คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าเช่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 553 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเช่าค้างชำระ, การริบเงินประกัน, และค่าต่อเติมอาคารเช่า
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเท่ากับอัตราค่าเช่านับแต่วันที่จำเลยได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่า แม้ทางพิจารณาจะปรากฏว่าระยะเวลานั้น จำเลยจะอยู่โดยอาศัยสิทธิการเช่า ไม่ใช่การละเมิดศาลก็พิพากษาบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเช่าซึ่งมีอัตราเท่ากันให้โจทก์ได้
ผู้เช่าวางเงินไว้เป็นประกันการเช่า โดยมีข้อสัญญาว่าถ้าผู้เช่าผิดสัญญาเช่า ผู้ให้เช่ามีสิทธิริบเงินประกันนี้ได้ เงินประกันนี้จึงเป็นเบี้ยปรับเมื่อปรากฏว่า ผู้เช่าผิดสัญญาเช่าโดยไม่ชำระค่าเช่าตามกำหนดเวลาผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าที่ค้าง ทั้งมีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับอันพึงริบนั้นด้วยก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 381 คดีนี้แม้ผู้ให้เช่าซึ่งเป็นโจทก์จะมิได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเสียหายยิ่งไปกว่าค่าดอกเบี้ยตามกฎหมายแต่เมื่อศาลคำนวณค่าดอกเบี้ยของเงินค่าเช่านับแต่วันค้างชำระจนบัดนี้ไล่เลี่ยกับเงินประกันผู้ให้เช่าย่อมริบเงินประกันได้ทั้งหมด
ผู้เช่าต่อเติมและซ่อมแซมห้องเช่าเพื่อประโยชน์ในกิจการของผู้เช่าเองไม่ใช่เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเพื่อรักษาทรัพย์สินที่เช่าผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิดต่อผู้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 135/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าเพิ่มเติมมีผลผูกพัน แม้ยังไม่ได้ทำสัญญาใหม่เป็นลายลักษณ์อักษร หากตกลงกันแล้ว
ผู้เช่าทำสัญญา จ.1 เช่าทรัพย์พิพาทจากผู้ให้เช่า ค่าเช่าเดือนละ 500 บาท มี กำหนด 1 ปี และได้ทำหนังสือ จ.2 ไว้ต่อกันอีกหนึ่งฉบับ มีความในข้อ 1.ว่า"ฯลฯ ผู้เช่ามีสิทธิที่จะต่อสัญญา(จ.1)ได้อีก 1 ปี โดยต้องบอกกับผู้ให้เช่าก่อนล่วงหน้า 1 เดือน แล้วทำสัญญาขึ้นใหม่อีก 1 ฉบับ และต้องเพิ่มค่าเช่าเป็นเดือนละ 3,500 บาท" ปรากฎว่า ก่อนจะครบสัญญาเช่า 1 เดือน ผู้เช่าได้ให้คนไปติดต่อกับผู้ให้เช่าขอเช่าต่อ และผู้ให้เช่าก็ยอมให้เช่าต่อได้ เมื่อครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญา จ.1 แล้ว ผู้เช่าก็ยังคงครอบครองทรัพย์ที่เช่าต่อมาดังนี้ หนังสือ จ.2 ย่อมเป็นหลักฐานผูกมัดผู้เช่าให้ต้องชำระค่าเช่าสำหรับการเช่าต่อมาในอัตราเดือนละ 3,500 บาท กรณีนี้ แม้ผู้เช่ากับผู้ให้เช่ายังไม่ได้ทำสัญญากันใหม่อีกฉบับหนึ่งตามความในหนังสือ จ.2 ก็ตาม ก็เป็นที่ชัดแจ้งว่าข้อความส่วนที่ได้ตกลงกันแล้วย่อมเป็นอันสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 367 ไม่มีข้อสงสัยอันจะนับได้ว่า่ยังมิได้มีสัญญาต่อกันตามบทบัญญัติมาตรา 366 วรรค 2 นั้นอย่างใด ผู้เช่าจะเถียงว่าหนังสือ จ.2 ไม่มีผลบังคับ ผู้เช่าจึงมีสิทธิที่จะให้ค่าเช่าเพียงเดือนละ 500 บาทเท่าอัตราค่าเช่าตามสัญญา จ.1 เดิมนั้นหาได้ไม่ ทั้งกรณีไม่เข้ามาตรา 570 อันจะถือได้ว่าผู้ให้เช่ากับผู้เช่าเป็นอันทำสัญญาใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 135/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือ จ.2 เป็นหลักฐานผูกมัดค่าเช่าใหม่ แม้ยังไม่ได้ทำสัญญาใหม่ตามรูปแบบ
