คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฉ้อโกง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 938 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5886/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงโดยการให้คำรับรองเท็จเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สิน ผู้กระทำมีความผิดฐานฉ้อโกง
จำเลยติดต่อขอซื้อข้าวเปลือกจากผู้เสียหาย โดยขอชำระราคาด้วยเช็คที่ ว.เป็นผู้ลงชื่อสั่งจ่ายให้ไว้ และจำเลยพูดรับรองว่าหากเช็คที่จำเลยมอบให้ขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยจะเป็นผู้รับผิดชอบเองโดยจะขายนา 30 ไร่ ของจำเลยมาชำระราคาข้าวเปลือกให้แก่ผู้เสียหายจนครบ ดังนี้ การที่ผู้เสียหายยินยอมขายข้าวเปลือกตามฟ้องให้แก่จำเลยกับพวกโดยยอมรับเช็คซึ่ง ว.สั่งจ่ายไว้เพื่อการชำระราคาข้าวเปลือก ก็เพราะจำเลยเป็นผู้ให้คำรับรอง เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้จำเลยกลับปฏิเสธความรับผิดไม่ยอมรับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น อ้างว่าตนเป็นเพียงนายหน้าให้ ว.เท่านั้น พฤติการณ์ของจำเลยแสดงว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวงเพื่อเอาข้าเปลือกของผู้เสียหายทั้งสาม มีแผนการร่วมกับ ว.เจ้าของเช็ค โดยการให้คำรับรองด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้เสียหายมาแต่ต้น จนผู้เสียหายหลงเชื่อยอมมอบข้าวเปลือกให้แก่จำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับพวกฉ้อโกงโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5886/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงโดยใช้คำรับรองเท็จ: การหลอกลวงให้ผู้เสียหายมอบข้าวเปลือกโดยอ้างจะขายนาชดใช้
จำเลยติดต่อขอซื้อข้าวเปลือกจากผู้เสียหาย โดยขอชำระราคาด้วยเช็คที่ ว. เป็นผู้ลงชื่อสั่งจ่ายให้ไว้ และจำเลยพูดรับรองว่าหากเช็คที่จำเลยมอบให้ขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยจะเป็นผู้รับผิดชอบเองโดยจะขายนา 30 ไร่ ของจำเลยมาชำระราคาข้าวเปลือกให้แก่ผู้เสียหายจนครบ ดังนี้การที่ผู้เสียหายยินยอมขายข้าวเปลือกตามฟ้องให้แก่จำเลยกับพวกโดยยอมรับเช็คซึ่ง ว. สั่งจ่ายไว้เพื่อเป็นการชำระราคาข้าวเปลือก ก็เพราะจำเลยเป็นผู้ให้คำรับรอง เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้จำเลยกลับปฏิเสธความรับผิดไม่ยอมรับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น อ้างว่าตนเป็นเพียงนายหน้าให้ ว.เท่านั้น พฤติการณ์ของจำเลยแสดงว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวงเพื่อเอาข้าวเปลือกของผู้เสียหายทั้งสาม มีแผนการร่วมกับ ว. เจ้าของเช็ค โดยการให้คำรับรองด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อสู้เสียหายมาแต่ต้น จนผู้เสียหายหลงเชื่อยอมมอบข้าวเปลือกให้แก่จำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับพวกฉ้อโกงโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงขายข้อสอบและใช้ครุยวิทยฐานะโดยมิชอบ ศาลพิพากษาผิดฐานฉ้อโกงและละเมิดสิทธิการใช้ครุย
จำเลยโฆษณาหลอกลวงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคำแหงเพื่อขายข้อสอบที่จำเลยเขียนขึ้นเองเพื่อให้นักศึกษาที่ซื้อข้อสอบจากจำเลยหลงเชื่อว่าเป็นข้อสอบจริงที่จะออกสอบ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการหลอกลวงประชาชนทั่วไป จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 คงมีความผิดตามมาตรา 341 เท่านั้น
จำเลยกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงคณะนิติศาสตร์ยังไม่สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี จำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะสวมครุยวิทยฐานะเพื่อแสดงให้ผู้พบเห็นเชื่อว่าจำเลยสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว การที่จำเลยสวมเสื้อครุยปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงถ่ายภาพแล้วนำภาพถ่ายดังกล่าวมาตั้งไว้บนโต๊ะที่จำเลยขายข้อสอบ จึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. 2514 มาตรา 48

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงนักศึกษาขายข้อสอบปลอมและการสวมครุยวิทยฐานะโดยมิชอบ
จำเลยโฆษณาหลอกลวงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคำแหงเพื่อขายข้อสอบที่จำเลยเขียนขึ้นเองเพื่อให้นักศึกษาที่ซื้อข้อสอบจากจำเลยหลงเชื่อว่าเป็นข้อสอบจริงที่จะออกสอบ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการหลอกลวงประชาชนทั่วไป จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 คงมีความผิดตามมาตรา 341 เท่านั้น
จำเลยกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงคณะนิติศาสตร์ยังไม่สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี จำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะสวมครุยวิทยฐานะเพื่อแสดงให้ผู้พบเห็นเชื่อว่าจำเลยสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว การที่จำเลยสวมเสื้อครุยปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงถ่ายภาพแล้วนำภาพถ่ายดังกล่าวมาตั้งไว้บนโต๊ะที่จำเลยขายข้อสอบ จึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. 2514 มาตรา 48.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5409/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยินยอมไม่ว่ากล่าวในหนี้: สัญญาประนีประนอมยอมความขัดขวางการฟ้องฉ้อโกงภายหลัง
