พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,077 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์สำเร็จบางส่วน: การกระทำที่ทำให้ทรัพย์หลุดเคลื่อนที่ถือเป็นเอาทรัพย์ไป
จำเลยเจตนาจะลักตะเกียงท้ายรถยนต์ของผู้เสียหาย จึงไขตะปูควงตะเกียงท้ายรถยนต์ จนตะเกียงหลุดจากท้ายรถแล้วดวงหนึ่ง อีกดวงหนึ่งยังไม่หลุดดังนี้ถือว่าจำเลยกระทำการจนตะเกียงหลุดเคลื่อนออกไปจากท้ายรถแล้วเรียกได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ไป เป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วส่วนหนึ่ง แม้ทรัพย์สิ่งอื่นจะยังเอาไปไม่สำเร็จก็ตาม(อ้างฎีกาที่ 999/2485)
โจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ในข้อเท็จจริง) ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอ้างว่า ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220โจทก์จึงทำฎีกามายื่นในวันรุ่งขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายดังนี้เมื่อมายื่นภายในอายุความฎีกา, ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ได้
โจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ในข้อเท็จจริง) ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอ้างว่า ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220โจทก์จึงทำฎีกามายื่นในวันรุ่งขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายดังนี้เมื่อมายื่นภายในอายุความฎีกา, ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1995/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิด: ปล้นทรัพย์ vs. ฆ่าคนตาย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยปล้นทรัพย์ และบรรยายว่าในการปล้นทรัพย์นี้ จำเลยได้สมคบกันใช้มีดขู่จะทำร้ายและใช้ปืนยิงเจ้าทรัพย์ 1 นัด เจ้าทรัพย์ทนพิษบาดแผลที่จำเลยยิงไม่ได้ได้ขาดใจตายในทันทีนั้น ดังนี้เป็นลักษณะของการปล้นและทำให้เจ้าทรัพย์ตายเท่านั้น เมื่อไม่กล่าวให้ชัดว่าจำเลยได้มีเจตนาจะฆ่าเจ้าทรัพย์ให้ตายอันเป็นลักษณะของความผิดฐานฆ่าคนตายด้วยแล้ว ศาลก็จะลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 ด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดฐานกระทำอนาจาร การกระชากเพื่อทำร้าย ไม่ถือเป็นความผิดฐานอนาจาร
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยสั่งว่า "...พิเคราะห์เห็นข้อความที่ตัดสินนั้น เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด จึงอนุญาตให้ฎีกา" คำสั่งดังนี้ตรงตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 221 แล้ว ศาลฎีการับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาได้
ชายจับมือหญิงสาว กระชากมาเพื่อจะทำร้ายไม่ใช่เจตนาจะทำอนาจาร นั้นย่อมไม่เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 246
ชายจับมือหญิงสาว กระชากมาเพื่อจะทำร้ายไม่ใช่เจตนาจะทำอนาจาร นั้นย่อมไม่เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 246
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดฐานกระทำอนาจาร: การกระชากเพื่อทำร้ายไม่ใช่ความผิด
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยสั่งว่า "..พิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสิน นั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด จึงอนุญาตให้ฎีกา" คำสั่งดังนี้ตรงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 แล้ว ศาลฎีการับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาได้
ชายจับมือหญิงสาวกระชากมาเพื่อจะทำร้ายไม่ใช่เจตนาจะทำอนาจาร นั้นย่อมไม่เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 246
ชายจับมือหญิงสาวกระชากมาเพื่อจะทำร้ายไม่ใช่เจตนาจะทำอนาจาร นั้นย่อมไม่เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 246
