พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,231 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการครอบครองตึกสร้างใหม่: สัญญาการก่อสร้างกับเจ้าของที่ดิน
บริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างตึกรายพิพาทโดยทุนของบริษัทเมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วตามสัญญา มีสิทธิที่จะกำหนดและเลือกตัวผู้เช่า เรียกเก็บเงินค่าช่วยก่อสร้างแต่โจทก์ไม่ได้เสียเงินช่วยก่อสร้างให้แก่จำเลย กลับไปเสียให้แก่ลูกจ้างคนเก่าของจำเลยที่ออกจากหน้าที่ไปแล้วซึ่งเป็นผู้ไม่มีสิทธิอะไรที่จะให้แก่โจทก์จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะขัดขวางมิให้โจทก์เข้าอยู่ในตึกพิพาทได้ ไม่เป็นละเมิด เพราะจำเลยมีสิทธิตามสัญญาก่อสร้างที่จะครอบครองห้องพิพาทจนกว่าจะส่งมอบแก่เจ้าของที่ดินแม้จะถือว่าตึกซึ่งปลูกในที่ดินเป็นทรัพย์ส่วนควบของเจ้าของที่ดินแต่จำเลยก็ยังมีสิทธิตามสัญญาที่จะครอบครองตึกที่สร้างจนกว่าจะเลือกหาผู้เช่าได้เจ้าของที่ดินจะเอาตึกไปครอบครองเสียโดยลำพังหาได้ไม่ เมื่อเจ้าของที่ดินยังไม่มีสิทธิที่จะเอาตึกรายนี้ไปให้ผู้ใดเช่าโดยจำเลยไม่ได้รู้เห็นยินยอมโจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะเข้าครอบครองตึกรายนี้สิทธิแห่งการครอบครองตามกฎหมายยังคงตกอยู่แก่ฝ่ายจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าในการฟ้องขับไล่ผู้อาศัยที่ไม่ปฏิบิติตามสัญญาเช่า
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ที่ 2 ได้โอนสิทธิการเช่าห้องพิพาทให้โจทก์ที่ 1 แล้ว โจทก์ที่ 1 ได้เช่าตรงต่อทรัพย์สินฯ จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 ได้บอกให้จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาท จำเลยไม่ยอมออกจึงฟ้องขอให้บังคับ
ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวมานี้แสดงว่าโจทก์เป็นผู้เช่าสถานที่พิพาทจากทรัพย์สินฯ จำเลยเป็นผู้อาศัย และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยออกจากสถานที่เช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออก เช่นนี้โดยปกติโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยได้ ส่วนข้อต่อสู้จำเลยจะมีอย่างไรเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ควรรับไว้พิจารณาต่อไป
ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวมานี้แสดงว่าโจทก์เป็นผู้เช่าสถานที่พิพาทจากทรัพย์สินฯ จำเลยเป็นผู้อาศัย และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยออกจากสถานที่เช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออก เช่นนี้โดยปกติโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยได้ ส่วนข้อต่อสู้จำเลยจะมีอย่างไรเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ควรรับไว้พิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าในการฟ้องขับไล่ผู้อาศัยสิทธิของผู้เช่า โดยผู้เช่ามีสิทธิฟ้องได้แม้ไม่ใช่เจ้าของสถานที่
ในฟ้องของโจทก์กล่าวว่าโจทก์ที่ 1 ได้รับโอนการเช่าโรงเรือนของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาจากโจทก์ที่ 2 ผู้เช่าเดิมแต่ระหว่างโจทก์ที่ 2 เป็นผู้เช่า โจทก์ที่ 2 ได้ตกลงจ้างจำเลยจัดการดำเนินการค้าอยู่ในโรงเรือนที่เช่า ครั้นโจทก์ที่ 1 ได้รับโอนสิทธิการเช่ามาจากโจทก์ที่ 2 แล้วโจทก์ที่ 2 ได้บอกเลิกจ้างจำเลยและให้จำเลยเลิกดำเนินการค้าเพื่อส่งมอบเรือนโรงรายนี้ให้แก่โจทก์ที่ 1 จำเลยไม่ปฏิบัติตามยังคงทำการค้าและอาศัยโรงเรือนรายนี้ตลอดมาโดยมิได้รับความอนุญาตจากเจ้าของสถานที่และโจทก์ที่ 1 ผู้เช่าเป็นการละเมิดและรอนสิทธิโจทก์ที่ 1 ฟ้องดังกล่าวมานี้แสดงว่าโจทก์เป็นผู้เช่าสถานที่พิพาทจากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จำเลยเป็นผู้อาศัยสิทธิโจทก์และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยออกจากสถานที่เช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออกเช่นนี้โดยปกติโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยได้ส่วนข้อต่อสู้จำเลยจะมีอย่างไรเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรวม & การยึดทรัพย์: สิทธิเจ้าของรวมไม่ตัดสิทธิการบังคับคดีแบ่งทรัพย์สิน
