พบผลลัพธ์ทั้งหมด 557 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3847/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารมหาชนมีผลสันนิษฐานความถูกต้อง คู่ความต้องนำสืบหักล้างหากมีข้อสงสัย
หนังสือรับรองว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดของสำนักงานทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครเป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นหรือรับรองประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 127 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้นหุ้นส่วนผู้จัดการโจทก์จึงไม่จำต้องมาเบิกความรับรองเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใดเมื่อจำเลยไม่นำสืบหักล้าง ก็ต้องถือว่าเป็นหนังสือรับรองที่แท้จริงและถูกต้องแล้วฟังได้ว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ถูกยึด: คำวินิจฉัยเดิมผูกพันคู่ความเดิม แม้จะมีการฟ้องร้องซ้ำ
ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยว่าบ้านพร้อมโรงเก็บไม้แปรรูป และร้านค้าไม้แปรรูปซึ่งปลูกอยู่ติดกัน ที่ผู้ร้องเอาไปประกันภัยไว้เป็นของจำเลย และฟังว่าจำเลยเชิดให้ผู้ร้องเป็นตัวแทนเอาทรัพย์สินของจำเลยดังกล่าวไปประกันภัยเงินค่าประกันภัยจึงตกเป็นของจำเลย ไม่ใช่ของผู้ร้อง ดังนี้ แม้จะเป็นการวินิจฉัยถึงเงินค่าประกันภัยว่าจะตกได้แก่ใครก็ตาม ก็ต้องวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่เอาประกันภัยว่าเป็นของใคร เพื่อนำไปสู่ปัญหาว่าผู้เอาประกันภัยมีส่วนได้เสียในการเอาประกันภัยหรือไม่ด้วย เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าทรัพย์ที่เอาประกันภัยเป็นของจำเลย ข้อวินิจฉัยดังกล่าวจึงผูกพันผู้ร้องคดีนี้ เพราะเป็นคู่ความเดียวกัน ผู้ร้องจะมาร้องให้ศาลวินิจฉัยอีกว่าเป็นทรัพย์ของผู้ร้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามข้อตกลงใหม่: สิทธิในการเลือกวิธีการบังคับคดีเป็นสิทธิของคู่ความ
ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิในที่นาพิพาท 2 ใน 3 ส่วน ให้จำเลยไปยื่นขอแบ่งยกที่นาให้แก่โจทก์ทั้งสอง หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย แต่โจทก์จำเลยไม่อาจตกลงแบ่งแยกที่นาพิพาทได้ จึงไปตกลงต่อหน้าศาลชั้นต้นซึ่งทำหน้าที่บังคับคดี โดยแถลงขอให้ดำเนินการยึดที่นาพิพาทมาขายทอดตลอดแล้วแบ่งเงินกันตามส่วน ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการกำหนดการบังคับคดีด้วยวิธีใหม่ ซึ่งชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 จนศาลชั้นต้นรับรู้และรับบังคับให้แล้ว ก็ต้องเป็นไปตามข้อตกลงนั้น เพราะการบังคับคดีเป็นเรื่องที่แล้วแต่ใจสมัครของโจทก์จำเลย การที่โจทก์ทั้งสองแถลงศาลใหม่ยอมแบ่งที่นาพิพาท โดยให้สิทธิจำเลยเลือกเอาส่วนใดก็ได้ แต่จำเลยมิได้ตกลงด้วยนั้น ไม่เป็นเหตุให้ข้อตกลงที่โจทก์จำเลยให้ดำเนินการยึดที่นาพิพาทขายทอดตลาดแล้วแบ่งเงินกันตามส่วนต้องเปลี่ยนแปลงไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3596/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: แม้คู่ความและทรัพย์สินเดียวกัน แต่ประเด็นวินิจฉัยต่างกัน ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
ประเด็นเรื่องฟ้องซ้ำเป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์จึงเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
แม้คู่ความในคดีนี้กับคดีก่อนเป็นคู่ความเดียวกันทรัพย์ที่พิพาทเป็นที่นาแปลงเดียวกัน แต่คดีก่อนมีประเด็นวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยในคดีก่อนใครเป็นผู้มีสิทธิครอบครองนาพิพาท ซึ่งศาลพิพากษาว่าโจทก์ในคดีก่อนมีเพียงสิทธิยึดนาพิพาทในฐานะประกันหนี้เงินกู้เท่านั้น จำเลยในคดีก่อนจึงเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยในคดีนี้ได้รับชำระหนี้เงินกู้แล้วไม่มีสิทธิยึดนาพิพาท ต้องคืนให้โจทก์ ประเด็นวินิจฉัยคดีนี้จึงมีว่าจำเลยต้องคืนนาพิพาทเพราะได้รับชำระหนี้เงินกู้แล้วหรือไม่ ประเด็นวินิจฉัยคดีทั้งสองจึงมิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกันฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
