พบผลลัพธ์ทั้งหมด 464 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 968-970/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนจำกัดอำนาจและการรับผิดในสัญญา: การที่ตัวการยินยอมให้ตัวแทนทำสัญญาในนามตนเอง ทำให้ตัวการต้องรับผิดตามสัญญา
บุคคลภายนอกเข้าทำสัญญากับบุคคลผู้หนึ่งโดยเข้าใจว่าบุคคลนั้นทำสัญญาเพื่อตนเอง ต่อมาความจริงปรากฏว่าบุคคลนั้นเป็นเพียงตัวแทนของตัวการผู้ซึ่งยอมให้ตัวแทนทำการออกนอกหน้าเป็นตัวการ ตัวการย่อมต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามสัญญานั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1523/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวการต่อหนี้ที่ตัวแทนก่อขึ้นจากการทำสัญญาซื้อขายเพื่อสร้างโรงน้ำแข็ง
เมื่อฟ้องของโจทก์ในข้อ 2 กล่าวว่าจำเลยที่ 2 เชิดจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของและผู้จัดการโรงน้ำแข็ง จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อเครื่องก่อสร้างไปสร้างโรงน้ำแข็ง จึงขอให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ดังนี้ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องตัวการตัวแทนได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น
อนึ่งเมื่อฟังว่าตามทะเบียนแท้จริงจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโรงน้ำแข็ง แม้ภายหลังจำเลยที่ 1 ที่ 2 พิพาทกัน ศาลพิพากษาว่าโรงน้ำแข็งเป็นของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างก็ตาม เมื่อการก่อสร้างโรงน้ำแข็งรายนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 2 ดังนี้ จำเลยที่ 2 ผู้เป็นเจ้าของโรงนี้แข็งรายนี้จำต้องรับผิดในฐานะเป็นตัวการของจำเลยที่ 1 โดยตรงตามกฎหมาย.
อนึ่งเมื่อฟังว่าตามทะเบียนแท้จริงจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโรงน้ำแข็ง แม้ภายหลังจำเลยที่ 1 ที่ 2 พิพาทกัน ศาลพิพากษาว่าโรงน้ำแข็งเป็นของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างก็ตาม เมื่อการก่อสร้างโรงน้ำแข็งรายนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 2 ดังนี้ จำเลยที่ 2 ผู้เป็นเจ้าของโรงนี้แข็งรายนี้จำต้องรับผิดในฐานะเป็นตัวการของจำเลยที่ 1 โดยตรงตามกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1523/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวการต่อการกระทำของตัวแทนในการก่อสร้างโรงน้ำแข็ง
เมื่อฟ้องของโจทก์ในข้อ 2 กล่าวว่า จำเลยที่ 2 เชิดจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของและผู้จัดการโรงน้ำแข็ง จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อเครื่องก่อสร้างไปสร้างโรงน้ำแข็งจึงขอให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ดังนี้ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องตัวการตัวแทนได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น
อนึ่งเมื่อฟังว่าตามทะเบียนแท้จริงจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโรงน้ำแข็ง แม้ภายหลังจำเลยที่ 1 ที่ 2 พิพาทกัน ศาลพิพากษาว่าโรงน้ำแข็งเป็นของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างก็ตาม เมื่อการก่อสร้างโรงน้ำแข็งรายนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 2 ดังนี้จำเลยที่ 2 ผู้เป็นเจ้าของโรงน้ำแข็งรายนี้จำต้องรับผิดในฐานะเป็นตัวการของจำเลยที่ 1 โดยตรงตามกฎหมาย
อนึ่งเมื่อฟังว่าตามทะเบียนแท้จริงจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโรงน้ำแข็ง แม้ภายหลังจำเลยที่ 1 ที่ 2 พิพาทกัน ศาลพิพากษาว่าโรงน้ำแข็งเป็นของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างก็ตาม เมื่อการก่อสร้างโรงน้ำแข็งรายนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 2 ดังนี้จำเลยที่ 2 ผู้เป็นเจ้าของโรงน้ำแข็งรายนี้จำต้องรับผิดในฐานะเป็นตัวการของจำเลยที่ 1 โดยตรงตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามข่มขืนและการสมคบเพื่อกระทำความผิดทางอาญา
ชายเตะขาหญิงล้มแล้วตบเตะจิกผมขึ้นคร่อมนอนทับแล้วปลดกระดุมกางเกงและเลิกผ้าถุงหญิงขึ้นไปถึงโคนขา หญิงเอามือกดผ้าถุงปิดของลับและยันอกชายไว้ร้องให้คนช่วย ชายอุดปากบีบคอจับนมและจูบแก้มหญิงจนมีคนวิ่งมาร้องถาม ชายจึงผละหนีไปดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าชายมีเจตนาจะข่มขืนกระทำชำเราหญิง พฤติการณ์จึงเป็นการพยายามข่มขืนกระทำชำเรา
การที่จำเลยพูดกับชายนั้นแล้วเดินตามหญิงมากับชายนั้น ขณะที่ชายกอดปล้ำหญิง จำเลยยืนถือมีดห่างหญิง 1 ศอก ทั้งยังช่วยตบเตะและพูดขู่ไม่ให้หญิงร้อง เมื่อชายให้จำเลยไปคอยจำเลยก็ไป ตอนที่มีคนวิ่งไล่ชายนั้นจำเลยก็วิ่งหนีแล้วหันกลับมาท้าคนไล่ชายนั้นยังเอามีดของจำเลยมาขู่คนไล่จนจำเลยกับชายนั้นวิ่งเข้าป่าไป พฤติการณ์เหล่านี้ย่อมส่อแสดงว่าจำเลยได้สมคบกับชายนั้นมาแต่ต้นจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการด้วย.
