คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โอนสิทธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 486 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2509/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์เครื่องยนต์เช่าซื้อ: การโอนสิทธิโดยผู้ไม่มีกรรมสิทธิ์ และผลกระทบต่อผู้รับซื้อฝาก
โจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดเครื่องเรือยนต์ซึ่งประกอบติดตั้งไว้สำหรับเรือยนต์ประมงอวนลากซึ่งมีระวางเกินกว่า 5 ตันผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์เครื่องเรือยนต์ดังกล่าว ในฐานะเป็นผู้รับซื้อฝากเรือยนต์ไว้จากภริยาจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ได้ให้จำเลยเช่าซื้อเครื่องยนต์ดังกล่าวและยังมิได้ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วน กรรมสิทธิ์จึงยังไม่โอนไปยังจำเลยและกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1332 ผู้ร้องจึงย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในเครื่องเรือยนต์ซึ่งตนจะมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2509/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์เครื่องยนต์เช่าซื้อ - การโอนสิทธิโดยผู้ไม่มีกรรมสิทธิ์ - สิทธิของผู้รับซื้อฝาก
โจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดเครื่องเรือยนต์ซึ่งประกอบติดตั้งไว้สำหรับเรือยนต์ประมงอวนลากซึ่งมีระวางเกินกว่า 5 ตัน ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์เครื่องเรือยนต์ดังกล่าวในฐานะเป็นผู้รับซื้อฝากเรือยนต์ไว้จากภริยาจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ได้ให้จำเลยเช่าซื้อเครื่องยนต์ดังกล่าวและยังมิได้ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วน กรรมสิทธิ์จึงยังไม่โอนไปยังจำเลยและกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1332 ผู้ร้องจึงย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในเครื่องเรือยนต์ซึ่ง ตนจะมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1977/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายสิทธิเช่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน สมบูรณ์เมื่อมีเจตนาโอนสิทธิ ผู้ให้เช่ายินยอม และจำเลยผิดสัญญา
สัญญาขายสิทธิการเช่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน ไม่ใช่สัญญาที่กำหนดเอาหน้าที่ให้จำเลยทำแต่ฝ่ายเดียว และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย เพราะเป็นสัญญาก่อให้เกิดหนี้ทำให้โจทก์จำเลยทั้งสองฝ่ายต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ซึ่งกันและกันจำเลยเป็นเจ้าหนี้ในการที่จะเรียกร้องเอาราคาค่าโอนสิทธิในการเช่าให้แก่โจทก์ ในเวลาเดียวกันก็เป็นลูกหนี้ในการที่จะต้องแสดงเจตนาต่อผู้ให้เช่าโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยในการที่จะเรียกร้องให้จำเลยดำเนินการโอนสิทธิการเช่าและส่งมอบห้องเช่าให้แก่โจทก์ และเป็นลูกหนี้ที่จะต้องชำระราคาค่ารับโอนสิทธิการเช่าให้แก่จำเลย และข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย จึงเป็นสัญญาที่สมบูรณ์ตามกฎหมายเมื่อจำเลยไม่ดำเนินการโอนสิทธิการเช่าให้แก่โจทก์ จึงถือได้ว่าจำเลยผิดสัญญา
เหตุสุดวิสัยนั้นจะต้องเป็นเหตุที่ไม่มีใครอาจจะป้องกันได้ การที่จำเลยไม่อาจโอนสิทธิการเช่าโดยจำเลยยังไม่มีสิทธิการเช่าห้องโดยสมบูรณ์ เพราะจำเลยยังค้างชำระเงินบำรุงสำหรับสิทธิในการเช่าห้องพิพาทอยู่ และจำเลยยังไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าให้โอนสิทธิการเช่าห้องพิพาทให้โจทก์ ไม่เป็นเหตุสุดวิสัย
สัญญาระบุว่า จำเลยจะต้องส่งมอบห้องที่จำเลยขายสิทธิการเช่าให้โจทก์ภายในวันที่ 5 สิงหาคม 2509 แม้ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2509 จำเลยจะนัดให้โจทก์ไปรับโอนสิทธิการเช่าแล้วจำเลยไม่ไป ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการผิดนัด ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่โจทก์ก่อให้เกิดขึ้นก่อนเวลาที่จำเลยผิดนัดได้
การค้าย่อมมีทั้งการขาดทุนและกำไร เมื่อจำเลยผิดสัญญาทำให้โจทก์เสียหาย แม้โจทก์จะนำสืบไม่ได้ว่าเสียหายไปจำนวนเท่าใด ศาลก็กำหนดให้ตามสมควรแก่พฤติการณ์ได้
