คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อพิพาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเนื้อที่ดินหลังคำพิพากษาถึงที่สุด ไม่เป็นฟ้องซ้ำ จำเลยรับข้อเท็จจริงไม่ต้องพิสูจน์
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนขายที่ดินให้โจทก์ คดีถึงที่สุดโดยจำเลยยอมขายที่ดินให้โจทก์ แต่ต่อมาปรากฏว่า เนื้อที่ดินที่จำเลยยอมขายให้โจทก์ ซึ่งว่ามี 59 ไร่เศษนั้น วัดได้เพียง 21 ไร่เศษโจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ขอให้ลดราคาที่ดินลงตามส่วน จึงเป็นคนละประเด็นกับที่พิพาทกันในคดีก่อน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องบรรยายว่า เนื้อที่ดินที่จำเลยตกลงขายให้โจทก์มี 59 ไร่เศษ แต่เมื่อรังวัดแล้วมีเพียง21 ไร่เศษ จึงขอให้จำเลยลดราคาลงตามส่วน จำเลยมิได้ปฏิเสธความข้อนี้อย่างใด จึงต้องถือว่า จำเลยรับในข้อที่โจทก์อ้าง โดยโจทก์ไม่จำต้องนำสืบในข้อนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทการชำระหนี้ค่ากาแฟ ศาลต้องวินิจฉัยเพื่อยุติข้อโต้แย้ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อกาแฟราคา 60 สตางค์ กินแล้วไม่ชำระราคาขอให้ศาลบังคับจำเลยให้การต่อสู้ว่าชำระแล้ว และแถลงขอวางเงินต่อศาล 1 บาท ทั้งนี้โดยไม่ยอมรับผิดตามฟ้องดังนี้ คดียังมีประเด็นที่โต้เถียงกันอยู่ว่า จำเลยได้ชำระหนี้แล้วหรือยังศาลจะต้องวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีตลอดจนค่าฤชาธรรมเนียมด้วยจะไม่วินิจฉัยให้ใครแพ้ใครชนะในประเด็นโดยเพียงแต่สั่งให้โจทก์รับเงินไปเท่านั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีต้องเกิดจากข้อพิพาทที่ชัดเจน การฟ้องก่อนดำเนินการตามกฎหมายเพื่อพิสูจน์สัญชาติจึงไม่ชอบ
โจทก์ถือหนังสือเดินทางที่พนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ฮ่องกงออกให้ ระบุว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติจีน เมื่อโจทก์เดินทางเข้ามาถึงประเทศไทยเพื่อขออยู่ชั่วคราวกองตรวจคนเข้าเมืองก็อนุญาต แต่ก่อนถึงวันครบกำหนด โจทก์ก็ยื่นฟ้องกรมตำรวจกับหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองเป็นจำเลยอ้างว่าโจทก์เป็นคนไทยโดยกำเนิด ขอให้จำเลยระงับคำสั่งให้โจทก์ออกไปจากประเทศไทย ทั้งนี้ โดยโจทก์ให้เหตุผลว่ากลัวจะถูกส่งออกนอกประเทศไทยเมื่อครบกำหนดวันที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ ซึ่งแท้จริงแล้วทางจำเลยยังมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่จะอยู่ในประเทศไทยและโจทก์ไม่มีหลักฐานใดแสดงว่าก่อนยื่นฟ้องคดีนี้โจทก์ได้เคยร้องต่อจำเลยว่าโจทก์เป็นคนไทย ไม่ได้ยื่นขอพิสูจน์สัญชาติต่อศาลหรือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนี้ โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยต่อศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบประเด็นข้อพิพาทและการตกลงเงื่อนไขการชำระหนี้
ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาวันชี้สองสถานเพียงว่า ประเด็นเรื่องบอกกล่าวนี้ โจทก์กล่าวอ้าง จำเลยปฏิเสธ โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนให้นัดสืบพยานโจทก์ไป เช่นนี้ หาใช่ศาลกะให้คู่ความนำสืบเพียงประเด็นเดียวไม่ หากจำเลยให้การต่อสู้ไว้ประเด็นอื่นอีก จำเลยก็นำสืบได้