การที่จำเลยพูดกับชายนั้นแล้วเดินตามหญิงมากับชายนั้น ขณะที่ชายกอดปล้ำหญิง จำเลยยืนถือมีดห่างหญิง 1 ศอก ทั้งยังช่วยตบเตะและพูดขู่ไม่ให้หญิงร้อง เมื่อชายให้จำเลยไปคอยจำเลยก็ไป ตอนที่มีคนวิ่งไล่ชายนั้นจำเลยก็วิ่งหนีแล้วหันกลับมาท้าคนไล่ชายนั้นยังเอามีดของจำเลยมาขู่คนไล่จนจำเลยกับชายนั้นวิ่งเข้าป่าไป พฤติการณ์เหล่านี้ย่อมส่อแสดงว่าจำเลยได้สมคบกับชายนั้นมาแต่ต้นจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พฤติการณ์แสดงเจตนาข่มขืนและการสมคบคิดเป็นตัวการในความผิดฐานพยายามข่มขืน
ชายเตะขาหญิงล้มแล้วตบเตะจิกผมขึ้นคร่อมนอนทับแล้วปลดกระดุมกางเกงและเลิกผ้าถุงหญิงขึ้นไปถึงโคนขา หญิงเอามือกดผ้าถุงปิดของลับและยันอกชายไว้ร้องให้คนช่วย ชายอุดปากบีบคอจับนมและจูบแก้มหญิง จนมีคนวิ่งมาร้องถามชายจึงผละหนีไปดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าชายมีเจตนาจะข่มขืนกระทำชำเราหญิง พฤติการณ์จึงเป็นการพยายามข่มขืนกระทำชำเรา
การที่จำเลยพูดกับชายนั้นแล้วเดินตามหญิงมากับชายนั้นขณะที่ชายกอดปล้ำหญิง จำเลยยืนถือมีดห่างหญิง 1 ศอกทั้งยังช่วยตบเตะและพูดขู่ไม่ให้หญิงร้อง เมื่อชายให้จำเลยไปคอยจำเลยก็ไป ตอนที่มีคนวิ่งไล่ชายนั้นจำเลยก็วิ่งหนีแล้วหันกลับมาท้าคนไล่ ชายนั้นยังเอามีดของจำเลยมาขู่คนไล่จนจำเลยกับชายนั้นวิ่งเข้าป่าไปพฤติการณ์เหล่านี้ย่อมส่อแสดงว่าจำเลยได้สมคบกับชายนั้นมาแต่ต้นจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการด้วย
การที่จำเลยพูดกับชายนั้นแล้วเดินตามหญิงมากับชายนั้นขณะที่ชายกอดปล้ำหญิง จำเลยยืนถือมีดห่างหญิง 1 ศอกทั้งยังช่วยตบเตะและพูดขู่ไม่ให้หญิงร้อง เมื่อชายให้จำเลยไปคอยจำเลยก็ไป ตอนที่มีคนวิ่งไล่ชายนั้นจำเลยก็วิ่งหนีแล้วหันกลับมาท้าคนไล่ ชายนั้นยังเอามีดของจำเลยมาขู่คนไล่จนจำเลยกับชายนั้นวิ่งเข้าป่าไปพฤติการณ์เหล่านี้ย่อมส่อแสดงว่าจำเลยได้สมคบกับชายนั้นมาแต่ต้นจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีพนัน: การกำหนดเวลาในฟ้อง, การลงโทษฐานตัวการ, และขอบเขตการพิจารณาคดี
เกี่ยวกับการกระทำผิดในคดีอาญาเล่นการพนันสลากกินรวบโจทก์บรรยายฟ้องว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ตลอดจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2496 เวลากลางวันและกลางคืนแม้จะกล่าวเป็นเป็นเวลานานถึง 9 เดือนก็ตาม จำเลยก็พอเข้าใจข้อกล่าวหาได้ดีแล้ว นอกจากนั้นโจทก์ยังได้ยืนยันกล่าวว่าจำเลยได้ขายสลากประจำวันที่ 30 กันยายน 2496 อีกด้วย ดังนี้ฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
และในฟ้องของโจทก์ก็แสดงว่าจำเลยทุกคนเป็นตัวการกระทำผิดในคดีนี้ เมื่อข้อเท็จจริงโจทก์สืบได้สม แม้โจทก์มิได้อ้าง ก.ม.อาญา ม.63 ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งหมดฐานเป็นตัวการได้ ไม่เป็นการพิจารณาเกินคำขอ