การที่ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่าได้แบ่งที่ดินกับจำเลยเป็นสัดส่วนแน่นอนและต่างได้ครอบครองส่วนที่แบ่งกันมาเกิน 10 ปีแล้วนั้นถือว่าผู้ร้องอ้างเจตนาได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์++ทางอื่นนอกจากนิติกรรมซึ่งโดย ม.1299 วรรค 2 สิทธิของผู้ได้มาคือผู้ร้องหากยังมิได้จดทะเบียนแล้วจะยก++เป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกคือโจทก์ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วคือรับจำนองที่ดินตามโฉนดนี้ในส่วนของจำเลยไว้โดยมิได้เจาะจงว่าเป็นส่วนไหน ตอนใด หาได้ไม่
ดังนั้นเมื่อได้ความว่าโจทก์เจ้าหนี้จำนองนำยึดที่ดินมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเพื่อชำระหนี้ การที่ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าที่ดินเป็นของผู้ร้องครึ่งหนึ่งและผู้ร้องกับจำเลยได้แบ่งที่ดินกันครอบครองเป็นสัดส่วนแน่นอนเกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงขอให้ขายที่ดินที่ยึดมาเฉพาะส่วนของจำเลยนั้น เมื่อข้ออ้างการแบ่งทรัพย์ของผู้ร้องจะยกขึ้นใช้ยันโจทก์ไม่ได้แล้ว ต้องถือว่ากรรมสิทธิของจำเลยผู้ถูกยึดทรัพย์ย่อมครอบไปเหนือที่ดินทั้งหมดและการที่ผู้ร้องร้องขอให้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยก็ตาม ก็มีผลเท่ากับขอให้ปล่อยทรัพย์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.288 ผู้ร้องจะต้องอ้างว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษามิใช่เจ้าของทรัพย์ที่ยึด ผู้ร้องจึงดำเนินคดี+างร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ โจทก์นำยึดที่ดินแปลงนี้ทั้งหมดได้ แต่ผู้ร้องย่อมมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมได้ในทางบังคับคดีตาม ป.วิ.แพ่ง ม.287 ดังนัยแห่งคำพิพากษาฎีการที่ 481/2492.
ดังนั้นเมื่อได้ความว่าโจทก์เจ้าหนี้จำนองนำยึดที่ดินมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเพื่อชำระหนี้ การที่ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าที่ดินเป็นของผู้ร้องครึ่งหนึ่งและผู้ร้องกับจำเลยได้แบ่งที่ดินกันครอบครองเป็นสัดส่วนแน่นอนเกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงขอให้ขายที่ดินที่ยึดมาเฉพาะส่วนของจำเลยนั้น เมื่อข้ออ้างการแบ่งทรัพย์ของผู้ร้องจะยกขึ้นใช้ยันโจทก์ไม่ได้แล้ว ต้องถือว่ากรรมสิทธิของจำเลยผู้ถูกยึดทรัพย์ย่อมครอบไปเหนือที่ดินทั้งหมดและการที่ผู้ร้องร้องขอให้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยก็ตาม ก็มีผลเท่ากับขอให้ปล่อยทรัพย์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.288 ผู้ร้องจะต้องอ้างว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษามิใช่เจ้าของทรัพย์ที่ยึด ผู้ร้องจึงดำเนินคดี+างร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ โจทก์นำยึดที่ดินแปลงนี้ทั้งหมดได้ แต่ผู้ร้องย่อมมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมได้ในทางบังคับคดีตาม ป.วิ.แพ่ง ม.287 ดังนัยแห่งคำพิพากษาฎีการที่ 481/2492.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแบ่งทรัพย์หลังยึดทรัพย์: ความไม่สุจริตและการแบ่งปันสิทธิเจ้าของร่วม
ผู้ร้องกับจำเลยทำสัญญาแบ่งทรัพย์กันภายหลังจากที่โจทก์นำยึดที่พิพาทเพียง 3 วันทั้งเมื่อวันที่เจ้าพนักงานไปยึดทรัพย์รายนี้ ผู้ร้องก็เห็นและรู้ว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ สัญญาแบ่งทรัพย์ระหว่างผู้ร้องและจำเลยจึงถือว่าได้กระทำไปโดยไม่สุจริตและใช้ไม่ได้