สัญญามิได้มีข้อกำหนดชัดเจนว่า ให้ชำระเงินกัน ณ ที่ใด คู่ความย่อมนำสืบได้ว่า มีการตกลงในเรื่องนี้ไว้อย่างไรอีกต่างหาก ไม่เป็นการสืบเพิ่มเติมเอกสารและหากได้ความว่ามีการตกลงชำระเงินกัน ณ สถานที่แห่งอื่นแล้ว ก็ไม่ต้องนำเงินชำระ ณ ภูมิลำเนาปัจจุบันของเจ้าหนี้ตาม มาตรา 324

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทดอกเบี้ยกู้ สัญญาไม่ชัดเจน ศาลต้องให้คู่ความสืบพยานเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยและเรียกดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จำเลยให้การต่อสู้ว่า ในสัญญากู้คิดดอกเบี้ยตามกฎหมายแต่โจทก์กลับคิดร้อยละ 15 ต่อไป สำเนาสัญญากู้ไม่ถูกต้อง ย่อมเห็นได้ชัดว่า จำเลยให้การปฏิเสธว่าสัญญากู้ไม่มีข้อตกลงให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ดังที่โจทก์ฟ้องอ้างสำเนาสัญญากู้มีข้อความว่า คิดดอกเบี้ยตามกฎหมายร้อยละ 15 ต่อปี ติดมาท้ายคำฟ้อง ทั้งต้นฉบับสัญญากู้ก็ยังไม่มีปรากฏในสำนวน ดังนี้ถือว่า ข้อเท็จจริงเรื่องดอกเบี้ยยังไม่ยุติ คู่ความต้องนำสืบความข้อนี้กันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทอัตราดอกเบี้ยสัญญาเงินกู้: จำเป็นต้องมีการนำสืบหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันข้อตกลงที่แท้จริง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยและเรียกดอกเบี้ยร้อยละ15 ต่อปีจำเลยให้การต่อสู้ว่า ในสัญญากู้คิดดอกเบี้ยตามกฎหมายแต่โจทก์กลับคิดร้อยละ 15 ต่อปีสำเนาสัญญากู้ไม่ถูกต้องย่อมเห็นได้ชัดว่า จำเลยให้การปฏิเสธว่าสัญญากู้ไม่มีข้อตกลงให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีดังที่โจทก์ฟ้องอ้างสำเนาสัญญากู้มีข้อความว่าคิดดอกเบี้ยตามกฎหมายร้อยละ 15 ต่อปี ติดมาท้ายคำฟ้องทั้งต้นฉบับสัญญากู้ก็ยังไม่มีปรากฏในสำนวนดังนี้ถือว่า ข้อเท็จจริงเรื่องดอกเบี้ยยังไม่ยุติ คู่ความต้องนำสืบความข้อนี้กันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญายอมความระงับข้อพิพาทแล้วย่อมเป็นยุติ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเจตนาในคดีหลัง ศาลไม่อาจบังคับให้ชดใช้เงินตามข้อเสนอ
ในคดีก่อน โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของรวมกันในที่ดินแปลงพิพาทและจำเลยยอมรับว่า ได้อาศัยอยู่ในที่ดินนี้ตอนเหนือจนกว่าโจทก์จำเลยจะได้ทำการแบ่งที่ดินกันศาลพิพากษาตามยอม เมื่อโจทก์ฟ้องขอแบ่งแยกที่ดินรายนี้ในคดีหลัง จำเลยจะอ้างว่าได้ครอบครองที่พิพาทตอนเหนือโดยปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์แล้วและจะขอนำพยานสืบประกอบในข้อนี้หาได้ไม่เพราะข้อพิพาทอันนี้ได้ระงับไปโดยสัญญายอมในคดีก่อนแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินและห้องแถว ในคำขอท้ายฟ้องมีว่าถ้าไม่สามารถตกลงแบ่งแยกกันได้ ก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันคนละครึ่งโดยโจทก์ตีราคาที่ดินและห้องแถวส่วนที่ขอแบ่งมาในฟ้องเป็นเงิน 30,000 บาทจำเลยให้การต่อสู้คดีและจำเลยเสนอมาในคำให้การด้วยว่าเพื่อตัดความยุ่งยาก