การโอนสิทธิการเช่าห้องพิพาทจะมีผลต่อเมื่อผู้ให้เช่ายินยอมเสียก่อนจึงจะโอนกันได้ จะถือเอาคำพิพากษาบังคับผู้ให้เช่ายอมให้โจทก์เช่าห้องพิพาทไม่ได้ ต้องพิพากษาให้จำเลยแสดงเจตนาต่อผู้ให้เช่ายอมโอนสิทธิการเช่าให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2028/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดที่ดินรุกล้ำ และการโอนสิทธิที่ไม่ชอบ การโอนสิทธิโดยผู้ไม่มีสิทธิย่อมไม่ก่อให้เกิดกรรมสิทธิ์
จำเลยที่ 1 ขอรังวัดที่ดินตามโฉนดของตนเพื่อทำแผนที่หลังโฉนดขึ้นใหม่ การรังวัดได้กระทำไปโดยได้แจ้งให้เจ้าของที่ดินข้างเคียงทุกแปลงไประวังแนวเขต แต่มิได้แจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงด้านหนึ่งทราบด้วย แล้วจำเลยที่ 1 นำรังวัดรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ดังนี้ ต้องถือว่าการออกโฉนดของจำเลยที่ 1 ซึ่งแก้ไขใหม่นั้นได้กระทำไปโดยไม่ชอบ จำเลยที่ 1 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่รุกล้ำเข้าไปนั้น แม้จำเลยที่ 1 จะโอนขายที่ดินตามโฉนดนั้นให้จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 รับซื้อไว้โดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิแล้ว ก็เป็นการโอนสิ่งซึ่งตนไม่มีสิทธิ หาก่อให้เกิดกรรมสิทธิ์แก่จำเลยที่ 2 ในที่ดินที่รังวัดรุกล้ำไปนั้นไม่ จำเลยที่ 2 จะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299, 1300 มายันโจทก์หาได้ไม่
จำเลยจ้างให้คนทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินที่ไม่มีหนังสือสำคัญของโจทก์ ขณะที่กำลังฝังเสาจะทำรั้วอยู่นั้น โจทก์พบเข้าก็ได้ห้ามปรามคนเหล่านั้นก็เลิกทำ อีก 2 วันต่อมาได้กลับมาทำรั้วต่ออีกพอโจทก์ห้ามก็ขนเครื่องมือหนีไป การลักลอบเข้าไปปักเสารั้วแล้วหนีไปเมื่อถูกห้ามเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 เข้าแย่งการครอบครองของโจทก์มาได้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2028/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดที่ดินรุกล้ำ การโอนสิทธิที่ดินโดยไม่ชอบ และอายุความฟ้องร้อง
จำเลยที่ 1 ขอรังวัดที่ดินตามโฉนดของตนเพื่อทำแผนที่หลังโฉนดขึ้นใหม่ การรังวัดได้กระทำไปโดยได้แจ้งให้เจ้าของที่ดินข้างเคียงทุกแปลงไประวังแนวเขต แต่มิได้แจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงด้านหนึ่งทราบด้วย แล้วจำเลยที่ 1 นำรังวัดรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ดังนี้ ต้องถือว่าการออกโฉนดของจำเลยที่ 1ซึ่งแก้ไขใหม่นั้นได้กระทำไปโดยไม่ชอบ จำเลยที่ 1 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่รุกล้ำเข้าไปนั้น แม้จำเลยที่ 1 จะโอนขายที่ดินตามโฉนดนั้นให้จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 รับซื้อไว้โดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิแล้ว ก็เป็นการโอนสิ่งซึ่งตนไม่มีสิทธิ หาก่อให้เกิดกรรมสิทธิ์แก่จำเลยที่ 2 ในที่ดินที่รังวัดรุกล้ำไปนั้นไม่ จำเลยที่ 2จะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299, 1300 มายันโจทก์หาได้ไม่
จำเลยจ้างให้คนทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินที่ไม่มีหนังสือสำคัญของโจทก์ ขณะที่กำลังฝังเสาจะทำรั้วอยู่นั้น โจทก์พบเข้าก็ได้ห้ามปรามคนเหล่านั้นก็เลิกทำ อีก 2 วันต่อมาได้กลับมาทำรั้วต่ออีกพอโจทก์ห้ามก็ขนเครื่องมือหนีไป การลักลอบเข้าไปปักเสารั้วแล้วหนีไปเมื่อถูกห้ามเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 เข้าแย่งการครอบครองของโจทก์มาได้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิในที่ดินโดยสุจริตและจดทะเบียนได้เหนือสิทธิที่ได้มาจากการครอบครองปรปักษ์ ศาลต้องวินิจฉัยประเด็นที่คู่ความยกขึ้นเท่านั้น
