พบผลลัพธ์ทั้งหมด 394 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะและการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรงเป็นเหตุลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 เป็นคุณแก่จำเลยยิ่งกว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 55
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะและการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ทำให้ศาลลดโทษจำเลยได้ตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 เป็นคุณแก่จำเลยยิ่งกว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 55
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนคนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนคนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากเหตุข่มเหง: การลดโทษอาญาในคดีทำร้ายถึงแก่ชีวิต
ผู้ตายไปพบนางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยอยู่บ้านคนเดียว ก็คุกคามเกรี้ยวกราดเป็นทำนองข่มเหงว่าจะฆ่าจะชำเรา ครั้นนางเกษร้องเอ็ดอึงขึ้น ผู้ตายเป็นพระภิกษุจึงต้องรีบลงจากเรือนไป แต่พอดีจำเลยทั้งสองกลับมาได้ยินเสียงร้องและเมื่อทราบเรื่องเลยออกติดตามทันทีจำเลยตามไปห่างเรือน 6 - 7 เส้น ก็ทันและทำร้ายผู้ตายนอนตายอยู่บนถนน ถือว่า การกระทำของนายสุวรรณจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นแล้ว
ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคล หาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคล หาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะ: การลดโทษอาญาในกรณีที่ผู้ถูกข่มเหงกระทำผิดต่อผู้ข่มเหงภายหลังเหตุข่มเหง
ผู้ตายไปพบนางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยอยู่บ้านคนเดียวก็คุกคามเกรี้ยวกราดเป็นทำนองข่มเหงว่าจะฆ่าจะชำเรา ครั้นนางเกษร้องเอ็ดอึงขึ้น ผู้ตายเป็นพระภิกษุจึงต้องรีบลงจากเรือนไป แต่พอดีจำเลยทั้งสองกลับมาได้ยินเสียงร้องและเมื่อทราบเรื่องเลยออกติดตามทันที จำเลยตามไปห่างเรือน 6-7 เส้น ก็ทันและทำร้ายผู้ตายนอนตายอยู่บนถนน ถือว่าการกระทำของนายสุวรรณจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นแล้ว
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคลหาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคลหาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการวินิจฉัยคุณแก่จำเลยแม้ไม่ได้ยกข้อต่อสู้ และความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนาจากบันดาลโทสะ
คดีอาญา หากปรากฏในทางพิจารณาจะวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลย ในทางใดได้ แม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งมา ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเป็นผลดีแก่จำเลยได้
จำเลยและผู้ตายเป็นสามีภริยากัน ได้เกิดทะเลาะกัน เพราะจำเลยตีบุตร ผู้ตายตีจำเลย ๆ กำลังนั่งกินหมากอยู่ จึงใช้มีดเขียนหมากแทงสวนไป 1 ที ถูกที่ชายโครงข้างขวา ค่อนข้างไปทางหลังลึกทะลุใน ผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา
จำเลยและผู้ตายเป็นสามีภริยากัน ได้เกิดทะเลาะกัน เพราะจำเลยตีบุตร ผู้ตายตีจำเลย ๆ กำลังนั่งกินหมากอยู่ จึงใช้มีดเขียนหมากแทงสวนไป 1 ที ถูกที่ชายโครงข้างขวา ค่อนข้างไปทางหลังลึกทะลุใน ผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการวินิจฉัยผลดีแก่จำเลยแม้มิได้ยกขึ้นเอง และการพิจารณาความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา
คดีอาญา หากปรากฏในทางพิจารณาจะวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยในทางใดได้ แม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งมา ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเป็นผลดีแก่จำเลยได้
จำเลยและผู้ตายเป็นสามีภริยากัน ได้เกิดทะเลาะกันเพราะจำเลยตีบุตร ผู้ตายตีจำเลย จำเลยกำลังนั่งกินหมากอยู่จึงใช้มีดเจียนหมากแทงสวนไป 1 ที ถูกที่ชายโครงข้างขวา ค่อนข้างไปทางด้านหลังลึกทะลุใน ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา
จำเลยและผู้ตายเป็นสามีภริยากัน ได้เกิดทะเลาะกันเพราะจำเลยตีบุตร ผู้ตายตีจำเลย จำเลยกำลังนั่งกินหมากอยู่จึงใช้มีดเจียนหมากแทงสวนไป 1 ที ถูกที่ชายโครงข้างขวา ค่อนข้างไปทางด้านหลังลึกทะลุใน ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณา 'ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง' เพื่อการจ่ายบำนาญตกทอดกรณีวิวาท การกระทำที่เกิดจากบันดาลโทสะไม่ถือเป็นความผิดร้ายแรง
ต่างฝ่ายต่างสมัครใจทำร้ายกัน ซึ่งปรากฏว่าฝ่ายนายทหารเรือถูกนายเงินกับพวกยิงมีบาดเจ็บหลายแห่งถึงแก่ความตาย ฝ่ายนายเงินกับพวกไม่มีบาดเจ็บอย่างไรเลย ที่เกิดเหตุเป็นที่สาธารณะ ตามพฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่ถือว่านายทหารเรือผู้นั้นประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามความในมาตรา 48 พ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญฯ พ.ศ. 2494 เพราะรูปเรื่องเหตุที่จะเกิดเนื่องจากการโต้เถียงท้าทายกันอันไม่ปรากฏว่าเป็นความผิดของฝ่ายนายทหารเรือ ทำให้เกิดบันดาลโทสะขึ้นโดยปัจจุบัน ไม่ทันยั้งคิด ซึ่งย่อมอาจจะมีได้ แก่สามัญชนทั่ว ๆ ไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 354/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยบันดาลโทสะจากเหตุถูกข่มเหง การกระทำเพื่อป้องกันตัวและลดโทษ
ผู้ตายได้มาร้องด่าท้าทายพ่อตาจำเลยและจำเลยอยู่ที่ประตูรั้วบ้านด้วยถ้อยคำหยาบช้าต่างๆ แล้วจำเลยกระโดดลงจากเรือนไปเมื่อผู้ตายเข้ามาในบริเวณบ้านเกิดต่อสู้ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันผู้ตายมีมีดยาวประมาณ 1 ศอกจำเลยมีหอกยาว 140 ซ.ม.ผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ ถือว่า จำเลยได้กระทำโดยบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม
จำเลยถูกผู้ตายร้องด่าท้าทายก่อนถึง 2 ครั้งในระยะใกล้ชิดติดกัน ผู้ตายยังบังอาจถือมีดเข้ามาในลานบ้านของจำเลยอีกดังนี้เป็นเหตุให้ศาลลงโทษสถานเบา
จำเลยถูกผู้ตายร้องด่าท้าทายก่อนถึง 2 ครั้งในระยะใกล้ชิดติดกัน ผู้ตายยังบังอาจถือมีดเข้ามาในลานบ้านของจำเลยอีกดังนี้เป็นเหตุให้ศาลลงโทษสถานเบา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุบันดาลโทสะ ลดหย่อนโทษพยายามฆ่า: ศาลฎีกาใช้ดุลพินิจลดโทษจำเลยที่กระทำผิดด้วยความหึงหวงและถูกข่มเหง
เหตุบันดาลโทษะตามประมวลกฎหมายอาญาฉบับใหม่ให้อำนาจศาลไว้ว่าจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่ ก.ม.กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุบันดาลโทสะ ลดโทษทางอาญา: ศาลใช้ดุลยพินิจลดโทษจำเลยที่กระทำผิดด้วยความหึงหวงและถูกข่มเหง
เหตุบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญาฉบับใหม่ให้อำนาจศาลไว้ว่าจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้