ผู้เช่าทำสัญญา จ.1 เช่าทรัพย์พิพาทจากผู้ให้เช่า ค่าเช่าเดือนละ 500 บาทมีกำหนด 1 ปี และได้ทำหนังสือจ.2 ไว้ต่อกันอีกหนึ่งฉบับ มีความในข้อ 1 ว่า'ฯลฯ ผู้เช่ามีสิทธิที่จะต่อสัญญา (จ.1) ได้อีก 1 ปี โดยต้องบอกกับผู้ให้เช่าก่อนล่วงหน้า 1 เดือนแล้วทำสัญญาขึ้นใหม่อีก 1 ฉบับ และต้องเพิ่มค่าเช่าเป็นเดือนละ 3,500 บาท' ปรากฏว่า ก่อนจะครบสัญญาเช่า1 เดือน ผู้เช่าได้ให้คนไปติดต่อกับผู้ให้เช่าขอเช่าต่อและผู้ให้เช่าก็ย่อมให้เช่าต่อได้ เมื่อครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญา จ.1 แล้ว ผู้เช่าก็ยังคงครอบครองทรัพย์ที่เช่าต่อมา ดังนี้ หนังสือ จ.2 ย่อมเป็นหลักฐานผูกมัดผู้เช่าให้ต้องชำระค่าเช่าสำหรับการเช่าต่อมาในอัตราเดือนละ 3,500 บาทกรณีนี้ แม้ผู้เช่ากับผู้ให้เช่ายังไม่ได้ทำสัญญากันใหม่อีกฉบับหนึ่งตามความในหนังสือ จ.2 ก็ตาม ก็เป็นที่ชัดแจ้งว่าข้อความส่วนที่ได้ตกลงกันแล้วย่อมเป็นอันสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 367 ไม่มีข้อสงสัยอันจะนับได้ว่ายังมิได้มีสัญญาต่อกันตามบทบัญญัติมาตรา366 วรรค 2 นั้นอย่างใด ผู้เช่าจะเถียงว่าหนังสือจ.2 ไม่มีผลบังคับ ผู้เช่าจึงมีสิทธิที่จะให้ค่าเช่าเพียงเดือนละ 500 บาทเท่าอัตราค่าเช่าตามสัญญา จ.1เดิมนั้นหาได้ไม่ ทั้งกรณีไม่เข้ามาตรา 570 อันจะถือได้ว่าผู้ให้เช่ากับผู้เช่าเป็นอันทำสัญญาใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิเรียกร้องค่าเช่าและการชำระค่าเช่าให้แก่บุคคลที่ไม่มีสิทธิ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าโกดังของโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2501 ถึง พฤษภาคม 2502 รวม 14 เดือน โดยจำเลยกลับไปชำระให้นางเยี่ยมศรีซึ่งไม่มีสิทธิ จำเลยให้การต่อสู้ด้วยว่า เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2502 จำเลยได้รับหนังสือจากทนายของโจทก์แจ้งให้ชำระค่าเช่าแก่โจทก์ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2502 เป็นต้นไป และห้ามชำระแก่นางเยี่ยมศรี ที่ชำระไปแล้วโจทก์จะเรียกจากนางเยี่ยมศรีเอง โจทก์มิได้แถลงรับในข้อนี้ เมื่อศาลนัดพร้อม และคู่ความไม่สืบพยาน แต่ตามคำแถลงการณ์ของโจทก์ก่อนศาลพิพากษาคดีโจทก์กล่าวถึงหนังสือของทนายโจทก์ดังที่จำเลยกล่าวอ้างนี้ด้วย ดังนี้ เป็นการรับข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยแล้ว และโจทก์จะอ้างว่าตามหนังสือดังกล่าว โจทก์เสนอให้จำเลยชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2502 ให้โจทก์ แล้วโจทก์จะไม่เรียกร้องค่าเช่าก่อนนั้น (ค่าเช่า 14 เดือนที่ฟ้อง) จากจำเลย หาได้ไม่ เพราะไม่อาจถือว่าโจทก์สละสิทธิไม่เรียกร้องค่าเช่าเดือนก่อน ๆ นั้นจากจำเลยอีก โดยจะเรียเอาจากนางเยี่ยมศรีแทน เมื่อปรากฏตามหนังสือดังกล่าวโจทก์สละสิทธิไม่เรียกร้องเอากับจำเลยโดยจะเรียกคืนจากนางเยี่ยมศรีเองแล้ว