จำเลยยอมให้เงิน 30,000 บาท แก่โจทก์ เท่าที่โจทก์ตีราคามาในฟ้องแทนการต้องแบ่งที่รายนี้เมื่อโจทก์ไม่ยอมตกลงด้วยข้อเสนอของจำเลยนี้จึงเท่ากับเสนอขอซื้อที่ส่วนได้ของโจทก์ด้วยราคา30,000 บาทนั่นเองเมื่อโจทก์ไม่ยินยอมด้วยและตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มิได้ขอให้ชดใช้เงินทำนองนั้นด้วย แม้จะเป็นที่เห็นอยู่ว่าจำเลยอาจต้องเสียหายและเดือดร้อนเพราะการแบ่งแยกก็จริงก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะพึงบังคับให้ได้ตามข้อเสนอของจำเลยอนึ่ง เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ตั้งเป็นประเด็นไว้ด้วยว่าเพื่อมิให้เสียหายและเดือดร้อนแก่จำเลยควรแบ่งกันอย่างไรโดยทดแทนเงินกันเพียงใดจึงจะสมควรตามนัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1364 จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายทอดตลาดโดยไม่สุจริตของผู้ซื้อรู้ว่าทรัพย์สินมีข้อพิพาท ทำให้ผู้ซื้อไม่ได้รับกรรมสิทธิ์แม้จดทะเบียน
การขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ในกรณีที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ขายฝากนำยึดทรัพย์ที่ขายฝากแต่หลุดเป็นสิทธิของผู้ซื้อฝากแล้วนั้น หากก่อนการขายทอดตลาด ผู้ซื้อฝากมาคัดค้านว่าทรัพย์ที่ขายทอดตลาดเป็นของตน ผู้ซื้อรู้แล้วยังขืนซื้อไป ถือว่าผู้ซื้อ ซื้อการขายทอดตลาดโดยไม่สุจริตและแม้จะจดทะเบียนโดยชอบแล้วก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1300

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทการแปรรูปไม้: ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกินกว่าฎีกา
ปัญหาที่ว่า การที่จำเลยทำไม้ที่ตัดฟันแล้วให้เป็นเหลี่ยมเป็นการเกินกว่าความจำเป็นเพื่อการชักลากไม้หรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่างทั้ง 2 พิพากษายืนตามกันมาให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์จึงฎีกาในปัญหาข้อนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607-608/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิร้องสอดคดี: การจำกัดขอบเขตข้อพิพาท และการฟ้องคดีใหม่สำหรับที่ดินแปลงอื่น
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องที่ดิน โดยต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าอีกฝ่ายหนึ่งบุกรุกที่ดินของตน เมื่อศาลสั่งทำแผนที่แล้วปรากฎว่าตรงที่พิพาทกันมิได้เกี่ยวข้องกับที่ ๆ จำเลยนำชี้แนวเขตที่ดินทางด้านอื่นรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของนายโชติเช่นนี้ เมื่อนายโชติจะต้องการใช้สิทธิทางศาลตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา55 ก้ต้องนำคดีไปฟ้องร้องเป็นคดีเรื่องใหม่ตั้งข้อพิพาทกับจำเลยฝ่ายเดียวโดยเฉพาะ หามีสิทธิประการใดที่จะร้องสอดเข้ามาในคดีเรื่องนี้ไม่ ไม่ว่าในฐานะที่เป็นโจทก์ร่วมจำเลยร่วมหรือเป็นฝ่ายที่สาม มิฉะนั้นแล้วบุคคลอื่น ๆ ก็ถือสิทธิร้องสอดเข้ามาในคดีได้ง่าย ๆ แทนที่ศาลจะพิจารณาแต่เพียงประเด็นเดียวเฉพาะที่โจทก์จำเลยพิพาทกันโดยตรง กลับจะต้องไปพิจารณาประเด็นอื่น ๆ ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยนั้นเลย
of 49