คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกาต้องห้าม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 496 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: การโต้แย้งการกระทำโดยไม่มีเจตนาทุจริตและกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยจับสุกรของโจทก์ร่วมไปโดยมีเจตนาเพื่อจะนำเงินที่ขายสุกรได้มาหักหนี้ที่โจทก์ร่วมเป็นหนี้จำเลยดังที่ได้เคยปฏิบัติต่อกันมาจำเลยไม่มีเป็นเจตนาทุจริตลักสุกรของโจทก์ร่วมดังนี้การที่โจทก์ร่วมฎีกาว่ามิได้ยินยอมให้จับสุกรสุกรยังเป็นกรรมสิทธิ์ของตนอยู่จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์และฎีกาที่หยิบยกคำพยานขึ้นกล่าวอ้างเพื่อให้ศาลฟังว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา220.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4613/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 กรณีศาลอุทธรณ์แก้โทษและรอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือนและให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ดังนี้ ถือไม่ได้ว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกินหนึ่งปี เป็นคดีต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3829/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม เนื่องจากศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีเกี่ยวกับสินค้าหนีภาษี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 284,487 บาท 60 สตางค์ คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3829/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง คดีศุลกากร ความผิดฐานหลีกเลี่ยงอากร
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 284,487 บาท 60 สตางค์ คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3820/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเนื่องจากศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นและเปลี่ยนโทษเป็นกักขัง ทำให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่รับวินิจฉัย
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้ เปลี่ยนโทษจำคุก ๑ เดือนเป็นกักขังแทน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘
จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่มีเจตนาทุจริต พยานหลักฐานของจำเลยฟังได้ และควรรอการลงโทษจำเลยหรือกักขังในสถานที่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลย ซึ่งล้วนแต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3820/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเนื่องจากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง ประเด็นข้อเท็จจริงจึงไม่อาจฎีกาได้
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้เปลี่ยนโทษจำคุก 1 เดือนเป็นกักขังแทน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่มีเจตนาทุจริต พยานหลักฐานของจำเลยฟังได้และควรรอการลงโทษจำเลยหรือกักขังในสถานที่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลย ซึ่งล้วนแต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3820/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง กรณีศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นและเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้เปลี่ยนโทษจำคุก1เดือนเป็นกักขังแทนจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218 จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตพยานหลักฐานของจำเลยฟังได้และควรรอการลงโทษจำเลยหรือกักขังในสถานที่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยซึ่งล้วนแต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: การโต้แย้งดุลพินิจศาลในการฟังพยานและลงโทษ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดแต่ละกระทงไม่เกิน1ปีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ.มาตรา218 ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าเจ้าพนักงานจับกุมตัวจำเลยตามที่ผู้เสียหายแจ้งจำเลยหลบหนีไประหว่างที่เจ้าพนักงานควบคุมตัวจำเลยจำเลยฎีกาโต้แย้งว่าตามคำเบิกความของพยานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่ามีการจับกุมตัวจำเลยข้อโต้แย้งของจำเลยเป็นการโต้แย้งในเรื่องการฟังพยานว่าควรจะฟังไปในทางใด ซึ่งเป็นดุลพินิจในการฟังพยานหลักฐานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218: การโต้แย้งดุลพินิจการรับฟังพยานและดุลพินิจการลงโทษ ถือเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดแต่ละกระทงไม่เกิน1ปีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218. ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าพนักงานจับกุมตัวจำเลยตามที่ผู้เสียหายแจ้งจำเลยหลบหนีไประหว่างที่เจ้าพนักงานควบคุมตัวจำเลยจำเลยฎีกาโต้แย้งว่าตามคำเบิกความของพยานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่ามีการจับกุมตัวจำเลยข้อโต้แย้งของจำเลยเป็นการโต้แย้งในเรื่องการฟังพยานว่าควรจะฟังไปในทางใดซึ่งเป็นดุลพินิจในการฟังพยานหลักฐานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การแก้ไขบทกฎหมายโดยศาลอุทธรณ์ และการฎีกาที่ไม่ชัดเจน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 266 จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ส่วนกำหนดโทษคงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขเฉพาะการปรับบทกฎหมายในการลงโทษโดยมิได้แก้ไขโทษ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยลงลายมือชื่อแทน ด. โดยได้รับมอบหมายด้วยวาจา การกระทำของจำเลยไม่ทำให้ ด. เสียหายหรือในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จำเลยไม่มีเจตนาปลอมเอกสาร และหากฟังว่าจำเลยกระทำผิด ก็ขอให้รอการลงโทษ ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว
ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์ไม่ชัดเจนเคลือบคลุม ทำให้จำเลยหลงต่อสู้คดี แต่จำเลยมิได้ยกเหตุผลขึ้นอ้างอิง ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมตอนใด เหตุใดจึงทำให้จำเลยหลงต่อสู้ เป็นฎีกาที่ไม่ชัดเจน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบด้วย มาตรา225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 50