โจทก์จะอ้างว่าจำเลยมีหน้าที่ชำระค่าเช่านั้นแก่โจทก์ผู้ให้เช่า ที่จำเลยชำระให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิรับชำระไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิดต่อโจทก์ แล้วจะกลับมารื้อฟื้นเรียกร้องเอาจากจำเลยอีกย่อมไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิเรียกร้องค่าเช่าและการชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิส่งผลให้โจทก์หมดสิทธิเรียกร้องจากจำเลย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าโกดังของโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2501 ถึง พฤษภาคม 2502 รวม18 เดือน โดยจำเลยกลับไปชำระให้นางเยี่ยมศรีซึ่งไม่มีสิทธิ จำเลยให้การต่อสู้ด้วยว่า เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2502 จำเลยได้รับหนังสือจากทนายของโจทก์แจ้งให้ชำระค่าเช่าแก่โจทก์แต่เดือนมิถุนายน 2502 เป็นต้น และห้ามชำระแก่นางเยี่ยมศรีที่ชำระไปแล้วโจทก์จะเรียกจากนางเยี่ยมศรีเอง โจทก์มิได้แถลงรับในข้อนี้เมื่อศาลนัดพร้อม และคู่ความไม่สืบพยาน แต่ตามคำแถลงการณ์ของโจทก์ก่อนศาลพิพากษาคดีโจทก์กล่าวถึงหนังสือของทนายโจทก์ดังที่จำเลยกล่าวอ้างด้วย ดังนี้ เป็นการรับข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยแล้ว และโจทก์จะอ้างว่าตามหนังสือดังกล่าวนี้ โจทก์เสนอให้จำเลยชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2502 ให้โจทก์ แล้วโจทก์จะไม่เรียกร้องค่าเช่าก่อนนั้น (ค่าเช่า 14 เดือนที่ฟ้อง) จากจำเลย หาได้ไม่ เพราะไม่อาจถือได้ว่ามีข้อความตั้งข้อแม้ไว้เช่นนั้นและถือได้ว่าโจทก์สละสิทธิไม่เรียกร้องค่าเช่าเดือนก่อนๆ นั้นจากจำเลยอีก โดยจะเรียกเอาจากนางเยี่ยมศรีแทน เมื่อปรากฏตามหนังสือดังกล่าวว่าโจทก์สละสิทธิไม่เรียกร้องเอากับจำเลยโดยจะเรียกคืนจากนางเยี่ยมศรีเองแล้วโจทก์จะอ้างว่าจำเลยมีหน้าที่ชำระค่าเช่านั้นแก่โจทก์ผู้ให้เช่า ที่จำเลยชำระให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิรับชำระไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิดต่อโจทก์ แล้วจะกลับมารื้อฟื้นเรียกร้องเอาจากจำเลยอีกย่อมไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237-244/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสัญญาเช่านา การบอกเลิกสัญญา และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย/ค่าเช่าที่ค้างชำระ
คดีที่จำเลยตายเสียก่อนได้รับสำเนาฟ้องอุทธรณ์นั้น จะดำเนินต่อไปได้ก็ต่อเมื่อได้มีผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ และศาลจะต้องมีคำสั่งอนุญาตด้วย
การคุ้มครองที่จะได้รับตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2493 ในกรณีที่จะบังคับไม่ให้ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาและขับไล่ผู้เช่าออกจากที่นานั้น จะมีได้ก็แต่ในระหว่างที่สัญญาเช่ายังมีอายุอยู่เท่านั้น
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ เมื่อผู้ให้เช่าเป็นโจทก์ฟ้อง แม้จำเลยให้การรับว่าได้เป็นผู้เช่าแต่ต่อสู้ไม่ยอมออกจากที่เช่านั้น หาใช่หลักฐานเป็นหนังสืออันโจทก์จะฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237-244/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสัญญาเช่า การคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา และสิทธิเรียกร้องค่าเช่า/ค่าเสียหาย
