พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: ภยันตรายใกล้ถึงและการใช้กำลังพอสมควร
ผู้เสียหายใช้ไม้แก่นกลมเสันผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ยาวประมาณ1 เมตรเป็นอาวุธทำร้ายจำเลยหลายครั้ง และขณะจำเลยล้มลงไปที่พื้นดิน ผู้เสียหายจะใช้ไม้นั้นตีซ้ำอีก นับเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและยากที่จะหนีให้พ้นภยันตรายนั้นได้ทันท่วงที เพราะผู้เสียหายอยู่ห่างจำเลยประมาณ2-3 เมตรเท่านั้น จำเลยจึงยิงผู้เสียหายเพียง 1 นัดในขณะนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: ภยันตรายใกล้ถึงจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย และการใช้สิทธิป้องกันตัวที่ชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ตายรูปร่างแข็งแรงสูงใหญ่กว่าจำเลยซึ่งเป็นหญิงและนิ้วมือขวาพิการ ผู้ตายด่าว่าจำเลยด้วยคำหยาบต่อหน้าคนจำนวนมาก จำเลยบอกให้ผู้ตายหยุดด่า ผู้ตายไม่เชื่อฟัง กลับใช้ร่มยาวประมาณ 1 ศอก ที่ปลายมีเหล็กแหลม ตีศีรษะและลำตัวจำเลยหลายที พร้อมกับพูดว่า ตีมันให้ตาย จำเลยถอยหลังหนีจนสะดุดขาตัวเองล้มลงในซอกจอดรถที่ไม่มีทางไปอีก จำเลยจึงชักปืนออกมาขู่ไม่ให้ผู้ตายเข้ามา แต่ผู้ตายไม่ยอมหยุดยั้ง จำเลยร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นก็ไม่มีผู้ใดช่วย จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตาย 2 นัด ถึงแก่ความตาย เช่นนี้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขัดขวางการบุกรุก และการใช้สิทธิเพื่อปกป้องทรัพย์สินโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยถอนเสารั้วของโจทก์แล้ววางไว้ เพื่อระงับยับยั้งมิให้โจทก์ขุดหลุมปักเสาในที่ดิน ซึ่งจำเลยเข้าใจหรือเชื่อว่าอยู่ในเขตของจำเลย เป็นการกระทำโดยเจตนาใช้สิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของตนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เป็นเหตุสมควรที่จำเลยจะปฏิบัติเช่นนั้นได้ เพื่อยังให้ความเสียหายหรือเดือดร้อนสิ้นไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้นที่รโหฐาน: การค้นต่อหน้าบุคคลในครอบครัว หรือบุคคลอื่นที่เจ้าพนักงานขอร้องเป็นพยาน ถือเป็นการชอบ
การค้นในที่รโหฐานนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 102 บัญญัติให้ทำการค้นต่อหน้าผู้ครอบครองสถานที่หรือบุคคลในครอบครัวของผู้นั้น เท่าที่สามารถจะทำได้ หรือถ้าหาบุคคลเช่นกล่าวนั้นไม่ได้ ก็ให้ค้นต่อหน้าบุคคลอื่นอย่างน้อย 2 คน ซึ่งเจ้าพนักงานได้ขอร้องมาเป็นพยาน ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าสามารถทำการค้นได้ต่อหน้าคนอื่น ฉะนั้น การที่จำเลยกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานทำการค้นบ้านโจทก์ต่อหน้ามารดาโจทก์และบุคคลอื่นอีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งจำเลยขอร้องมาเป็นพยาน จึงอาจเป็นกรณีที่จำเลยกระทำเท่าที่สามารถจะทำได้ และไม่อาจจะหาบุคคลอื่นใดมาเป็นพยานในการค้นของจำเลยมากไปกว่านั้น ถือได้ว่าเป็นการค้นที่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2574/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งห้ามชั่วคราวชอบด้วยกฎหมาย เมื่อโจทก์กระทำซ้ำการผิดสัญญาตามฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามชั่วคราวตามคำร้องขอของจำเลยที่ฟ้องแย้งให้โจทก์ระงับการก่อสร้างใด ๆ ในทางภาระจำยอม ให้โจทก์เปิดทางที่กั้นทั้งหมดรวมทั้งรื้อถอนเสาในถนนด้านทิศใต้ออก