แม้คู่ความในคดีนี้กับคดีก่อนเป็นคู่ความเดียวกันทรัพย์ที่พิพาทเป็นที่นาแปลงเดียวกัน แต่คดีก่อนมีประเด็นวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยในคดีก่อนใครเป็นผู้มีสิทธิครอบครองนาพิพาท ซึ่งศาลพิพากษาว่าโจทก์ในคดีก่อนมีเพียงสิทธิยึดนาพิพาทในฐานะประกันหนี้เงินกู้เท่านั้น จำเลยในคดีก่อนจึงเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยในคดีนี้ได้รับชำระหนี้เงินกู้แล้วไม่มีสิทธิยึดนาพิพาท ต้องคืนให้โจทก์ ประเด็นวินิจฉัยคดีนี้จึงมีว่าจำเลยต้องคืนนาพิพาทเพราะได้รับชำระหนี้เงินกู้แล้วหรือไม่ ประเด็นวินิจฉัยคดีทั้งสองจึงมิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกันฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3403/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาล และคำสั่งอนุญาตให้ทายาทเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับอนุญาตให้ยื่นฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถา จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 ซึ่งจำเลยไม่ได้ชำระ คำฟ้องฎีกาของจำเลยที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย รับไว้พิจารณาไม่ได้ แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาก็ไม่วินิจฉัยให้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยหาหลักประกันสำหรับค่าธรรมเนียมจำนวนนี้มาวางศาลและทำสัญญาประกันไว้ก็ไม่ทำให้ฟ้องฎีกาของจำเลยเป็นฟ้องที่ถูกต้องสมบูรณ์ขึ้นมาได้
จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ตั้งให้นางสาวคล้อยเจวะ เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ที่ 1 ผู้มรณะนั้น นางสาวคล้อยได้ยื่นสำเนาทะเบียนบ้านเป็นพยานว่าโจทก์ที่ 1 เป็นหัวหน้าครอบครัวนางสาวคล้อยมีความเกี่ยวพันกับหัวหน้าครอบครัวโดยเป็นพี่ เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับคำแถลงและคำให้การของจำเลยที่ว่านางสาวคล้อยเป็นพี่ของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่1 ไม่มีภรรยาและบุตร. บิดามารดาถึงแก่กรรมไปหมดแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่านางสาวคล้อยผู้ร้องเป็นทายาทของโจทก์ที่ 1 จริงคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ตั้งให้นางสาวคล้อยเป็นคู่ความแทนโจทก์ ที่ 1 ผู้มรณะจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 43
ฎีกาของจำเลยที่ว่าผู้ร้องไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าเป็นผู้รับมรดกแทนโจทก์ที่ 1 ผู้มรณะได้เพราะอายุมากยังหาคู่สมรสไม่ได้ ไม่มีความรู้เขียนอ่านหนังสือไม่ได้ เป็นฎีกาที่กล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยไร้สาระ
จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ตั้งให้นางสาวคล้อยเจวะ เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ที่ 1 ผู้มรณะนั้น นางสาวคล้อยได้ยื่นสำเนาทะเบียนบ้านเป็นพยานว่าโจทก์ที่ 1 เป็นหัวหน้าครอบครัวนางสาวคล้อยมีความเกี่ยวพันกับหัวหน้าครอบครัวโดยเป็นพี่ เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับคำแถลงและคำให้การของจำเลยที่ว่านางสาวคล้อยเป็นพี่ของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่1 ไม่มีภรรยาและบุตร. บิดามารดาถึงแก่กรรมไปหมดแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่านางสาวคล้อยผู้ร้องเป็นทายาทของโจทก์ที่ 1 จริงคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ตั้งให้นางสาวคล้อยเป็นคู่ความแทนโจทก์ ที่ 1 ผู้มรณะจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 43
ฎีกาของจำเลยที่ว่าผู้ร้องไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าเป็นผู้รับมรดกแทนโจทก์ที่ 1 ผู้มรณะได้เพราะอายุมากยังหาคู่สมรสไม่ได้ ไม่มีความรู้เขียนอ่านหนังสือไม่ได้ เป็นฎีกาที่กล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยไร้สาระ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3364/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมที่เป็นคู่ความ ทำให้การพิจารณาคดีไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้ร่วมรับผิดฐานละเมิดจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การปฏิเสธอ้างว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยร่วม และขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นคู่ความในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (3) จำเลยร่วมให้การปฏิเสธและเป็นปรปักษ์ทั้งต่อโจทก์และจำเลยทั้งสองเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ อ้างว่าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะความผิดของจำเลยร่วมเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยร่วมยังเป็นคู่ความในชั้นอุทธรณ์การที่ศาลชั้นต้นจัดส่งสำเนาให้เฉพาะโจทก์และไม่นัดให้จำเลยร่วมมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นเหตุให้จำเลยร่วมพ้นจากคดีไปลอยๆ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา ศาลฎีกาต้องยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา243 (2), 247 ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมแล้วส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3246/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องรวมในหนังสือมอบอำนาจ: ไม่จำกัดเฉพาะคู่ความที่ระบุ
