พบผลลัพธ์ทั้งหมด 461 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 130/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จต่อศาล ไม่จำเป็นต้องสาบานตนก่อน หากความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 มิได้วางเกณฑ์องค์ประกอบความผิดไว้ว่า พยานที่เบิกความเท็จนั้นจะต้องได้สาบานหรือปฏิญาณตัวแล้วด้วยจึงจะมีความผิดดังเช่นในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 155ความมุ่งหมายอันเป็นสารสำคัญของมาตรา 177 อยู่ที่จะเอาผิดกับผู้เบิกความในข้อสำคัญแห่งคดีด้วยความเท็จเป็นสำคัญเพราะการเบิกความเท็จต่อศาลย่อมมีส่วนทำให้เสื่อมเสียความยุติธรรมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จต่อศาลและการแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ไม่ถือว่ากระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2500 ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2500 ถือว่าเป็นการแตกต่างในข้อสารสำคัญเท่ากับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง ต้องยกฟ้อง จำเลยจะหลงข้อต่อสู้หรือไม่ ไม่สำคัญ
จำเลยเบิกความเท็จ และนำสืบแสดงหลักฐานเท็จต่อศาลในคดีแพ่ง ว่าก่อนตายผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ โดยจำเลยรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์และจำเลย ศาลหลงเชื่อจึงสั่งให้ตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แล้วจำเลยได้นำสำเนาคำสั่งศาลนั้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ๆ ก็บันทึกข้อความคำสั่งศาลไว้ว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรม และโอนโฉนดใส่ชื่อจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดก ดังนี้ จะถือว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 ไม่ได้
จำเลยเบิกความเท็จ และนำสืบแสดงหลักฐานเท็จต่อศาลในคดีแพ่ง ว่าก่อนตายผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ โดยจำเลยรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์และจำเลย ศาลหลงเชื่อจึงสั่งให้ตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แล้วจำเลยได้นำสำเนาคำสั่งศาลนั้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ๆ ก็บันทึกข้อความคำสั่งศาลไว้ว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรม และโอนโฉนดใส่ชื่อจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดก ดังนี้ จะถือว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จต่อศาลและการแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ไม่ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2500ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 23 กุมภาพันธ์2500 ถือว่าเป็นการแตกต่างในข้อสารสำคัญ เท่ากับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง ต้องยกฟ้อง.จำเลยจะหลงข้อต่อสู้หรือไม่ ไม่สำคัญ
จำเลยเบิกความเท็จ และนำสืบแสดงหลักฐานเท็จต่อศาลในคดีแพ่ง ว่าก่อนตายผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ โดยจำเลยรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์และจำเลย ศาลหลงเชื่อจึงสั่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แล้วจำเลยได้นำสำเนาคำสั่งศาลนั้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินก็บันทึกข้อความคำสั่งศาลไว้ว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรมและโอนโฉนดใส่ชื่อจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกดังนี้จะถือว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 ไม่ได้
จำเลยเบิกความเท็จ และนำสืบแสดงหลักฐานเท็จต่อศาลในคดีแพ่ง ว่าก่อนตายผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ โดยจำเลยรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์และจำเลย ศาลหลงเชื่อจึงสั่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แล้วจำเลยได้นำสำเนาคำสั่งศาลนั้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินก็บันทึกข้อความคำสั่งศาลไว้ว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรมและโอนโฉนดใส่ชื่อจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกดังนี้จะถือว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต่อศาลเกี่ยวกับหมายเรียก ส่งผลให้ชนะคดี ถือเป็นความเท็จที่สำคัญ
จำเลยได้ทราบหมายเรียกและสำเนาฟ้องของโจทก์แล้ว มาเบิกความอันเป็นเท็จว่าไม่ทราบเป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อและอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้ และเป็นผลให้จำเลยชนะคดีโจทก์ในที่สุดนั้น ความเท็จที่จำเลยเบิกความถือว่าเป็นข้อสำคัญในคดี จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต่อศาลเพื่อต่อสู้คดีแพ่ง ทำให้คู่ความชนะคดี เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ
