พบผลลัพธ์ทั้งหมด 515 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมตรวจพิสูจน์เอกสารเป็นค่าฤชาธรรมเนียม ผู้แพ้คดีต้องชดใช้
ค่าธรรมเนียมในการตรวจพิสูจน์เอกสาร เป็นค่าฤชาธรรมเนียม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมตรวจพิสูจน์เอกสารเพื่อพิสูจน์ลายมือ ถือเป็นค่าฤชาธรรมเนียมที่ผู้แพ้คดีต้องชดใช้
ค่าธรรมเนียมในการตรวจพิสูจน์เอกสาร เป็นค่าฤชาธรรมเนียม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษา: โจทก์ต้องชำระแม้ถอนหมายยึดแล้ว
โจทก์ฟ้องและขอให้ยึด อายัดทรัพย์จำเลยชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลอนุญาต ต่อมาศาลสั่งให้ยกเลิกคำสั่งนี้ตามที่จำเลยร้องขอ ดังนี้ โจทก์ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อยึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้ว ไม่มีการขายหรือจำหน่าย โจทก์ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีร้อยละ 3 ครึ่งของราคาทรัพย์สินที่ยึดตามตาราง 5(3)
การที่ศาลอนุญาตให้ถอนหมายยึดตามวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำขอของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 261 นั้น เป็นเรื่องที่ศาลอนุญาตให้ถอนหมายยึดเท่านั้น ส่วนค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้ดำเนินการยึดไปแล้ว โจทก์ยังมีหน้าที่ต้องเสียอยู่
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 149 เมื่อโจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์สินของจำเลยแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้โจทก์เป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ได้
การที่ศาลอนุญาตให้ถอนหมายยึดตามวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำขอของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 261 นั้น เป็นเรื่องที่ศาลอนุญาตให้ถอนหมายยึดเท่านั้น ส่วนค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้ดำเนินการยึดไปแล้ว โจทก์ยังมีหน้าที่ต้องเสียอยู่
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 149 เมื่อโจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์สินของจำเลยแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้โจทก์เป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษา: โจทก์ต้องชำระแม้ศาลยกเลิกการยึด
โจทก์ฟ้องและขอให้ยึด อายัดทรัพย์จำเลยชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลอนุญาต ต่อมาศาลสั่งให้ยกเลิกคำสั่งนี้ตามที่จำเลยร้องขอ ดังนี้ โจทก์ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อยึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้ว ไม่มีการขายหรือจำหน่าย โจทก์ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีร้อยละ 3 ครึ่งของราคาทรัพย์สินที่ยึดตามตาราง 5(3)
การที่ศาลอนุญาตให้ถอนหมายยึดตามวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำขอของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 261 นั้น เป็นเรื่องที่ศาลอนุญาตให้ถอนหมายยึดเท่านั้น ส่วนค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้ดำเนินการยึดไปแล้วโจทก์ยังมีหน้าที่ต้องเสียอยู่
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 เมื่อโจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์สินของจำเลยแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้โจทก์เป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ได้
การที่ศาลอนุญาตให้ถอนหมายยึดตามวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำขอของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 261 นั้น เป็นเรื่องที่ศาลอนุญาตให้ถอนหมายยึดเท่านั้น ส่วนค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้ดำเนินการยึดไปแล้วโจทก์ยังมีหน้าที่ต้องเสียอยู่
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 เมื่อโจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์สินของจำเลยแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้โจทก์เป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องเงินกู้ vs. ค่าทำไม้ไผ่ ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์กลับสู่คำพิพากษาศาลชั้นต้น และคืนค่าธรรมเนียมเกิน
คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 5,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 3,128 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ไป แต่จำเลยได้รับเงินล่วงหน้าค่าทำไม้ไผ่จากโจทก์ 3,128 บาท แล้วทำไม้ไผ่ส่งโจทก์เพียง 2,000 ลำ คิดเป็นเงิน 2,000 บาท จำเลยต้องคืนให้โจทก์ 1,128 บาท ดังนี้ เป็นการแก้ไขมาก