และในฟ้องของโจทก์ก็แสดงว่าจำเลยทุกคนเป็นตัวการกระทำผิดในคดีนี้ เมื่อข้อเท็จจริงโจทก์สืบได้สม แม้โจทก์มิได้อ้าง ก.ม.อาญา ม.63 ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งหมดฐานเป็นตัวการได้ ไม่เป็นการพิจารณาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีพนัน: การกำหนดเวลาในฟ้อง, ตัวการ, และการลงโทษ
เกี่ยวกับการกระทำผิดในคดีอาญาเล่นการพนันสลากกินรวบโจทก์บรรยายฟ้องว่าตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2496 ตลอดจนถึงวันที่30 กันยายน 2496 เวลากลางวันและกลางคืนแม้จะกล่าวเป็นเวลานานถึง 9 เดือนก็ตาม จำเลยก็พอเข้าใจข้อกล่าวหาได้ดีแล้ว นอกจากนั้นโจทก์ยังได้ยืนยันกล่าวว่าจำเลยได้ขายสลากประจำวันที่ 30 กันยายน 2496 อีกด้วย ดังนี้ฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
และในฟ้องของโจทก์ก็แสดงว่าจำเลยทุกคนเป็นตัวการกระทำผิดในคดีนี้ เมื่อข้อเท็จจริงโจทก์สืบได้สม แม้โจทก์มิได้อ้าง กฎหมายอาญา มาตรา 63 ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งหมดฐานเป็นตัวการได้ ไม่เป็นการพิจารณาเกินคำขอ
และในฟ้องของโจทก์ก็แสดงว่าจำเลยทุกคนเป็นตัวการกระทำผิดในคดีนี้ เมื่อข้อเท็จจริงโจทก์สืบได้สม แม้โจทก์มิได้อ้าง กฎหมายอาญา มาตรา 63 ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งหมดฐานเป็นตัวการได้ ไม่เป็นการพิจารณาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรู้ร่วมคิดกับการวิ่งราวทรัพย์: ผู้ให้พาหนะไม่ใช่ตัวการ
จำเลยร่วมรู้กับตัวการในการวิ่งราวทรัพย์ แต่จำเลยมิได้ลงมือทำการวิ่งราวด้วยพฤติการณ์ยังชี้ไม่ได้ว่ามีการแบ่งแยกหน้าที่กันทำ จำเลยเป็นแต่ให้รถเพื่อใช้เป็นกำลังพาหนะเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงผู้สมรู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรู้ร่วมคิดวิ่งราวทรัพย์: ผู้ให้รถพ้นจากฐานตัวการ
จำเลยร่วมรู้กับตัวการในการวิ่งราวทรัพย์ แต่จำเลยมิได้ลงมือทำการวิ่งราวด้วยพฤติการณ์ยังชี้ไม่ได้ว่ามีการแบ่งแยกหน้าที่กันทำ จำเลยเป็นแต่ให้รถเพื่อใช้เป็นกำลังพาหนะเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงผู้สมรู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1290/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานสมคบและร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย จำเลยมีส่วนร่วมในการทำร้ายและเป็นตัวการ
เมื่อได้ความว่าจำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งเข้ามาในที่เกิดเหตุด้วยกัน พอพวกของจำเลยเข้าทำร้ายผู้ตายจำเลยก็เข้าช่วยพวกของตนทำร้ายผู้ตายด้วยและเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกทำร้ายดังนี้จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการด้วย