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยโจทก์ยอมยกเลิกเงินที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ตามสัญญากู้ และที่จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามสัญญาขายฝาก ให้จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวรับผิดชดใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม ดังนี้แม้โจทก์จะรู้เรื่องการฉ้อโกงตามสัญญาขายฝากและสัญญากู้ภายหลังที่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมก็ตามโจทก์จะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานฉ้อโกงไม่ได้ เพราะเป็นการยินยอมไม่ว่ากล่าวในหนี้รายนี้ต่อกันแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5353/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฉ้อโกงและการเริ่มนับอายุความในคดีฉ้อโกง การทราบความจริงเป็นสำคัญ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ก่อสร้างต่อเติมบ้านโดยออกเช็คลงวันที่ 3 เมษายน 2530 ชำระค่าจ้างแก่โจทก์บางส่วนพร้อมกับกล่าวรับรองว่าโจทก์สามารถรับเงินได้แน่นอนเพราะจำเลยมีเงินในธนาคารพร้อมอยู่แล้วซึ่งเป็นความเท็จ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2530 โดยให้เหตุผลว่าบัญชีปิดแล้ว โจทก์ทวงถามจำเลยก็ผัดผ่อนเรื่อยมาจนกระทั่งวันที่5 สิงหาคม 2530 โจทก์ให้ทนายความไปตรวจสอบจากธนาคารตามเช็คจึงทราบว่าบัญชีของจำเลยปิดแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม 2529 ตามฟ้องของโจทก์ย่อมเข้าใจได้ว่าในขณะที่จำเลยออกเช็คนั้นบัญชีของจำเลยปิดแล้ว แต่จำเลยปกปิดความจริง ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาหลอกลวงโจทก์ซึ่งเข้าลักษณะฉ้อโกงตามกฎหมาย แม้ธนาคารแจ้งให้โจทก์ทราบว่าบัญชีปิดแล้วเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2530ธนาคารก็มิได้แจ้งว่าบัญชีปิดเมื่อใด โจทก์จึงไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยมีเจตนาฉ้อโกงโจทก์ จากคำบรรยายฟ้องของโจทก์พอเข้าใจได้ว่าโจทก์เพิ่งรู้เรื่องความผิดคดีนี้เมื่อวันที่ 5สิงหาคม 2530 โจทก์มาฟ้องวันที่ 6 ตุลาคม 2530 คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5219/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินให้แต่ไม่ทำตามกม. และการรับมรดกโดยชอบธรรม ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
ฟ.พูดยกให้บางส่วนซึ่งที่ดินที่มีโฉนดอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ให้โจทก์ แต่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่การยกให้ดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ ที่ดินยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามกฎหมาย เมื่อ ฟ.ตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ ที่ดินย่อมเป็นทรัพย์มรดกของ ฟ.ตกได้แก่จำเลยผู้เป็นทายาทโดยธรรมของ ฟ.การที่จำเลยรับมรดกที่ดินดังกล่าว แล้วนำไปขายให้แก่บุคคลภายนอก จึงไม่กระทบกระเทือนสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5219/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินให้โดยไม่ทำตามฟอร์มกฎหมายไม่สมบูรณ์ ที่ดินยังเป็นมรดกของทายาท การขายโดยทายาทไม่เป็นฉ้อโกง
ฟ. พูดยกให้บางส่วนซึ่งที่ดินที่มีโฉนดอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ให้โจทก์ แต่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การยกให้ดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ ที่ดินยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามกฎหมาย เมื่อ ฟ. ตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ ที่ดินย่อมเป็นทรัพย์มรดกของ ฟ.ตกได้แก่จำเลยผู้เป็นทายาทโดยธรรมของฟ.การที่จำเลยรับมรดกที่ดินดังกล่าว แล้วนำไปขายให้แก่บุคคลภายนอกจึงไม่กระทบกระเทือนสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเครื่องชั่งเพื่อฉ้อโกงประชาชน ศาลยืนโทษจำคุกเพื่อปราบปรามและป้องกันการลอกเลียนแบบ
จำเลยได้แก้เครื่องชั่งถึง 2 เครื่อง และใช้เครื่องชั่งชั่งสินค้าเอาเปรียบประชาชนทั่ว ๆ ไป ทั้งที่กฎหมายบัญญัติอัตราโทษไว้สูงสำหรับความผิดประเภทนี้จำเลยหาเกรงกลัวไม่ เพื่อให้บังเกิดผลในการปราบปรามและมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่นต่อไป จึงชอบที่จะลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษ.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3688/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เงินสดแสดงเพื่อหลอกลวงในการฉ้อโกง ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33
การที่จำเลยหลอกลวงขอซื้อสร้อยคอทองคำจากผู้เสียหายโดยนำเงินของกลางออกมาแสดงให้ผู้เสียหายดูแล้วนำไปซุกซ่อนไว้ที่อื่นและบอกผู้เสียหายว่าได้ชำระค่าสร้อยคอทองคำให้แล้วนั้น การแสดงเงินของกลางให้ผู้เสียหายดู ไม่เกี่ยวกับการกล่าวเท็จว่าได้ชำระเงินให้แล้ว ฉะนั้นเงินของกลางดังกล่าวจึงมิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1)
of 94