จำเลยได้ทราบหมายเรียกและสำเนาฟ้องของโจทก์แล้ว มาเบิกความอันเป็นเท็จว่าไม่ทราบ เป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อและอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้ และเป็นผลให้จำเลยชนะคดีโจทก์ในที่สุดนั้น ความเท็จที่จำเลยเบิกความถือว่าเป็นข้อสำคัญในคดี จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำความผิดเบิกความเท็จ: ศาลยกฟ้องเมื่อคดีเดิมถึงที่สุดแล้ว
ในคดีก่อน (อาญาแดงที่ 100/2503) โจทก์ฟ้องจำเลยว่า เบิกความในคดีแพ่งแดงที่ 953/2502 เป็นเท็จว่า "โจทก์จำนองที่ดินไว้กับจำเลย โจทก์ไม่เคยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้จำเลยเลย" ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าจำเลยเบิกความในคดีก่อน (อาญาแดงที่ 100/2503) ว่า "จำเลยไม่เคยเซ็นชื่อรับดอกเบี้ยจากโจทก์ และแสตมป์ในสัญญาจำเลยไม่ได้เป็นผู้ฆ่า" เป็นเท็จอีก ดังนี้เห็นได้ชัดว่า โจทก์นำคดีอาญาซึ่งศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วในความผิดที่โจทก์หาว่าจำเลยเบิกความเท็จมาฟ้องอีก จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำความผิดเบิกความเท็จ: คดีถึงที่สุดแล้วห้ามฟ้องอีก
ในคดีก่อน (อาญาแดงที่ 100/2503) โจทก์ฟ้องจำเลยว่าเบิกความในคดีแพ่งแดงที่ 953/2502 เป็นเท็จว่า 'โจทก์จำนองที่ดินไว้กับจำเลย โจทก์ไม่เคยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้จำเลยเลย' ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าจำเลยเบิกความในคดีก่อน (อาญาแดงที่ 100/2503) ว่า'จำเลยไม่เคยเซ็นชื่อรับดอกเบี้ยจากโจทก์ และแสตมป์ในสัญญาจำเลยไม่ได้เป็นผู้ฆ่า' เป็นเท็จอีก ดังนี้ เห็นได้ชัดว่าโจทก์นำคดีอาญาซึ่งศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วในความผิดที่โจทก์หาว่าจำเลยเบิกความเท็จมาฟ้องอีก จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานจ้างวานเบิกความเท็จ: การพิจารณาความเคลือบคลุมของฟ้อง และความสำคัญของพยานหลักฐาน
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยสมคบกันใช้บังคับขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม ให้พยานเบิกความเท็จนั้น ไม่เป็นฟ้องที่ขัดกัน ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ และไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ในเมื่อเป็นการบรรยายรายละเอียดการกระทำทั้งหลายที่จำเลยได้กระทำรวมกันไป
พยานเบิกความว่า จำหน้าคนร้ายไม่ได้ และศาลได้พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุนี้ ข้อความที่พยานเบิกความนั้น จึงเป็นข้อสำคัญในคดี
ในการจ้างวานและยุยงให้พยานเบิกความเท็จต่อศาลนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยพูดกับพยานว่าเรื่องนี้ไม่ต้องกลัว เพราะได้ให้พนักงานอัยการ 500 บาท แล้ว เมื่อโจทก์นำสืบกลับสืบว่า ได้ให้ 800 บาท เช่นนี้ เป็นเรื่องพยานโจทก์เบิกความไม่ตรงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
พยานเบิกความว่า จำหน้าคนร้ายไม่ได้ และศาลได้พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุนี้ ข้อความที่พยานเบิกความนั้น จึงเป็นข้อสำคัญในคดี
ในการจ้างวานและยุยงให้พยานเบิกความเท็จต่อศาลนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยพูดกับพยานว่าเรื่องนี้ไม่ต้องกลัว เพราะได้ให้พนักงานอัยการ 500 บาท แล้ว เมื่อโจทก์นำสืบกลับสืบว่า ได้ให้ 800 บาท เช่นนี้ เป็นเรื่องพยานโจทก์เบิกความไม่ตรงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเท็จในการเบิกความพยาน ไม่เป็นเหตุสำคัญ หากศาลไม่เชื่อพยานโจทก์ในประเด็นหลัก
ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทและครอบครองปรปักษ์มาเกิน 10 ปี ขอให้แสดงกรรมสิทธิ์และห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง จำเลยในคดีนั้นต่อสู้คดี โจทก์นำนางหลินเข้าเบิกความเป็นพยาน นางหลินเบิกความว่า พ่อตาโจทก์ตายเมื่อ 4 ปีมานี้ ซึ่งความจริงพ่อตาโจทก์ตายมากกว่า 10 ปีแล้ว ข้อความที่พยานเบิกความเช่นว่านั้นแม้เป็นเท็จ ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อสำคัญในคดี เพราะในคดีก่อน ศาลฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์มิได้ซื้อที่พิพาทและครอบครองปรปักษ์มาจริงตามฟ้อง นางหลินยังไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จไม่เป็นสาระสำคัญ หากศาลไม่เชื่อพยานหลักฐานอื่นที่โจทก์นำสืบ
ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทและครอบครองปรปักษ์มาเกิน 10 ปี ขอให้แสดงกรรมสิทธิ์และห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง จำเลยในคดีนั้นต่อสู้คดี โจทก์นำนางหลินเข้าเบิกความเป็นพยานนางหลินเบิกความว่าพ่อตาโจทก์ตามเมื่อ 4 ปีมานี้ ซึ่งความจริงพ่อตาโจทก์ตายมากว่า10 ปีแล้วข้อความที่พยานเบิกความเช่นว่านั้นแม้เป็นเท็จก็ไม่ถือว่าเป็นข้อสำคัญในคดี เพราะในคดีก่อน ศาลฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์มิได้ซื้อที่พิพาทและครอบครองปรปักษ์มาจริงตามฟ้อง นางหลินยังไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177