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาลักทรัพย์แม้ลักไม่ได้สำเร็จก็เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์
จำเลยใช้เครื่องมือตัดลวดร้อยโซ่ล่ามเรือเขาขาดโดยมีเจตนาจะลักเรือ แต่ภรรยาเจ้าของเรือรู้สึกเสียก่อน จำเลยจึงเอาเรือไปไม่ได้ ดังนี้เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาลักทรัพย์แม้ยังไม่สำเร็จเป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์
จำเลยใช้เครื่องมือตัดลวดร้อยโซ่ล่ามเรือเขาขาดโดยมีเจตนาจะลักเรือ แต่ภรรยาเจ้าของเรือรู้สึกเสียก่อนจำเลยจึงเอาเรือไปไม่ได้ ดังนี้ เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1879/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดช้างของกลางและการฟ้องเรียกคืน กรณีไม่มีเจตนาหน่วงเหนี่ยว
มีผู้จับช้างได้ โดยพบในถนนไม่มีผู้ควบคุม ผู้ใหญ่บ้านนำส่งอำเภอ ทางอำเภอจึงสอบสวนหาเจ้าของ มีผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของ แต่ปรากฎตำหนิช้างของกลางกับตำหนิในตั๋วพิมพ์รูปพรรณของผู้นั้นไม่ตรงกัน ทางอำเภอจึงสั่งให้ผู้นั้นนำพยานมาสอบสวนต่อไป ระหว่างสอบสวนอยู่ยังไม่เสร็จ ผู้นั้นฟ้องนายอำเภอเรียกช้างคืนโดยอ้างว่านายอำเภอแกล้งหน่วงเหนี่ยวไม่ยอมคืนช้างให้ดังนี้ เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่านายอำเภอมีเจตนาแกล้งยึดหน่วงไม่คืนช้างให้แล้ว ผู้นั้นก็ไม่มีสิทธิจะฟ้องและเรียกค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1879/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนช้างคืนจากอำเภอ ต้องพิสูจน์เจตนาการหน่วงเหนี่ยว
มีผู้จับช้างได้ โดยพบในถนนไม่มีผู้ควบคุม ผู้ใหญ่บ้านนำส่งอำเภอ ทางอำเภอจึงสอบสวนหาเจ้าของ มีผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของ แต่ปรากฏตำหนิช้างของกลางกับตำหนิในตั๋วพิมพ์รูปพรรณของผู้นั้นไม่ตรงกัน ทางอำเภอจึงสั่งให้ผู้นั้นนำพยานมาสอบสวนต่อไป ระหว่างสอบสวนอยู่ยังไม่เสร็จ ผู้นั้นฟ้องนายอำเภอเรียกช้างคืนโดยอ้างว่านายอำเภอแกล้งหน่วงเหนี่ยวไม่ยอมคืนช้างให้ดังนี้ เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่านายอำเภอมีเจตนาแกล้งยึดหน่วงไม่คืนช้างให้แล้ว ผู้นั้นก็ไม่มีสิทธิจะฟ้องและเรียกค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนขายที่ดินที่เกินเลยเจตนาเดิมของผู้มอบอำนาจเป็นโมฆะ ผู้มอบอำนาจมีสิทธิขอเพิกถอนได้
บุตรคนหนึ่งเอาแบบพิมพ์มาให้มารดาพิมพ์ลายนิ้วมือโดยแจ้งว่าจะเอาไปจัดการใส่ชื่อบุตรคนนั้นลงในโฉนดที่ดินของมารดาด้วย มารดาก็ยอมและกดพิมพ์ลายนิ้วมือให้ไป แต่บุตรกลับไปเพิ่มเติมข้อความในใบมอบฉันทะนั้นเป็นว่ามารดามอบอำนาจให้บุตร ขายที่ดินโฉนดนั้นแก่บุตร 3 คน ดังนี้ เป็นการผิดความประสงค์การโอนขายย่อมเป็นโมฆะมารดาย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมโอนขายนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการครอบครองวัตถุระเบิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ต้องมีเจตนา หากไม่มีเจตนาไม่เป็นความผิด
พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ มิได้มีบทบัญญัติไว้เป็นพิเศษว่าแม้ไม่มีอาชญาเจตนา ก็ให้มีโทษ
เก็บวัตถุระเบิดได้โดยไม่ทราบว่า เป็นวัตถุระเบิดแล้วเอาไปบ้าน คนอื่นดูแล้วเคาะดินจะให้หลุดจากวัตถุนั้น จึงเกิดระเบิดขึ้น ดังนี้ เมื่อไม่ทราบว่าวัตถุนั้นเป็นวัตถุระเบิดการที่เก็บเอาไป ก็ไม่มีเจตนาที่จะมีหรือครอบครองวัตถุระเบิดจึงยังไม่เป็นผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ
เก็บวัตถุระเบิดได้โดยไม่ทราบว่า เป็นวัตถุระเบิดแล้วเอาไปบ้าน คนอื่นดูแล้วเคาะดินจะให้หลุดจากวัตถุนั้น จึงเกิดระเบิดขึ้น ดังนี้ เมื่อไม่ทราบว่าวัตถุนั้นเป็นวัตถุระเบิดการที่เก็บเอาไป ก็ไม่มีเจตนาที่จะมีหรือครอบครองวัตถุระเบิดจึงยังไม่เป็นผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