พบผลลัพธ์ทั้งหมด 477 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนคดีระหว่างศาล: ดุลพินิจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.23 และเหตุผลแห่งการโอน
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 23 วรรค 2 นั้นการโอนคดีไปชำระยังศาลอื่น กฎหมายให้ศาลใช้ดุลพินิจสั่งตามสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดี และเหตุผลเป็นเรื่อง ๆ ไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจโอนคดีระหว่างศาล: ดุลพินิจตามมาตรา 23 ว.พ.พ. และผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 23 วรรคสองนั้น
การโอนคดีไปชำระยังศาลอื่น กฎหมายให้ศาลใช้ดุลพินิจสั่งตามสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดี และเหตุผลเป็นเรื่องๆ ไป
การโอนคดีไปชำระยังศาลอื่น กฎหมายให้ศาลใช้ดุลพินิจสั่งตามสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดี และเหตุผลเป็นเรื่องๆ ไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้าทายพยานผู้เชี่ยวชาญลายมือและลายพิมพ์นิ้วมือ: ผลไม่สมบูรณ์ ไม่ตัดสิทธิการพิจารณาคดี
คู่ความท้ากัน ให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ลายมือและลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญากู้และสัญญาค้ำประกัน เป็นข้อแพ้ชนะ เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจแล้วรายงานต่อศาลว่า ลายเซ็นในสัญญากู้มีลักษณะเชื่อได้ว่า ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลยและลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญาค้ำประกันเลอะเลือนไม่ชัดเจนพอที่จะตรวจพิสูจน์ได้ ดังนี้ ถือว่าผลของการตรวจพิสูจน์ไม่ครบถ้วนตามคำท้าจะพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีไม่ได้ต้องพิจารณาคดีต่อไป เมื่อทางพิจารณาไม่ได้ความว่ามีการกู้และค้ำประกัน ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การตรวจลายมือ และลายพิมพ์นิ้วมือไม่ได้ผลตามคำท้า ต้องพิจารณาสืบพยานต่อไป และพิพากษาให้โจทก์ชนะจำเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียวว่า จำเลยต้องชนะคดีตามคำท้า แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดีตามคำพยานโจทก์ฎีกา จำเลยแก้ฎีกาอ้างข้อโต้แย้งว่า คดีต้องให้จำเลยชนะคดีตามคำท้า ดังนี้ เรื่องที่คู่ความท้ากันเป็นประเด็นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยได้
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การตรวจลายมือ และลายพิมพ์นิ้วมือไม่ได้ผลตามคำท้า ต้องพิจารณาสืบพยานต่อไป และพิพากษาให้โจทก์ชนะจำเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียวว่า จำเลยต้องชนะคดีตามคำท้า แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดีตามคำพยานโจทก์ฎีกา จำเลยแก้ฎีกาอ้างข้อโต้แย้งว่า คดีต้องให้จำเลยชนะคดีตามคำท้า ดังนี้ เรื่องที่คู่ความท้ากันเป็นประเด็นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมโนสาเร่: ศาลมีอำนาจพิจารณาโดยไม่ต้องรอคำแก้คดี หากจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลอาจพิจารณาแต่คำฟ้องอย่างเดียว เมื่อเห็นว่าเป็นคดีมโนสาเร่ ก็ออกหมายเรียกจำเลยอย่างคดีมโนสาเร่ได้ทีเดียว ยังไม่ต้องพิจารณาคำแก้คดีด้วย
ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากที่ดินอันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 500 บาท การที่โจทก์ขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปด้วย ก็เป็นแต่ผลบังคับส่วนหนึ่งของการขับไล่ แม้กระทบถึงอสังหาริมทรัพย์ คือ สิ่งปลูกสร้างของจำเลยด้วย ก็ไม่ทำให้เป็นคดีแพ่งสามัญ
เมื่อการขาดนัดยื่นคำให้การเป็นความผิดของจำเลยเองแล้ว จำเลยจะมาโต้เถียงอีกไม่ได้ว่า ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดเสียก่อนทำให้ไม่มีคำให้การแก้คดีของจำเลยที่จะให้ศาลวินิจฉัยว่าเป็นคดีแพ่งสามัญ
ในคดีมโนสาเร่ เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ แม้ศาลจะไม่ได้นัดสืบพยานไว้ ศาลก็ยังมีอำนาจดำเนินการพิจารณาดคีในวัดนัดตามหมายเรียกนั้นต่อไปได้ตามมาตรา 193 วรรค 4 และในกรณีที่จำเลยไม่มาศาลก็ยังมีผลเท่ากับจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาด้วยแล้ว ฉะนั้น การที่ศาลแจ้งไปในหมายเรียกด้วยว่าวัดนัดตามหมายนั้นเป็นวัดนัดสืบพยานด้วย จึงไม่ขัดต่อกฎหมาย
ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากที่ดินอันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 500 บาท การที่โจทก์ขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปด้วย ก็เป็นแต่ผลบังคับส่วนหนึ่งของการขับไล่ แม้กระทบถึงอสังหาริมทรัพย์ คือ สิ่งปลูกสร้างของจำเลยด้วย ก็ไม่ทำให้เป็นคดีแพ่งสามัญ
