พบผลลัพธ์ทั้งหมด 560 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินความรุนแรงบาดแผลเพื่อพิจารณาความผิดฐานทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย แม้ผู้ขับขี่ขับรถประมาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 และพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2477 มาตรา 29(4), 66 ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว จำเลยที่1ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 กระทำประมาทฝ่ายเดียว ขอให้ยกฟ้องแม้จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์โต้แย้งในเรื่องบาดแผลมาด้วย ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยได้
แม้การขับรถของจำเลยเป็นที่น่าหวาดเสียว เป็นเหตุให้เกิดชนกันอย่างแรง ต่างเสียหายมากอย่างไรก็ตาม เมื่อลักษณะบาดแผลของผู้เสียหายที่ได้รับมีเพียงเจ็บบริเวณข้อศอกและปลายแขนซ้ายมีรอยช้ำเล็กน้อย รักษาประมาณ 2 วัน เท่านี้ ยังไม่รุนแรงจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390
แม้การขับรถของจำเลยเป็นที่น่าหวาดเสียว เป็นเหตุให้เกิดชนกันอย่างแรง ต่างเสียหายมากอย่างไรก็ตาม เมื่อลักษณะบาดแผลของผู้เสียหายที่ได้รับมีเพียงเจ็บบริเวณข้อศอกและปลายแขนซ้ายมีรอยช้ำเล็กน้อย รักษาประมาณ 2 วัน เท่านี้ ยังไม่รุนแรงจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 927/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ – บรรเทาผลร้าย – รอการลงโทษ
รถยนต์ของจำเลยกับรถจักรยานยนต์ฝ่ายผู้ตายขับเกิดชนกันเพราะประมาททั้งสองฝ่าย.เมื่อเกิดเหตุแล้ว จำเลยมิได้หลบหนีแต่ได้หยุดลงไปดูผู้ตาย ได้มอบตัวเองกับเจ้าพนักงานตำรวจ และได้มอบเงินจำนวนหนึ่งพอสมควรเป็นค่าทำศพแก่บิดามารดาผู้ตาย ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งแห่งการพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดและเมื่อปรากฏว่าการที่รถชนกันเพราะความประมาทในการขับรถของผู้ตายมากกว่าจำเลยด้วยแล้ว เป็นเหตุให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทจากการไม่จัดการผู้โดยสารเกาะห้อยโหนรถ และขอบเขตความรับผิดของนายจ้างและผู้ถือหุ้น
จำเลยซึ่งเป็นผู้ขับรถยนต์โดยสาร เห็นโจทก์ยืนเกาะห้อยโหนบันไดรถ ตัวโจทก์ยื่นออกไปนอกรถ แล้วยังคงขับรถต่อไปโดยไม่จัดการมิให้มีการเกาะห้อยโหนเช่นนั้นเสียก่อน ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาท
โจทก์มีส่วนผิดเพราะเกาะห้อยโหนรถ ความรับผิดของจำเลยจึงต้องลดลงตามส่วน
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเพียงผู้ถือหุ้นและหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 อยู่แล้ว มิใช่นายจ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1
โจทก์มีส่วนผิดเพราะเกาะห้อยโหนรถ ความรับผิดของจำเลยจึงต้องลดลงตามส่วน
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเพียงผู้ถือหุ้นและหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 อยู่แล้ว มิใช่นายจ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาทจากการยึดปืน-ความผิดพ.ร.บ.อาวุธปืน: จำเลยไม่ประมาท ปืนลั่นจากความเสี่ยงของผูปฏิบัติ