ให้โจทก์ขนสัมภาระที่กีดขวางทางภาระจำยอมออกไปให้หมด เพราะโจทก์กำลังทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งเป็นการผิดสัญญาตามที่จำเลยกล่าวอ้างในคำขอ โจทก์ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยอ้างลอย ๆ เพียงว่าโจทก์ไม่ได้กระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดหรือการผิดสัญญา ซึ่งข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์กระทำซ้ำตามที่ศาลสั่งห้ามนั้นโจทก์รับแล้วว่าขณะนั้นโจทก์กำลังกระทำอยู่จริง โจทก์ไม่ได้โต้เถียงว่าคำสั่งศาลชั้นต้นสั่งโดยไม่มีเหตุเพียงพอหรือไม่มีเหตุสมควรตามกฎหมายหรือมีเหตุอื่นที่จะเพิกถอนคำสั่งห้ามของศาลชั้นต้น กรณีไม่มีเหตุที่จะต้องทำการไต่สวนที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์โดยไม่ทำการไต่สวนนั้นชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2574/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งห้ามชั่วคราวชอบด้วยกฎหมายเมื่อโจทก์กระทำซ้ำการผิดสัญญาภารจำยอม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามชั่วคราวตามคำร้องขอของจำเลยที่ฟ้องแย้งให้โจทก์ระงับการก่อสร้างใดๆ ในทางภารจำยอม ให้โจทก์เปิดทางที่กั้นทั้งหมดรวมทั้งรื้อถอนเสาในถนนด้านทิศใต้ออก ให้โจทก์ขนสัมภาระที่กีดขวางทางภารจำยอมออกไปให้หมด เพราะโจทก์กำลังทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งเป็นการผิดสัญญาตามที่จำเลยกล่าวอ้างในคำขอ โจทก์ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยอ้างลอยๆ เพียงว่าโจทก์ไม่ได้กระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดหรือการผิดสัญญา ซึ่งข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์กระทำซ้ำตามที่ศาลสั่งห้ามนั้นโจทก์รับแล้วว่าขณะนั้นโจทก์กำลังกระทำอยู่จริง โจทก์ไม่ได้โต้เถียงว่าคำสั่งศาลชั้นต้นสั่งโดยไม่มีเหตุเพียงพอหรือไม่มีเหตุสมควรตามกฎหมายหรือมีเหตุอื่นที่จะเพิกถอนคำสั่งห้ามของศาลชั้นต้น กรณีไม่มีเหตุที่จะต้องทำการไต่สวน ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์โดยไม่ทำการไต่สวนนั้นชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024-2025/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาจำเลยหลายแห่ง การส่งคำบังคับชอบด้วยกฎหมาย แม้มีการย้ายที่อยู่
จำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไปประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 45 ให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนา บ้านแห่งหนึ่งจึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลย การที่พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งแล้วปิดคำบังคับไว้ที่บ้านแห่งนั้น จึงเป็นการส่งคำบังคับที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันทรัพย์สินโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้กระแสไฟฟ้าป้องกันการลักทรัพย์