สิทธิของผู้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรมอันยังมิได้จดทะเบียนที่มิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว ตามมาตรา 1299 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้นถ้าคู่ความมิได้ตั้งประเด็นยกเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำฟ้องคำให้การย่อมไม่เป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยปรับแก่คดีได้ทั้งไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการโอนสิทธิในที่ดิน: ประเด็นการยกข้อต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดเป็นของโจทก์ โจทก์ซื้อจากผู้มีชื่อจำเลยเป็นผู้อาศัยเจ้าของเดิมอยู่ จำเลยไม่ยอมออก ขอให้ขับไล่ จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ ศาลชั้นต้นพิพาทว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ จำเลยซึ่งอ้างว่าครอบครองที่พิพาทโดยปรปักษ์ ไม่เคยจดทะเบียนสิทธิที่พิพาทเป็นของจำเลย จึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งได้ที่พิพาทมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299, 1300 ปัญหาข้อนี้จึงถือได้ว่าได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น
จำเลยย่อมยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้ หาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการโอนสิทธิในที่ดิน: ศาลอุทธรณ์ต้องวินิจฉัยประเด็นการครอบครองปรปักษ์ที่จำเลยยกขึ้น แม้ไม่ได้ยกในชั้นต้น
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดเป็นของโจทก์ โจทก์ซื้อจากผู้มีชื่อจำเลยเป็นผู้อาศัยเจ้าของเดิมอยู่ จำเลยไม่ยอมออก ขอให้ขับไล่ จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ จำเลยซึ่งอ้างว่าครอบครองที่พิพาทโดยปรปักษ์ ไม่เคยจดทะเบียนสิทธิที่พิพาทเป็นของจำเลยจึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งได้ที่พิพาทมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299, 1300 ปัญหาข้อนี้จึงถือได้ว่าได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น
จำเลยย่อมยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ได้ หาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 453/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน: การสงวนที่ดินและการโอนสิทธิ การครอบครองโดยไม่ชอบ
ที่ดินรกร้างว่างเปล่าซึ่งนายอำเภอประกาศสงวนเมื่อวันที่30 ตุลาคม 2478 สำหรับใช้ดำเนินการเป็นทัณฑ์นิคมของกรมราชทัณฑ์นั้น แม้ในประกาศสงวนจะมีความว่าห้ามราษฎรบุกรุกถากถางจับจอง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน แต่เมื่อต่อมามีพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.2478 ซึ่งใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2479แล้ว การถอนการหวงห้ามที่สงวนตามประกาศสงวนของนายอำเภอดังกล่าวจะทำได้ก็แต่โดยพระราชกฤษฎีกา
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นจะโอนแก่กันมิได้เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา
โจทก์เข้าก่นสร้างที่พิพาทซึ่งเป็นที่สงวนเมื่อ พ.ศ.2483 ขอจับจองและได้รับใบเหยียบย่ำเมื่อ พ.ศ.2494 ครอบครองทำประโยชน์และได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์เมื่อ พ.ศ.2501 ไม่ทำให้โจทก์อ้างสิทธิขึ้นเป็นข้อต่อสู้แผ่นดินได้ ที่พิพาทยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่นั่นเอง เจ้าพนักงานจะออกใบเหยียบย่ำหรือโฉนดบนที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินชนิดนี้ให้เอกชนไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 214/2480)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิการค้าสลาก: ภริยาทำกิจการค้าแยกจากสามี สามีมีสิทธิจำกัดแค่การยินยอมครั้งแรก
สามีซึ่งเป็นจำเลยร่วมโอนสิทธิการเป็นผู้แทนจำหน่ายสลากกินแบ่งในนามส่วนราชการให้ภริยาซึ่งเป็นจำเลยทำการค้าขายมาประมาณ 20 ปี โดยในการค้าสลากกินแบ่งนั้น ภริยามีสิทธิที่จะพิจารณาได้เองตลอดจนการหาเงินจ่ายค่าสลากกินแบ่ง ย่อมเป็นเรื่องภริยาทำกิจการค้าขายแยกเป็นส่วนหนึ่งต่างหาก(โดยได้รับอนุญาตจากสามี) การที่ภริยาจะเสาะแสวงหาจำนวนสลากกินแบ่งมาค้าขายหรือจำหน่ายจำนวนสลากกินแบ่งนั้นไปอยู่ในวิสัยที่ภริยาจะทำได้ ดังนั้น การที่ภริยาตกลงโอนสิทธิการเป็นผู้แทนจำหน่ายสลากกินแบ่งให้บุคคลภายนอกไปบางส่วนโดยได้รับค่าตอบแทนจึงอยู่ภายในขอบเขตแห่งกิจการค้าขายของภริยา แม้จะมิได้รับอนุญาตจากสามีอีกชั้นหนึ่งสามีก็หามีสิทธิบอกล้างไม่
of 49