การที่ผู้ร้องเป็นเจ้าทรัพย์พิพาทร่วมกันกับจำเลยผู้ร้องจะขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้ทั้งหมดไม่ได้จนกว่าจะได้มีการแบ่งปันกันโดยถูกต้องการที่ผู้ร้องจะขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่ยึดจะต้องปรากฏว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นไม่มีส่วนเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด แต่ผู้ร้องมีทางเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของร่วมได้ทางบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา287
การที่ผู้ร้องเป็นเจ้าทรัพย์พิพาทร่วมกันกับจำเลยผู้ร้องจะขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้ทั้งหมดไม่ได้จนกว่าจะได้มีการแบ่งปันกันโดยถูกต้องการที่ผู้ร้องจะขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่ยึดจะต้องปรากฏว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นไม่มีส่วนเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด แต่ผู้ร้องมีทางเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของร่วมได้ทางบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา287
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าของผู้ภริยาโดยอาศัยสิทธิสามี แม้สามีไปศึกษาต่างประเทศชั่วคราว เจ้าของบ้านไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่
สามีเช่าบ้านอยู่อาศัย แล้วเดินทางไปศึกษาวิชาที่ต่างประเทศเป็นการชั่วคราวภริยาคงอยู่อาศัยต่อมาในบ้านเช่านั้น เป็นการอยู่โดยอาศัยสิทธิของสามี ผู้ให้เช่าจะฟ้องขับไล่ภริยาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของเครื่องหมายการค้าและการละเมิดสิทธิ แม้มิได้เป็นผู้ผลิต
เมื่อโจทก์จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าไว้ก็ย่อมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะใช้เครื่องหมายที่จดสำหรับสินค้าชนิดนั้น หากจำเลยสั่งสินค้าซึ่งมีเครื่องหมายอย่างเดียวกันเข้ามาจำหน่าย ย่อมถือว่าละเมิดสิทธิของโจทก์
ผู้ที่ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้นั้นหาจำต้องเป็นผู้ผลิตสินค้าที่จะขอจดนั้นด้วยตนเองไม่.
ผู้ที่ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้นั้นหาจำต้องเป็นผู้ผลิตสินค้าที่จะขอจดนั้นด้วยตนเองไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งทายาทเป็นคู่ความแทนจำเลยที่มรณะ: สิทธิในการรับมรดกและความจำเป็นในการเป็นผู้รับมรดก
โจทก์ขอให้เรียก ซ. ภรรยาของจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยแทนสามีซึ่งมรณะ ซ. ต่อสู้ว่าไม่ได้เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งไม่ได้รับมรดกจากสามีแต่ประการใดแต่เมื่อไต่สวนแล้วศาลเชื่อว่า ซ. เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นทายาทของสามีผู้วายชนม์ ศาลก็ย่อมตั้งให้ ซ. เป็นผู้รับมรดกความได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด: การบังคับใช้ ป.พ.พ. มาตรา 1330 และ 1332
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ซื้อทรัพย์ของโจทก์ไปจากการขายทอดตลาดของศาล โจทก์ประสงค์จะขอซื้อทรัพย์คืนจากจำเลย คำฟ้องเช่นนี้จะนำ ป.พ.พ. ม.1332 มาบังคับใช้ในคดีนี้หาได้ไม่เพราะ ม.1332 เป็นเรื่องซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดหรือในท้องตลาดหรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น ไม่เกี่ยวกับการซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลซึ่ง ป.พ.พ. ม.1330 บัญญัติได้โดยเฉพาะแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการซื้อคืนทรัพย์จากการขายทอดตลาด: มาตรา 1330 vs. 1332
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ซื้อทรัพย์ของโจทก์ไปจากการขายทอดตลาดของศาลโจทก์ประสงค์จะขอซื้อทรัพย์คืนจากจำเลยคำฟ้องเช่นนี้จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1332 มาบังคับใช้ในคดีนี้หาได้ไม่เพราะ มาตรา1332 เป็นเรื่องซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดหรือในท้องตลาดหรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้นไม่เกี่ยวกับการซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลซึ่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1330 บัญญัติได้โดยเฉพาะแล้ว