โรงเก็บของของจำเลยอยู่ในบริเวณสวนของจำเลย มีรั้วต้นพู่ระหงปลูกเป็นแนวเขต จำเลยเก็บของอันมีค่าเช่นเครื่องยนต์สูบน้ำและอุปกรณ์อื่นๆไว้ ทรัพย์สินที่จำเลยเก็บไว้ในโรงเก็บของเคยถูกคนร้ายลักไปในตำบลที่เกิดเหตุมีคนร้ายชุกชุม จำเลยเอาเส้นลวดขึงที่โรงเก็บของและปล่อยกระแสไฟฟ้าจากบ้านไว้เพื่อป้องกันคนร้ายผู้ตายกับพวกอีก 3 คนบุกรุกเข้าไปที่โรงเก็บของในเวลาวิกาล โดยเจตนาจะลักทรัพย์ ในมือผู้ตายมีเหล็กไขควง 1 อัน แต่ผู้ตายไปถูกเส้นลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ถึงแก่ความตายเสียก่อน มิฉะนั้นผู้ตายกับพวกย่อมลักทรัพย์ของจำเลยไปได้ นับได้ว่าภยันตรายที่จะเกิดแก่ทรัพย์สินของจำเลยใกล้จะถึงแล้ว ถ้าจำเลยไปพบเห็นเข้า จำเลยย่อมมีสิทธิทำร้ายผู้ตายกับพวกเพื่อป้องกันทรัพย์สินของจำเลยได้ ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งคำบังคับชอบด้วยกฎหมาย แม้โจทก์ย้ายที่อยู่ แต่ยังใช้ที่อยู่เดิมในฟ้องและชั้นพิจารณา
ศาลพิพากษาให้โจทก์ใช้เงินแก่จำเลยและออกคำบังคับส่งให้โจทก์ทราบ ในการส่งคำบังคับจำเลยได้นำเจ้าพนักงานเดินหมายส่งคำบังคับให้โจทก์ที่บ้านเลขที่773/12 อันเป็นที่อยู่ที่โจทก์ระบุไว้ในคำฟ้องของโจทก์และโจทก์ได้ใช้ที่อยู่ดังกล่าวตลอดมา โดยมี พ. อายุเกิน 20 ปี อยู่ที่บ้านดังกล่าวเต็มใจรับคำบังคับไว้แทนและไม่ปรากฏว่า พ. รับคำบังคับไว้แทนโจทก์โดยหลงผิดดังนี้นับว่าได้มีการส่งคำบังคับแก่โจทก์โดยชอบแล้วแม้โจทก์จะได้ย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 733/7 นานแล้วแต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์เคยอยู่ที่บ้านเลขที่ 773/12 อันเป็นที่อยู่ของโจทก์ตามฟ้องก่อนโจทก์ฟ้องคดี และเมื่อฟ้องคดีและตลอดมาในชั้นพิจารณา โจทก์ก็ใช้ที่อยู่ที่บ้านเลขที่ 773/12 ไม่เคยแถลงต่อศาลว่าได้ย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 733/7 แต่อย่างใด พฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้บ้านเลขที่ 773/12 เป็นที่อยู่ของโจทก์อีกแห่งหนึ่งด้วย การส่งคำบังคับให้โจทก์จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงให้ผลคดีหนึ่งผูกพันอีกคดีหนึ่งชอบด้วยกฎหมาย หากคดีทั้งสองเกี่ยวข้องกันและมีเหตุผลสนับสนุน
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยได้นำรังวัดที่ดินของจำเลยเพื่อออก น.ส.3 แต่ได้นำรังวัดเอาที่พิพาทรวมเข้าไปด้วย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่พิพาทออกจาก น.ส.3 และห้ามเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินของบิดาจำเลยได้บุกเบิกแผ้วถางทำประโยชน์มานาน 40 ปีแล้ว ต่อมาบิดาจำเลยตายที่ดินนี้จึงตกได้แก่จำเลย ชั้นพิจารณามีการทำแผนที่พิพาท ปรากฏว่าที่ดินตาม น.ส.3 ของจำเลยนอกจากจะพิพาทกับโจทก์ ยังพิพาทกับ จ. โดยที่พิพาทคดีนี้กับคดีนั้นอยู่ติดกัน โจทก์จำเลยถึงแถลงร่วมกันว่าไม่ติดใจสืบพยาน โดยตกลงท้ากันว่าเมื่อคดีถึงที่สุดหาก จ.ชนะคดีก็ให้ถือว่าคดีนี้โจทก์เป็นฝ่ายชนะ ถ้าคดีนั้นจำเลยชนะก็ให้ถือว่าคดีนี้จำเลยเป็นฝ่ายชนะ ต่อมาคดีที่จำเลยพิพาทกับ จ. นั้น ศาลฎีกาพิพากษาให้ จ.ชนะคดี ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาในคดีนี้ให้จำเลยแบ่งแยกที่พิพาทออกจาก น.ส.3 ของจำเลย และห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าที่พิพาททั้งสองคดีนี้อยู่ติดกัน และต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงใหญ่ตาม น.ส.3 ของจำเลย จำเลยได้ขอออก น.ส.3 ครอบที่พิพาททั้งสองแปลงเข้าไปด้วย และทั้งสองคดีจำเลยให้การต่อสู้ทำนองเดียวกัน คดีทั้งสองจึงเกี่ยวข้องกัน มิใช่เป็นเรื่องเอาเหตุการณ์ภายนอกมาเป็นข้อท้าแต่อย่างใด การที่ให้ถือเอาผลแห่งคำพิพากษาคดีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันอยู่มาเป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้ มีผลให้บังคับคดีนี้ได้ ย่อมถือว่าเป็นคำท้าที่ชอบด้วยกฎหมาย หามีลักษณะเป็นการพนันขันต่อแต่อย่างใดไม่