เมื่อการขาดนัดยื่นคำให้การเป็นความผิดของจำเลยเองแล้ว จำเลยจะมาโต้เถียงอีกไม่ได้ว่า ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดเสียก่อนทำให้ไม่มีคำให้การแก้คดีของจำเลยที่จะให้ศาลวินิจฉัยว่าเป็นคดีแพ่งสามัญ
ในคดีมโนสาเร่ เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ แม้ศาลจะไม่ได้นัดสืบพยานไว้ ศาลก็ยังมีอำนาจดำเนินการพิจารณาดคีในวัดนัดตามหมายเรียกนั้นต่อไปได้ตามมาตรา 193 วรรค 4 และในกรณีที่จำเลยไม่มาศาลก็ยังมีผลเท่ากับจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาด้วยแล้ว ฉะนั้น การที่ศาลแจ้งไปในหมายเรียกด้วยว่าวัดนัดตามหมายนั้นเป็นวัดนัดสืบพยานด้วย จึงไม่ขัดต่อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1850/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดี: สิทธิอุทธรณ์จำกัดเมื่อจำเลยไม่ติดใจให้พิจารณาต่อไป
โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ขาดนัดพิจารณา จำเลยแถลงว่าตนไม่ติดใจจะให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป ศาลจึงสั่งจำหน่ายคดีเสีย แล้วโจทก์จะมาอ้างว่าไม่ได้จงใจขาดนัดอันจะเป็นเหตุให้ถือว่าขาดนัดพิจารณา ขอให้ศาลไต่สวนและสั่งว่าโจทก์ไม่ได้ขาดนัดพิจารณา แล้วให้ดำเนินคดีต่อไปดังนี้ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินการพิจารณาคดีหลังศาลฎีกาให้พิจารณาต่อ การอนุญาตถอนฟ้องซ้ำเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณา
การที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง แต่ศาลฎีกาให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปนั้น หาใช่ให้ศาลชั้นต้นฟังจำเลยเสียใหม่ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 แล้วมีคำสั่งไม่ แต่ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาต่อไปตามกระบวนความทีเดียว ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นนัดคู่ความมาสอบถามเกี่ยวกับคำขอถอนฟ้อง เดิมของโจทก์และถือว่าได้ฟังจำเลยถูกต้อง สั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ จึงเป็นการรื้อฟื้นเอาคำขอถอนฟ้องของโจทก์ที่ตกไปแล้วขึ้นมาพิจารณาสั่งซ้ำอีก ย่อมไม่ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขาดนัดพิจารณาคดี ศาลสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวได้
ศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ ถึงกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาลถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 197 วรรค 2 และมาตรา 202ศาลย่อมสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาต้องแสวงหาความจริง แม้จำเลยรับสารภาพ ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานที่อาจทำให้จำเลยไม่ต้องรับโทษ
ถึงแม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง และโจทก์จำเลยแถลงไม่สืบพยานก็ดี หากมีหลักฐานบางอย่างปรากฏอยู่ในสำนวนว่าถ้าเป็นจริงตามหลักฐานนั้น จะไม่อาจลงโทษจำเลยได้แล้วศาลก็ชอบที่จะพิจารณาหลักฐานข้อนั้นให้ได้ความแน่ชัดเสียก่อนเช่น สอบถามโจทก์ หรือสืบพยานหลักฐานที่อาจมีต่อไปให้เสร็จสิ้นแล้วจึงพิพากษาคดีไปตามที่ได้ความนั้นไม่ใช่ด่วนพิพากษาไปตามคำรับสารภาพนั้นเลยทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีหลายกระทง ศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณาเฉพาะกระทงที่ยังไม่ถึงที่สุด
โจทก์ฟ้องในข้อหาต่างกระทงกันต่อศาลแขวง แม้ข้อหากระทงหนึ่งซึ่งศาลแขวงยกฟ้องจะยุติไปเพราะต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงก็ดี แต่ข้อหากระทงอื่น ซึ่งไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงเพราะไม่ใช่คดีที่อัตราโทษอยู่ในอำนาจศาลแขวงพิจารณาพิพากษาก็หายุติตามไปด้วยไม่และศาลไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตามกระทงที่ยุติไปเพราะต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์จึงต้องพิจารณาข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาในกระทงอื่นที่ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงนั้นต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 735/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแขวงในคดีฟ้องเท็จ: ศาลแขวงไม่มีอำนาจพิจารณาคดีอัตราโทษสูงกว่าที่กำหนด
คดีฟ้องเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175 ซึ่งเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษานั้น เมื่อไต่สวนเห็นว่าคดีมีมูลแล้ว ศาลแขวงไม่มีอำนาจจะยกมาตรา 176 มาบังคับแก่คดี