คดีที่จำเลยตายเสียก่อนได้รับสำเนาฟ้องอุทธรณ์นั้น จะดำเนินต่อไปก็ได้เมื่อได้มีผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ และศาลจะต้องมีคำสั่งอนุญาตด้วย
การคุ้มครองที่จะได้รับตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2493 ในกรณีที่จะบังคับไม่ให้ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่าและขับไล่ผู้เช่าออกจากที่นานั้น จะมีได้ก็แต่ในระหว่างที่สัญญาเช่ายังมีอายุอยู่เท่านั้น
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือเมื่อผู้ให้เช่าเป็นโจทก์ฟ้องแม้จำเลยให้การรับว่าได้เป็นผู้เช่าแต่ต่อสู้ไม่ยอมออกจากที่เช่านั้น หาใช่หลักฐานเป็นหนังสืออันโจทก์จะฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ให้เช่าทรัพย์สินมีหน้าที่เสียภาษีจากค่าเช่า แม้จะโอนค่าเช่าให้ผู้อื่น
ตามบทบัญญัติประมวลรัษฎากร ผู้ใดให้เช่าทรัพย์สินอันเป็นเหตุให้ได้ค่าเช่ามา ผู้นั้นจึงเป็นผู้ต้องเสียภาษีเงินได้ ฉะนั้น เมื่อโจทก์เป็นเจ้าของและผู้ให้เช่าเครื่องเรือน ค่าเช่าที่ได้มาย่อมเป็นเงินได้ การที่โจทก์จำหน่ายเงินได้นี้โดยยกให้บุคคลอื่นหรือใช้จ่ายในเหตุอื่นก็ตาม โจทก์ก็หาพ้นจากหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ในเงินค่าเช่าเครื่องเรือนนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ให้เช่าทรัพย์สินมีหน้าที่เสียภาษีจากค่าเช่า แม้จะมอบค่าเช่าให้ผู้อื่น
ตามบทบัญญัติประมวลรัษฎากร ผู้ใดให้เช่าทรัพย์สินอันเป็นเหตุให้ได้ค่าเช่ามาผู้นั้นจึงเป็นผู้ต้องเสียภาษีเงินได้ ฉะนั้นเมื่อโจทก์เป็นเจ้าของ และผู้ให้เช่าเครื่องเรือนค่าเช่าที่ได้มาย่อมเป็นเงินได้ การที่โจทก์จำหน่ายเงินได้นี้โดยยกให้บุคคลอื่นหรือใช้จ่ายในเหตุอื่นก็ตาม โจทก์ก็หาพ้นจากหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ในเงินค่าเช่าเครื่องเรือนนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าต่ออายุโดยปริยาย: การบอกเลิกสัญญาต้องเป็นไปตามข้อตกลงเดิม และการชำระค่าเช่าต่อเนื่องแสดงถึงการไม่มีเจตนาบอกเลิก
สัญญาเช่าที่ระบุว่า "เมื่อผู้เช่าต้องการห้องเช่าคืนหรือผู้เช่าจะต้องการคืนห้องทั้งสองฝ่ายจะต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน 30 วัน" นั้นมีความหมายว่าถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดบอกเลิกสัญญาเช่าจะต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน 30 วัน
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ เมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่า ผู้เช่ายังคงครอบครองทรัพย์สินอยู่โดยผู้ให้เช่าไม่ทักท้วง กฎหมายถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลานั้น ข้อสัญญาบอกกล่าวเดิมก็ยังคงเป็นข้อสัญญาเช่ากันใหม่ต่อไปด้วย ฉะนั้น เมื่อผู้ให้เช่ามิได้บอกเลิกสัญญาก่อน ก็ต้องถือว่าสัญญาเช่านั้นยังคงมีอยู่ต่อกันผู้ให้เช่าจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่า
แม้คณะกรรมการควบคุมค่าเช่าจะได้ลงมติให้ผู้ให้เช่าได้เข้าอยู่เองในห้องเช่าก็เป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าต่อผู้เช่าก่อน (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2505)
of 56