ช.ผู้รับมอบอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ย่อมมีความหมายรวมอยู่ในอำนาจที่โจทก์มอบให้ ช.ดำเนินคดีแพ่งทั้งปวงเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินตามฟ้อง ดังที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจ ไม่จำเป็นต้องระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องใครโดยชัดแจ้งทุกรายไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าเป็นคู่ความแทนที่ และการประพฤติเนรคุณเพื่อถอนคืนการให้
จำเลยที่ 1 ตาย ท. เป็นบุตรจำเลยที่ 1 ซึ่งเกิดแต่บุตรสาวของโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นภริยาจำเลยที่ 1 ฉะนั้นการที่จะให้ ท. เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 1 แม้อาจกระทำได้แต่เห็นได้ว่าจะไม่เป็นการรักษาประโยชน์ของทายาทอื่น เพราะ ท. เป็นญาติใกล้ชิดกับโจทก์ซึ่งเป็นปรปักษ์กับจำเลยที่ 1 จึงสมควรให้จำเลยที่ 2 เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลย ที่ 1
ผู้รับให้พูดด่าผู้ให้ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ว่า โคตรพ่อโคตรแม่มึงมาทำไว้หรือเปล่า ปลาร้าทำใส่ไหไว้มึงก็สนุกกินสนุกแดก ข้าวทำใส่ยุ้งไว้ก็กิน ไม่ได้ทำงานทำการ และยังด่าว่าคำอื่น ๆ อีก พร้อมกับขับไล่ผู้ให้ ถ้อยคำดังกล่าวเป็นถ้อยคำในทำนองว่าผู้ให้เป็น คนดีแต่กิน ไม่ทำงานทำการ จึงมิใช่แต่เพียงคำกล่าวที่ไม่สมควรเท่านั้นแต่เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง อันถือได้ว่า เป็นการประพฤติเนรคุณเป็นเหตุให้ผู้ให้เรียกถอนคืนการให้ได้
ผู้รับให้พูดด่าผู้ให้ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ว่า โคตรพ่อโคตรแม่มึงมาทำไว้หรือเปล่า ปลาร้าทำใส่ไหไว้มึงก็สนุกกินสนุกแดก ข้าวทำใส่ยุ้งไว้ก็กิน ไม่ได้ทำงานทำการ และยังด่าว่าคำอื่น ๆ อีก พร้อมกับขับไล่ผู้ให้ ถ้อยคำดังกล่าวเป็นถ้อยคำในทำนองว่าผู้ให้เป็น คนดีแต่กิน ไม่ทำงานทำการ จึงมิใช่แต่เพียงคำกล่าวที่ไม่สมควรเท่านั้นแต่เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง อันถือได้ว่า เป็นการประพฤติเนรคุณเป็นเหตุให้ผู้ให้เรียกถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจร้องเพิกถอนคำสั่งเลิกมูลนิธิ และการขอพิจารณาคดีใหม่ในคดีที่ไม่ได้เป็นคู่ความ
เมื่อศาลมีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิแล้ว ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจแก่ผู้หนึ่งผู้ใดที่จะร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนคำสั่งนั้นได้ ดังนั้นผู้ร้องซึ่งเป็นกรรมการของมูลนิธีที่ศาลสั่งเลิกแล้วจึงไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เลิกมูลนิธินั้น
เดิม จ.ผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเลิกมูลนิธิ ฮ.ศาลประกาศนัดไต่สวน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน เมื่อไต่สวนแล้วได้มีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิ ฮ. ผู้ร้องจะมาร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ เพราะผู้ร้องมิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีนี้มาก่อน และศาลมิได้แสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาแต่อย่างใด
เดิม จ.ผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเลิกมูลนิธิ ฮ.ศาลประกาศนัดไต่สวน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน เมื่อไต่สวนแล้วได้มีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิ ฮ. ผู้ร้องจะมาร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ เพราะผู้ร้องมิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีนี้มาก่อน และศาลมิได้แสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2199/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการร้องสอดของเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินที่ถูกโต้แย้ง ผู้ร้องสอดมีสิทธิเลือกร้องสอดเป็นคู่ความฝ่ายที่สามหรือโจทก์ร่วม
ผู้ร้องสอดกับโจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามโฉนดตราจอง ร่วมกันซึ่งรวมทั้งที่พิพาทด้วย เมื่อจำเลยและจำเลยร่วมโต้แย้งสิทธิในที่พิพาทผู้ร้องสอดย่อมมีสิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้ เพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ ส่วนจะร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) หรือเข้าเป็นโจทก์ร่วมตามมาตรา57(2) ย่อมเป็นสิทธิของผู้ร้องสอดที่จะเลือก