จำเลยเมาสุราอยู่ร้านขายสุรา ผู้เสียหายซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนบอกให้จำเลยกลับบ้าน จำเลยว่าไม่เมา จะกลับเองแต่ลุกไม่ขึ้น ผู้เสียหายจึงพยุงให้จำเลยลุกขึ้นและผู้เสียหายว่าจำเลยพกปืนอยู่จึงบอกจำเลยว่าขอปืนมาเก็บ จำเลยจะชักปืนออมาให้ แต่ผู้เสียหายกลับไปกดมือจำเลยไว้ไม่ให้จำเลยดึงออกมา ปืนของจำเลยอยู่สภาพที่ลั่นได้ง่ายถ้าใช้ไม่เป็น การปลดปืนออกจากซองต้องใช้นิ้วสอดเข้าไปที่โกร่งไกปืน กดสปริงพร้อมกับดึงปืนขึ้น การที่ผู้เสียหายเสี่ยงภัยกดมือจำเลยไว้ไม่ยอมให้จำเลยดึงปืนออกมาแล้วปืนเกิดลั่นขึ้นถูกขาผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัสนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทขาดความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์
จำเลยได้ซื้ออาวุธปืนตามแบบ ป.3 แล้ว แต่มิได้นำปืนไปจดทะเบียนรับใบอนุญาต ป.4 ภายในกำหนดเวลา จำเลยจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายของพนักงานประทับไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และอาวุธปืนต้องถูกริบ
จำเลยได้ซื้ออาวุธปืนตามแบบ ป.3 แล้ว แต่มิได้นำปืนไปจดทะเบียนรับใบอนุญาต ป.4 ภายในกำหนดเวลา จำเลยจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายของพนักงานประทับไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และอาวุธปืนต้องถูกริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาทจากการพยายามแย่งปืน และความผิดฐานมีปืนที่ไม่ได้จดทะเบียน
จำเลยเมาสุราอยู่ในร้านขายสุรา ผู้เสียหายซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนบอกให้จำเลยกลับบ้าน จำเลยว่าไม่เมาจะกลับเอง แต่ลุกไม่ขึ้น ผู้เสียหายจึงพยุงให้จำเลย ลุกขึ้นและผู้เสียหายว่าจำเลยพกปืนอยู่จึงบอกจำเลยว่า ขอ ปืนมาเก็บ จำเลยจะชักปืนออกมาให้ แต่ผู้เสียหายกลับไปกดมือจำเลยไว้ไม่ให้จำเลยดึงปืนออกมา ปืนของจำเลยอยู่ในสภาพลั่นได้ง่ายถ้าใช้ไม่เป็น การปลดปืนออกจากซองต้องใช้นิ้วสอดเข้าไปที่โกร่งไกปืน กดสปริงพร้อมกับดึงปืนขึ้น การที่ผู้เสียหายเสี่ยงภัยกดมือจำเลยไว้ไม่ยอมให้จำเลยดึงปืนออกมา แล้วปืนเกิดลั่นขึ้นถูกขาผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัสนั้น ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยกระทำโดยประมาทขาดความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์
จำเลยได้ซื้ออาวุธปืนตามแบบ ป.3 แล้ว แต่มิได้นำปืนไปจดทะเบียนรับใบอนุญาต ป.4 ภายในกำหนดเวลา จำเลยจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงานประทับไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และอาวุธปืนต้องถูกริบ
จำเลยได้ซื้ออาวุธปืนตามแบบ ป.3 แล้ว แต่มิได้นำปืนไปจดทะเบียนรับใบอนุญาต ป.4 ภายในกำหนดเวลา จำเลยจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงานประทับไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และอาวุธปืนต้องถูกริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2251/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาททำให้ถึงแก่ความตาย แต่มีส่วนร่วมของผู้อื่นและมีการถอนฟ้อง
จำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ ก. ตาย แต่เหตุก็มิได้เกิดจากผลแห่งการกระทำของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวบิดาของ ก. ก็มีส่วนร่วมก่อให้เกิดผลนี้ด้วย ประกอบกับบิดาของ ก. ไม่ติดใจเอาเรื่องราวจำเลย คดีมีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทจากการขับรถยนต์เก่าชำรุดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถด้วยความประมาทโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่ารถที่จำเลยขับมีสภาพเก่าและชำรุดมาก มีเครื่องอุปกรณ์ส่วนประกอบไม่ครบถ้วน ไม่มั่นคงแข็งแรงพอที่จะขับขี่ไปในถนนหลวง หรือจะจัดการแก้ไขซ่อมแซมให้มั่นคงเสียก่อน แต่จำเลยบังอาจขับรถดังกล่าวไปตามถนนหลวง คานล้อหน้าด้านขวาของรถจำเลยซึ่งผุและชำรุดอยู่แล้วหลุดออกจากตัวรถ และล้อหน้าด้านขวาหลุดออกจากคานบังคับเป็นเหตุให้รถเสียการทรงตัวเอียงไปทางขวา วิ่งแฉลบออกล้ำเส้นทางไปทางขวา จำเลยไม่สามารถบังคับให้รถหยุดได้เพราะเบรคชำรุดรถจำเลยจึงเฉี่ยวรถคันอื่นซึ่งวิ่งสวนทางมา เป็นเหตุให้คนในรถคันนั้นถึงแก่ความตาย เมื่อทางพิจารณาได้ความว่ารถจำเลยมีสภาพเก่าชำรุดไม่มั่นคงพอที่จะนำออกขับไปตามถนนหลวง แต่จำเลยก็ยังขืนนำออกขับไปถึงแม้จะได้ความว่าเหตุเกิดขึ้นเพราะล้อหน้าด้านขวาของรถจำเลยหลุดเหตุที่ล้อหลุดก็เพราะน็อตขาด ซึ่งเนื่องมาจากรถมีสภาพเก่าชำรุดอยู่แล้วนั่นเอง ดังนี้ แม้จะไม่ได้ความเรื่องคานล้อหน้าหลุดก็เป็นเพียงข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่สารสำคัญ จะถือเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่ และยังถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทขับรถบนถนนชำรุดทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต ความรับผิดชอบและเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยขับรถยนต์ไปตามถนนหลวงที่เป็นหลุมเป็นบ่อด้วยความเร็วสูง เป็นเหตุให้รถเกิดการกระแทกโดยแรง ทำให้เสื้อเพลารถซึ่งแตกร้าวอยู่ก่อนแล้วขาด ล้อหลังข้างซ้ายของรถจึงหลุดกลิ้งออกไปชนกระแทก ส. โดยแรงถึงแก่ความตาย นับว่าผลที่เกิดขึ้นจากความประมาทของจำเลย และเหตุที่ทำให้ ส. ตาย เป็นเรื่องที่ถึงคราวจะเกิดขึ้นในเวลาและสถานที่ที่พอดีกัน สภาพความผิดในคดีนี้ไม่เป็นความผิดประมาทอย่างร้ายแรง ทั้งคดีมีเหตุบรรเทาโทษโดยจำเลยให้การรับสารภาพและได้ช่วยเหลือจัดการศพผู้ตายสมควรให้รอการลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1226/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษทางอาญา: ดุลพินิจศาล, การประมาทเลินเล่อ, การชดใช้ค่าเสียหาย และการปราบปรามอาชญากรรม
การลงโทษแก่ผู้กระทำผิดมิใช่คำนึงแต่เพียงในแง่ส่วนตัวของผู้กระทำผิดเท่านั้นแต่เพื่อปราบปรามให้เกรงขามและรักษาความสงบเรียบร้อยโดยทั่ว ๆ ไปด้วย การที่จำเลยกระทำโดยประมาทอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้คนตายนั้น แม้จำเลยได้ยอมชดใช้เงินค่าเสียหายให้แก่เจ้าทุกข์และบิดาผู้ตายก่อนโดยดีมาตั้งแต่ต้นก็ตาม ก็เป็นข้อที่ศาลได้มีดุลพินิจกำหนดโทษให้เบาลงมากอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษให้จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนเข้าบ้านโดยประมาท และทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ ถือเป็นความผิดอาญา
จำเลยยิงปืนเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยจำเลยทราบว่ามีคนอยู่ในบ้านนั้นกระสุนปืนอาจจะถูกผู้เสียหายและพวกซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นได้ และกระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงได้ทะลุบ้านผู้เสียหายไปถูกผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านอีกหลังหนึ่งได้รับบาดเจ็บ เช่นนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80