คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้เสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,243 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5774/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของโจทก์ผู้เสียหายจากการเบิกถอนแบตเตอรี่ และอายุความการฟ้องละเมิด
เมื่อกรมสารบรรณทหารได้ซื้อแบตเตอรี่จากโจทก์ และขอฝากแบตเตอรี่ที่ซื้อไว้กับโจทก์ แต่โจทก์ยังมิได้กำหนดแบ่งแยกไว้แน่นอนว่าจะขายแบตเตอรี่หม้อใดให้ แบตเตอรี่จึงยังเป็นของโจทก์เพราะกรรมสิทธิ์ในแบตเตอรี่ยังไม่โอนไปยังกรมสารบรรณทหารผู้ซื้อตามป.พ.พ. มาตรา 460 โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยให้ชดใช้แบตเตอรี่ที่เอาไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว โจทก์เป็นนิติบุคคลสังกัดกระทรวงกลาโหม ผู้อำนวยการเป็น ผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ กระทรวงกลาโหมสั่งตั้งกรรมการสอบสวน ข้อเท็จจริง และพิจารณาหาตัวผู้รับผิดชอบทางแพ่ง คณะกรรมการสอบสวน ทำการสอบสวนแล้วมีความเห็นว่าจำเลยที่ 1 จะต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ และได้เสนอความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น จนถึงรัฐมนตรีฯ รัฐมนตรีฯ ได้มีคำสั่งให้ดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการและ ได้มีการแจ้งให้ผู้อำนวยการโจทก์ทราบเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2526 ถือว่าโจทก์รู้ว่าจำเลยที่ 1 พึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม2526.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4726/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เสียหายโดยนิตินัยในความผิดเช็ค: เจ้าของเงินกู้ที่แท้จริง
จำเลยกู้ยืมเงินจากผู้เสียหาย ส่วน ภ. เป็นเพียงตัวแทนของผู้เสียหายในการให้จำเลยกู้ยืมเงิน ดังนั้นความเสียหายที่แท้จริง จึงอยู่ที่ผู้เสียหายผู้เป็นเจ้าของเงินกู้ เมื่อเช็คที่จำเลย สั่งจ่ายถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้เสียหายย่อมได้รับ ความเสียหาย จึงถือว่าเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3827/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: ฆ่าและลักทรัพย์จากผู้ตายและผู้เสียหายโดยมีเจตนาเดียวกัน
จำเลยวางแผนการที่จะฆ่าผู้ตายและผู้เสียหายเพื่อจะเอาทรัพย์มาตั้งแต่เวลาประมาณ 11 นาฬิกา เมื่อมีโอกาสจึงฆ่าผู้ตายก่อน โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทรัพย์จากผู้ตายหรือไม่ แล้วจำเลยจึงฆ่าผู้เสียหายและเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป แต่ผู้เสียหายไม่ตายตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยกระทำต่อผู้ตายและผู้เสียหายด้วยเจตนาอันเดียวกันและเป็นการกระทำต่อเนื่องกันถือได้ว่าเป็นการกระทำในคราวเดียวกัน จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทมิใช่หลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 329/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานจากคำให้การของผู้เสียหายและการชี้ตัวผู้ต้องหา แม้พยานหลักฐานจะขัดแย้งกันในภายหลัง
ผู้เสียหายถูกคนร้ายจับตัวไปควบคุมอยู่ 1 เดือน 3 วัน จึงหลบหนีมาแจ้งความให้การระบุชื่อ คนร้ายไว้ ต่อมาไม่นานจำเลยถูกจับกุม ผู้เสียหายก็ชี้ ตัวยืนยันว่าเป็นคนร้าย ครั้งภายหลัง15 ปี จำเลยถูกดำเนินคดีโดยจัดให้ผู้เสียหายมาชี้ ตัวซ้ำอีก แม้ครั้งหลังนี้ผู้เสียหายไม่ยืนยัน แต่การที่จำเลยยอมรับว่าเคยถูกชี้ ตัวมาแล้วครั้งหนึ่งและเคยให้การรับสารภาพว่าร่วมปล้นทรัพย์กับจับตัวผู้เสียหายไปเรียกค่าไถ่จริง ข้อเท็จจริงเช่นนี้เพียงพอรับฟังว่าจำเลยเป็นคนร้าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโทรมหญิง พยานหลักฐานสนับสนุนคำเบิกความผู้เสียหายเพียงพอให้ลงโทษได้
โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ร่วมข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายด้วยคนหนึ่งกับมี ป.น.จ. และ ช. เป็นพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีโดยป. เบิกความสนับสนุนว่าเมื่อ ป. ให้เสียงเพื่อให้คนร้ายหนีก็เห็นจำเลยวิ่งออกจากที่เกิดเหตุไป ขณะ ป.ช่วยสวมเสื้อผ้าให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายบอกว่าจำเลยเป็นคนร้าย ส่วน น.จ. และ ช. เบิกความยืนยันข้อเท็จจริงที่ว่า ในคืนนั้นหลังเกิดเหตุแล้วผู้เสียหายได้ระบุชื่อจำเลยว่าเป็นคนร้าย ประกอบกับมีบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยฟังเจือสมกับคำเบิกความของผู้เสียหายด้วย ดังนี้ฟังได้ว่าจำเลยร่วมกระทำผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์: พยานหลักฐานเชื่อได้ว่าจำเลยลักถุงกระดาษใส่เงินของผู้เสียหายไปจากร้านก๋วยเตี๋ยว
