คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กรรมเดียว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 846 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4869/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดเดียว: การมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคม
จำเลยมีและใช้เครื่องรับและส่งวิทยุคมนาคมอันเป็นความผิดในมาตราเดียวกัน ตาม พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 6 ในเวลาเดียวกันเท่ากับว่า มีเจตนาอันเดียว การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4796/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวฐานใช้เอกสารราชการปลอม: การติดแผ่นป้ายปลอมทั้งสองชนิดที่รถยนต์คันเดียวกันเพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงาน
จำเลยปลอมและใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปีปลอมและแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม แม้เอกสารปลอมทั้งสองรายการเป็นเอกสารราชการต่างประเภทกัน แต่จำเลยก็ได้ติดไว้ที่รถยนต์คันเดียวกันและใช้แสดงต่อเจ้าพนักงานในเวลาเดียวกันโดยมีเจตนาอย่างเดียวกันเพื่อให้เจ้าพนักงานเห็นว่ารถยนต์ที่จำเลยขับได้จดทะเบียนและเสียภาษีถูกต้อง เพื่อจำเลยจะได้ใช้รถยนต์โดยชอบ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว จึงต้องลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารราชการปลอมทั้งสองชนิดเป็นกรรมเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4747/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร-ใช้เอกสารปลอม: การกระทำความผิดกรรมเดียวเมื่อมีเจตนาหลอกลวงเพื่อเอาเงิน
จำเลยรับตั๋วเงินเช็คเดินทางไว้คราวเดียวกัน 19 ฉบับ โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ แม้ภายหลังจำเลยจะแยกใช้ตั๋วเงินเช็คเดินทางดังกล่าวเป็น 2 ครั้ง ก็เป็นความผิดฐานรับของโจรเพียงกรรมเดียว เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจรในคดีก่อนเสร็จเด็ดขาดแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรเป็นคดีนี้ซ้ำอีก เพราะสิทธิฟ้องคดีอาญาของโจทก์ระงับลงแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4)
การที่จำเลยใช้ตั๋วเงินเช็คเดินทางปลอม 13 ฉบับ รวมเป็นเงิน12,585 บาท และใช้หนังสือเดินทางปลอมในคราวเดียวกัน เพื่อขอแลกเงินจากผู้เสียหาย เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเพื่อหลอกลวงเอาเงินจำนวนดังกล่าวจากผู้เสียหายเพียงประการเดียว จึงเป็นความผิดกรรมเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4747/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร & ความผิดฐานใช้เอกสารปลอม: การกระทำผิดกรรมเดียว vs. หลายกรรม
การกระทำความผิดฐานรับของโจรโดยได้รับทรัพย์ไว้เพื่อช่วยจำหน่ายโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด เป็นความผิดสำเร็จทันทีตั้งแต่เวลาที่ผู้กระทำรับทรัพย์นั้นไว้ในความครอบครองหลังจากนั้นถึงแม้ว่าผู้กระทำจะได้แยกทรัพย์ที่รับไว้ออกใช้หรือจำหน่ายประการใดก็หาใช่การกระทำความผิดฐานรับของโจรทรัพย์ที่ได้รับไว้นั้นขึ้นอีกไม่ จำเลยรับตั๋วเงิน เช็คเดินทางในคดีนี้และคดีก่อนไว้ในคราวเดียวกันจึงเป็นการกระทำความผิดฐานรับของโจรเพียงครั้งเดียวเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยในคดีก่อนเสร็จเด็ดขาดไปแล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธินำการกระทำนั้นมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยซ้ำอีกเพราะสิทธิฟ้องคดีอาญาสำหรับการกระทำผิดดังกล่าวระงับลงแล้วตามป.วิ.อ. มาตรา 39(4) จำเลยใช้ตั๋วเงิน เช็คเดินทางปลอมจำนวน 13 ฉบับ เพื่อขอแลกเงินจากผู้เสียหาย และใช้หนังสือเดินทางปลอมเพื่อแสดงตนเป็นบุคคลอื่นซึ่งเป็นเจ้าของตั๋วเงินเช็คเดินทางดังกล่าวหลอกลวงผู้เสียหายในคราวเดียวกัน จำเลยมีความประสงค์โดยตรงที่จะหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหายเป็นสำคัญยิ่งกว่าใช้หนังสือเดินทางและตั๋วเงินเช็คเดินทางเป็นรายฉบับ จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาอันเดียวเท่านั้น คือ เพื่อหลอกลวงเอาเงินตามตั๋วเงิน เช็คเดินทางทั้งหมดเป็นจำนวนเดียวกันเป็นการกระทำความผิดฐานใช้เอกสารปลอมกรรมเดียวกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4747/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจรและใช้เอกสารปลอม: การกระทำความผิดกรรมเดียวเมื่อมีเจตนาหลอกลวงเพื่อเอาเงิน