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้ไปจากโจทก์ จำเลยฟ้องแย้ง โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นเรียกค่าธรรมเนียมปิดมาท้ายฟ้องฎีกาเป็น 2 คดี รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 542.50 บาท จึงไม่ถูกต้อง เมื่อศาลชั้นต้นให้โจทก์ชนะ 3,535.90 บาท ศาลอุทธรณ์แก้ไขให้โจทก์ชนะ 1,128 บาท โจทก์ฎีกา จึงเป็นทุนทรัพย์ชั้นฎีกา 2,407.90 บาท คงเสียค่าขึ้นศาลเพียง 60 บาท ส่วนเรื่องฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องแย้งแล้ว โจทก์ไม่มีอะไรที่จะต้องฎีกาอีก โจทก์คงต้องเสียค่าธรรมเนียมเพียงคดีเดียวเท่านั้น เรียกเกินมา 342.50 บาท ให้คืนแก่โจทก์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้ไปจากโจทก์ จำเลยฟ้องแย้ง โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นเรียกค่าธรรมเนียมปิดมาท้ายฟ้องฎีกาเป็น 2 คดี รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 542.50 บาท จึงไม่ถูกต้อง เมื่อศาลชั้นต้นให้โจทก์ชนะ 3,535.90 บาท ศาลอุทธรณ์แก้ไขให้โจทก์ชนะ 1,128 บาท โจทก์ฎีกา จึงเป็นทุนทรัพย์ชั้นฎีกา 2,407.90 บาท คงเสียค่าขึ้นศาลเพียง 60 บาท ส่วนเรื่องฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องแย้งแล้ว โจทก์ไม่มีอะไรที่จะต้องฎีกาอีก โจทก์คงต้องเสียค่าธรรมเนียมเพียงคดีเดียวเท่านั้น เรียกเกินมา 342.50 บาท ให้คืนแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์บังคับคดีเกินความจำเป็นและเจตนาของเจ้าหนี้: หลักเกณฑ์การรับผิดค่าธรรมเนียม
คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาล โดยจำเลยที่ 1 ยอมใช้เงินแก่โจทก์ และจำเลยที่ 2 ยอมรับประกัน ศาลพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุด ต่อมาจำเลยผิดนัด โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน โดยก่อนจะยึดก็ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ขณะทำการยึดเจ้าพนักงานปิดประกาศหมายยึด จำเลยที่ 2 ก็ฉีกทำลายเสีย ทั้งได้ความว่าจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์ให้ยึดจริง เช่นนี้ คดีจึงยังไม่พอฟังว่าโจทก์แกล้งยึดโดยไม่สุจริต หรือเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอย่างใดไม่ ฉะนั้น แม้จะมีการชำระหนี้ภายหลังครบถ้วนแล้วก็ตาม จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมการยึดที่ไม่มีการขายนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์บังคับคดี การพิสูจน์ความสุจริตของผู้บังคับคดี และการรับผิดในค่าธรรมเนียม
คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาล โดยจำเลยที่ 1 ยอมใช้เงินแก่โจทก์ และจำเลยที่ 2 ยอมรับประกัน ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด ต่อมาจำเลยผิดนัด โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน โดยก่อนจะยึดก็ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ขณะทำการยึดเจ้าพนักงานปิดประกาศหมายยึด จำเลยที่ 2 ก็ฉีกทำลายเสีย ทั้งได้ความว่าจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์ให้ยึดจริง เช่นนี้ คดีจึงยังไม่พอฟังว่าโจทก์แกล้งยึดโดยไม่สุจริต หรือเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอย่างใดไม่ ฉะนั้น แม้จะมีการชำระหนี้ภายหลังครบถ้วนแล้วก็ตาม จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมการยึดที่ไม่มีการขายนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่ทุจริตเรียกเก็บค่าธรรมเนียมทางหลวง ยักยอกเงิน
จำเลยมีหน้าที่เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมเป็นรายได้รัฐบาล โดยขายบัตรให้แก่ผู้ใช้ทางหลวงสายพหลโยธินที่ผ่านประตูน้ำพระอินทร์ไปยังด่านรังสิตจำเลยได้นำบัตรของด่านรังสิตที่ใช้แล้วมาหมุนเวียนขายให้แก่ผู้ใช้ยานยนต์ซึ่งผ่านประตูน้ำพระอินทร์ไปยังด่านรังสิตแล้วยักยอกเอาเงินค่าธรรมเนียมขายบัตรนั้นเป็นประโยชน์ของตนเสีย ย่อมผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ไม่ผิดมาตรา 353.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่ทุจริตเรียกเก็บค่าธรรมเนียมทางหลวง ยักยอกเงินเข้าตนเอง
จำเลยมีหน้าที่เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมเป็นรายได้รัฐบาลโดยขายบัตรให้แก่ผู้ใช้ทางหลวงสายพหลโยธินที่ผ่านประตูน้ำพระอินทร์ไปยังด่านรังสิตจำเลยได้นำบัตรของด่านรังสิตที่ใช้แล้วมาหมุนเวียนขายให้แก่ผู้ใช้ยานยนต์ซึ่งผ่านประตูน้ำพระอินทร์ไปยังด่านรังสิตแล้วยักยอกเอาเงินค่าธรรมเนียมขายบัตรนั้นเป็นประโยชน์ของตนเสียย่อมผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ไม่ผิดตามมาตรา 353
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นฎีกาไม่ถูกต้องตามกฎหมายเนื่องจากไม่วางค่าธรรมเนียมภายในกำหนด ทำให้ศาลไม่รับฎีกา
จำเลยยื่นฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาต และให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องวางและชำระต่อศาลมาวางภายใน 15 วัน จำเลยฎีกาคำสั่ง ศาลฎีกาสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยจึงได้นำค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกามาชำระ เมื่อจำเลยไม่วางเงินค่าธรรมเนียมภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ ย่อมถือว่าจำเลยมิได้ยื่นฎีกาให้ถูกต้องตามกฎหมายภายในกำหนดเวลา จึงไม่เป็นฎีกาที่จะรับไว้พิจารณา