติดตัวมาในบริเวณหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่โจทก์ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลาง และไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวนั้นเป็นอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ จึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวไปนั้น เป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมาย
แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 8 ทวิ วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคสอง ไม่ได้ก็ตาม แต่ศาลก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพาอาวุธไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้.
แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 8 ทวิ วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคสอง ไม่ได้ก็ตาม แต่ศาลก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพาอาวุธไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6033/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ศาลพิจารณาโทษและแก้ไขคำพิพากษา
จำเลยพาอาวุธปืนสั้นติดตัวมาในบริเวณหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่โจทก์ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลาง และไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวนั้นเป็นอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ จึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวไปนั้น เป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมาย แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 8 ทวิ วรรคแรก,72 ทวิ วรรคสอง ไม่ได้ก็ตาม แต่ศาลก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพาอาวุธไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5968/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดหลายกรรมต่างกันจากอาวุธปืน และอำนาจศาลในการสั่งริบของกลาง
การที่จำเลยมีอาวุธปืนติดตัวและการที่จำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวจี้ขู่เข็ญ ป. จนทำให้ตก ใจกลัว เป็นการกระทำที่มีเจตนาแยกจากกันได้ เป็นความผิดต่างกรรม ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(9) คำพิพากษาต้องมีคำวินิจฉัยเรื่องของกลางด้วย เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จับจำเลยได้พร้อมอาวุธปืนของกลางที่ใช้กระทำผิด และท้ายฟ้องมีคำขอให้ศาลริบอาวุธปืนของกลางด้วย ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นไม่วินิจฉัยเรื่องอาวุธปืนของกลางและไม่สั่งริบอาวุธปืนอันเป็นทรัพย์สินที่มีไว้เป็นความผิด จึงเป็นการไม่ชอบ แม้ไม่มีคู่ความอุทธรณ์ปัญหานี้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ เสียให้ถูกต้องได้.
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(9) คำพิพากษาต้องมีคำวินิจฉัยเรื่องของกลางด้วย เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จับจำเลยได้พร้อมอาวุธปืนของกลางที่ใช้กระทำผิด และท้ายฟ้องมีคำขอให้ศาลริบอาวุธปืนของกลางด้วย ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นไม่วินิจฉัยเรื่องอาวุธปืนของกลางและไม่สั่งริบอาวุธปืนอันเป็นทรัพย์สินที่มีไว้เป็นความผิด จึงเป็นการไม่ชอบ แม้ไม่มีคู่ความอุทธรณ์ปัญหานี้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ เสียให้ถูกต้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5638/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อาวุธปืนป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่า
การที่โจทก์ร่วมซึ่งไม่มีอาวุธติดตัวได้เข้าไปในบริเวณบ้านของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยไม่มีเหตุสมควร ถือว่าเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย เมื่อจำเลยมาพบเข้า โจทก์ร่วมก็วิ่งหนีออกมาเหตุละเมิดจึงหมดไป การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมด้านหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงโจทก์ร่วม จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่าหากกระสุนปืนถูกโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมย่อมได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อการกระทำนั้นไม่บรรลุผล จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80
จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงโจทก์ร่วม จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่าหากกระสุนปืนถูกโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมย่อมได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อการกระทำนั้นไม่บรรลุผล จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5638/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อาวุธปืนป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการประเมินเจตนาการกระทำความผิด
การที่โจทก์ร่วมซึ่งไม่มีอาวุธติดตัวได้เข้าไปในบริเวณบ้านของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยไม่มีเหตุสมควร ถือว่าเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย เมื่อจำเลยมาพบเข้า โจทก์ร่วมก็วิ่งหนีออกมาเหตุละเมิดจึงหมดไป การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมด้านหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงโจทก์ร่วม จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่าหากกระสุนปืนถูกโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมย่อมได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อการกระทำนั้นไม่บรรลุผลจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80.