จำเลยรับตั๋วเงินเช็คเดินทางไว้คราวเดียวกัน 19 ฉบับ โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ แม้ภายหลังจำเลยจะแยกใช้ตั๋วเงินเช็คเดินทางดังกล่าวเป็น 2 ครั้ง ก็เป็นความผิดฐานรับของโจรเพียงกรรมเดียว เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจรในคดีก่อนเสร็จเด็ดขาดแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรเป็นคดีนี้ซ้ำอีก เพราะสิทธิฟ้องคดีอาญาของโจทก์ระงับลงแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) การที่จำเลยใช้ตั๋วเงินเช็คเดินทางปลอม 13 ฉบับ รวมเป็นเงิน12,585 บาท และใช้หนังสือเดินทางปลอมในคราวเดียวกัน เพื่อขอแลกเงินจากผู้เสียหาย เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเพื่อหลอกลวงเอาเงินจำนวนดังกล่าวจากผู้เสียหายเพียงประการเดียว จึงเป็นความผิดกรรมเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4609/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมเอกสารราชการหลายฉบับ แต่เป็นการกระทำผิดกรรมเดียว
แม้ว่าเอกสารต่าง ๆ ที่จำเลยทำปลอมขึ้นและประทับตราปลอมคือหนังสือรับรองว่าได้รับอนุญาตเป็นผู้ขับรถจำนวน3 ฉบับ จะเป็นเอกสารต่างชนิดกับหนังสือรับรองใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถเป็นภาษาอังกฤษรวม 3 ฉบับ ซึ่งเป็นการปลอมหนังสือรับรองใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถของบุคคลต่างคนกันก็ตามแต่เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยและยึดเอกสารต่าง ๆ ดังกล่าวในคราวเดียวกันโดยโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยได้กระทำการปลอมและประทับตราปลอมเอกสารเหล่านั้นโดยมีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกันจึงลงโทษจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4009/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผลิตและครอบครองเมทแอมเฟตามีนเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
การที่จำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีน อันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท จำเลยก็ประสงค์ที่จะมีเมทแอมเฟตามีน และเมทแอมเฟตามีนตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง และนำสืบมาก็เป็นผลที่ได้มาจากการผลิตของจำเลยเอง การผลิตกับการมีเมทแอมเฟตามีนของจำเลยเป็นการกระทำเกี่ยวพันต่อเนื่องกัน ไม่อาจแยกได้ว่าเป็นการผลิตตอนหนึ่ง การมีไว้ในครอบครองเป็นอีกตอนหนึ่ง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำครั้งเดียวอันเป็นความผิดกรรมเดียวแต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3733/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การปลอมเอกสารเพื่อฉ้อโกงเป็นเจตนาต่อเนื่อง
แม้โจทก์แยกฟ้องเป็น 3 ข้อ แต่ระบุวันเวลากระทำผิด คือระหว่างวันที่ 11 กรกฎาคม 2530 ถึงวันที่ 16 มกราคม 2531เวลากลางวันจำเลยได้ทำเอกสารและเอกสารราชการปลอมและให้วันที่ 16 มกราคม 2531 เวลากลางวันจำเลยจึงนำเอกสารที่ทำปลอมดังกล่าวไปใช้แสดงเพื่อพยายามฉ้อโกง ดังนี้ทำให้เห็นได้ว่าจำเลยทำเอกสารและเอกสารราชการปลอมก็เพื่อจะนำไปใช้ฉ้อโกง อันเป็นการกระทำต่อเนื่องด้วยเจตนาเดียวเพื่อให้ ก.หลงเชื่อว่าจำเลยคือ ค. เจ้าของเช็คเดินทาง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3107/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท ป.อ.มาตรา 286 และ พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณี การลงโทษและขอบเขตการฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเรียงกระทงความผิด ตาม ป.อ.มาตรา 286 ที่แก้ไขแล้ว ให้จำคุก 7 ปี และตาม พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 9 ให้ปรับ 1,000 บาท รวมเป็นโทษจำคุก 7 ปี และปรับ 1,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 286ที่แก้ไขแล้ว ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนัก จำคุก 7 ปี เมื่อลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 4 ปี 8 เดือนจึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และยังคงลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 การที่จำเลยเป็นเจ้าของสถานการค้าประเวณีและดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณีของจำเลยเองนั้น เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2534/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานขายและมีไว้เพื่อขายวัตถุออกฤทธิ์ถือเป็นกรรมเดียว แม้ตรวจค้นพบของกลางเพิ่มเติม
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4 ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "ขาย" ว่าหมายรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย เพราะฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายตามพระราชบัญญัตินี้ จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกันจำเลยขายวัตถุออกฤทธิ์ชนิดเมทแอมเฟตามีนให้สายลับ 1 เม็ด และต่อมาในเวลาใกล้เคียงกันตรวจค้นได จากจำเลยอีก 15 เม็ด วัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าวทั้ง 16 เม็ด จึงเป็นจำนวนเดียวกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในเวลาเดียวกันต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวคือการขาย
of 85