ธ.เบิกความว่า เห็นถึงกระดาษวางอยู่บนโต๊ะที่เข้าไปนั่งจึงบอกให้จำเลยเก็บไป ต่อมาประมาณ 10 นาทีผู้เสียหายเข้ามาถามหาถุงกระดาษ ธ. บอกว่าเรียกให้จำเลยเอาไปเก็บที่หลังตู้แล้ว แต่ขณะนั้นจำเลยไม่อยู่แล้วผู้เสียหายจึงตามไป ธ. เป็นประจักษ์พยานของโจทก์ไม่รู้จักผู้เสียหายและเป็นผู้หยิบถุงกระดาษใส่เงินให้จำเลยเอง จึงเป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์ใกล้ชิดจำเลยห่างกันไม่เกิน 2 เมตร หลังเกิดเหตุ ธ. ไปที่สถานีตำรวจพบจำเลยก็ยืนยันต่อเจ้าพนักงานตำรวจทันทีว่าจำเลยคือผู้ที่ ธ.เรียกมาเก็บถุงกระดาษใส่เงินและชั้นสอบสวน ธ.เป็นผู้นำชี้ที่เกิดเหตุ ดังนี้คำเบิกความของ ธ. มีเหตุผลน่าเชื่อถือ จำเลยเป็นผู้เอาถุงกระดาษใส่เงินของผู้เสียหายไปและหลังจากรู้ตัวว่าลืมถุงกระดาษใส่เงินไว้ที่ร้านจำเลยเพียง 10 นาที ผู้เสียหายก็รีบออกจากสำนักงานที่ดินซึ่งอยู่บริเวณเดียวกับร้านจำเลยติดตามหาถุงกระดาษใส่เงินทันที เช่นนี้ถือได้ว่าผู้เสียหายยังมีการครอบครองถุงกระดาษใส่เงินอยู่ เมื่อจำเลยเอาไปจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2193/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายจากการฉ้อโกง: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ถูกกระทำโดยตรง มิใช่ผู้เสียผลประโยชน์ทางอ้อม
การที่จำเลยนำเช็คที่บริษัท ล. สั่งจ่ายให้โจทก์ร่วม ซึ่งจำเลยได้ปลอมลายมือชื่อของโจทก์ร่วมสลักหลังให้จำเลยแล้วนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ของธนาคารตามเช็คเพื่อเรียกเก็บเงินเข้าบัญชีของจำเลย แม้จะเป็นการหลอกลวงโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้แจ้งก็ตาม แต่ก็เป็นการกระทำต่อธนาคารและเจ้าหน้าที่ของธนาคารโดยตรง ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการกระทำต่อโจทก์ร่วม หากโจทก์ร่วมจะได้รับความเสียหายเพราะเสียสิทธิที่จะได้รับเงินตามเช็คไป ก็เป็นความเสียหายที่โจทก์ร่วมได้รับในความผิดฐานปลอมเอกสาร หาใช่ความเสียหายจากการหลอกลวงของจำเลยไม่ โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานฉ้อโกงและไม่มีสิทธิร้องทุกข์ในความผิดฐานนี้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกิน2 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำเลยไม่เกินกำหนดดังกล่าว จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ป.วิ.อ.(ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 12 ที่โจทก์ฎีกาว่าไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้จำเลยเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการกำหนดโทษจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2176/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนคดีอาญาที่ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว แม้ผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์โดยตรง
คดีอาญาซึ่งมิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความกันได้ แม้ไม่มีการร้องทุกข์ พนักงานสอบสวน ก็ มีอำนาจสอบสวนได้โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 121 วรรคหนึ่ง เมื่อทำการสืบสวน หรือสอบสวนไปทั้งหมดหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนได้แล้ว พนักงานสอบสวนไม่จัดให้มีการร้องทุกข์ตามระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 123,124,125 ก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้การสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วนั้นเสียไป พนักงานอัยการโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเมื่อจำเลยอ้างเหตุผลที่ไม่เคยโต้แย้งในชั้นศาล
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง มิได้โต้เถียงว่าผู้ใดเป็นผู้เสียหาย ปัญหาเรื่องผู้ใดจะเป็นผู้เสียหายจึงยุติไปแล้ว ที่จำเลยฎีกามาเพียงประการเดียวว่า ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบในเรื่องผู้เสียหายแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในฟ้องนั้นเป็นการยกข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้โต้เถียงไว้ในศาลชั้นต้นมาอ้างอันเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1641/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีเช็ค: ผู้รับเช็คในฐานะผู้แทนห้างหุ้นส่วน ไม่มีอำนาจเป็นผู้เสียหาย
โจทก์ร่วมได้รับเช็คพิพาทจากจำเลยในฐานะเป็นผู้แทน ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ไม่ใช่ฐานะส่วนตัว โจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์พนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ร่วมไม่มีอำนาจเข้าร่วมเป็นโจทก์
of 125