พบผลลัพธ์ทั้งหมด 584 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสินบริคณห์โมฆียะแต่ยังไม่บอกล้าง โจทก์ฟ้องขับไล่ไม่ได้
ภริยานำเอาที่นาสินบริคณห์ไปให้จำเลยเช่าโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นสามีสัญญาเช่านั้นย่อมตกเป็นโมฆียะ
แม้สัญญาเช่าเป็นโมฆียะ แต่เมื่อโจทก์ยังมิได้บอกล้าง สัญญาเช่านั้นก็คงยังสมบูรณ์ การที่จำเลยเข้าทำนาโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่ ย่อมไม่เป็นละเมิด โจทก์จะฟ้องขับไล่หาว่าจำเลยบุกรุกและเรียกค่าเสียหายหาได้ไม่
ปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า การที่โจทก์ฟ้องจำเลยจะถือว่าเป็นการบอกล้างโมฆียะกรรมโดยพฤตินัยได้หรือไม่ ไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แม้สัญญาเช่าเป็นโมฆียะ แต่เมื่อโจทก์ยังมิได้บอกล้าง สัญญาเช่านั้นก็คงยังสมบูรณ์ การที่จำเลยเข้าทำนาโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่ ย่อมไม่เป็นละเมิด โจทก์จะฟ้องขับไล่หาว่าจำเลยบุกรุกและเรียกค่าเสียหายหาได้ไม่
ปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า การที่โจทก์ฟ้องจำเลยจะถือว่าเป็นการบอกล้างโมฆียะกรรมโดยพฤตินัยได้หรือไม่ ไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินโดยมิชอบ การฟ้องขับไล่ และค่าเสียหายจากการทำประโยชน์ในที่ดิน
การที่โจทก์แบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรและบุตรอื่นทำกินมิได้ทำให้โจทก์หมดสิทธิหรือขาดประโยชน์ในที่พิพาทเมื่อจำเลยที่ 2 เข้าทำนาพิพาทโจทก์ห้ามแต่จำเลยที่ 2 ไม่ฟังเป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้ทำนาแล้ว แม้โจทก์อายุมาก ทำนาเองไม่ได้ ก็ไม่เป็นเหตุให้อ้างได้ว่าโจทก์ไม่เสียหาย
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้อง ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาระหว่างนายคอบกับจำเลยที่ 1 เท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่านายคอยเป็นผู้ทำนิติกรรมการโอนกับจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนายคอยในสำนวนแสดงว่าเป็นคำขอที่พิมพ์คลาดเคลื่อน ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอบและจำเลยที่ 1 เสียได้
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้อง ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาระหว่างนายคอบกับจำเลยที่ 1 เท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่านายคอยเป็นผู้ทำนิติกรรมการโอนกับจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนายคอยในสำนวนแสดงว่าเป็นคำขอที่พิมพ์คลาดเคลื่อน ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอบและจำเลยที่ 1 เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและการรื้อฟ้องคดีที่ถึงที่สุด: การฟ้องขับไล่หลังทำสัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์เป็นผู้เช่าที่ดินซึ่งมีบ้านของจำเลยปลูกอยู่โดยอาศัยสิทธิโจทก์. โจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยมาแล้วครั้งหนึ่งให้รื้อบ้านออกไป. อ้างเหตุว่าจำเลยก่อความรำคาญ. แต่โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์ยอมรับว่าบ้านเป็นของจำเลย. โจทก์จะไม่รบกวนสิทธิของจำเลยเกี่ยวกับบ้านต่อไป. ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว. บัดนี้โจทก์กลับมาฟ้องขับไล่ให้จำเลยรื้อบ้านออกไปจากที่ดินอีก. อ้างเหตุว่า จำเลยประพฤติตนไม่เหมาะสมโดยไม่ได้อ้างเหตุใหม่อะไรเลย. ย่อมเป็นการรื้อร้องฟ้องคดีที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วในประเด็นได้วินิจฉัย. โดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำ.
โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความไว้ว่า. โจทก์จะไม่รบกวนสิทธิของจำเลยเกี่ยวกับบ้านต่อไป. หากจำเลยมิได้กระทำการใดๆ ขึ้นใหม่ จำเลยก็ย่อมมีสิทธิที่จะอยู่ในที่ดินที่โจทก์เช่าต่อไป. โจทก์จะอาศัยเหตุอย่างเดียวกับที่ฟ้องจำเลยและทำสัญญาประนีประนอมยอมความไว้แล้ว. มาฟ้องขับไล่จำเลยอีกมิได้.
โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความไว้ว่า. โจทก์จะไม่รบกวนสิทธิของจำเลยเกี่ยวกับบ้านต่อไป. หากจำเลยมิได้กระทำการใดๆ ขึ้นใหม่ จำเลยก็ย่อมมีสิทธิที่จะอยู่ในที่ดินที่โจทก์เช่าต่อไป. โจทก์จะอาศัยเหตุอย่างเดียวกับที่ฟ้องจำเลยและทำสัญญาประนีประนอมยอมความไว้แล้ว. มาฟ้องขับไล่จำเลยอีกมิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่และข้อพิพาทซื้อขายที่ดิน การยกเหตุไม่ครบถ้วนชำระหนี้ในชั้นอุทธรณ์ และอายุความฟ้องขับไล่
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยซื้อที่ดินของโจทก์ชำระค่าที่ดินยังไม่ครบ แต่ไม่ได้ยกเหตุที่จำเลยชำระค่าที่ดินไม่ตรงตามกำหนดทุกเดือน โจทก์จะยกปัญหาข้อนี้ในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้ เพราะมิได้ว่ากล่าวมาแต่ศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อที่ดินของโจทก์แล้วผิดสัญญา จึงฟ้องเรียกที่ดินคืนจำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ชำระราคาที่ดินให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว จึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนการซื้อขาย ดังนี้ ฟ้องแย้งเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับฟ้องเดิม
ที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินจำเลยแย่งการครอบครองมาจนถึงวันฟ้องเกินกว่า 1 ปีโจทก์หมดสิทธิจะฟ้องขับไล่จำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 (อ้างฎีกาที่ 1694-1695/2500)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อที่ดินของโจทก์แล้วผิดสัญญา จึงฟ้องเรียกที่ดินคืนจำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ชำระราคาที่ดินให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว จึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนการซื้อขาย ดังนี้ ฟ้องแย้งเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับฟ้องเดิม
ที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินจำเลยแย่งการครอบครองมาจนถึงวันฟ้องเกินกว่า 1 ปีโจทก์หมดสิทธิจะฟ้องขับไล่จำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 (อ้างฎีกาที่ 1694-1695/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่หลังสัญญาเช่าสิ้นสุด: ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ หากมูลฟ้องใหม่เกิดขึ้นหลังฟ้องคดีเดิม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าในระหว่างที่สัญญาเช่ายังมีอายุอยู่ โดยจำเลยให้เช่าช่วงและทำให้อาคารที่เช่าเสียหาย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย แต่คดีนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมไว้แล้ว คือหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมแล้วนั้น บัดนี้ครบกำหนดอายุสัญญาเช่า สัญญาเช่าจึงสิ้นสุดลงในเวลาที่คดีเดิมอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยยังไม่ออกจากอาคารที่เช่า โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคดีนี้ขึ้นใหม่ มูลฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เกิดขึ้นหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมแล้วโจทก์จึงฟ้องคดีนี้ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2511)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่หลังสัญญาเช่าสิ้นสุด: ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้มีคดีเดิมเกี่ยวกับสัญญาเช่า
คดีเดิมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าในระหว่างที่สัญญาเช่ายังมีอายุอยู่โดยจำเลยให้เช่าช่วงและทำให้อาคารที่เช่าเสียหาย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย แต่คดีนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมไว้แล้วคือหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมแล้วนั้น บัดนี้ครบกำหนดอายุสัญญาเช่าสัญญาเช่าจึงสิ้นสุดลงในเวลาที่คดีเดิมอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยยังไม่ออกจากอาคารที่เช่าโจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคดีนี้ขึ้นใหม่ มูลฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เกิดขึ้นหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมแล้วโจทก์จึงฟ้องคดีนี้ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่หลังสัญญาเช่าสิ้นสุด: ไม่เป็นฟ้องซ้ำ หากมูลฟ้องใหม่เกิดขึ้นหลังฟ้องคดีเดิม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าในระหว่างที่สัญญาเช่ายังมีอายุอยู่โดยจำเลยให้เช่าช่วงและทำให้อาคารที่เช่าเสียหาย. โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย. แต่คดีนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมไว้แล้วคือหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมแล้วนั้น. บัดนี้ครบกำหนดอายุสัญญาเช่า.สัญญาเช่าจึงสิ้นสุดลงในเวลาที่คดีเดิมอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น. จำเลยยังไม่ออกจากอาคารที่เช่าโจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคดีนี้ขึ้นใหม่ มูลฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เกิดขึ้นหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมแล้วโจทก์จึงฟ้องคดีนี้ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173.(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2511).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1855/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ละเมิดจากสิ่งปลูกสร้างกีดขวางการใช้ประโยชน์ที่ดินและสาธารณสมบัติ ผู้รับโอนสิทธิไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 3308 อยู่ริมแม่น้ำ โดยซื้อจาก บ. ซึ่ง บ. รับซื้อจาก อ. อีกต่อหนึ่งที่ดินแปลงนี้อยู่ติดกับบ้านของจำเลยซึ่งปลูกอยู่ชายตลิ่งแม่น้ำในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตัวเรือนของจำเลยบังหน้าที่ดินของโจทก์ ขัดต่อความสะดวกในการที่โจทก์จะใช้สอยหรือรับประโยชน์จากแม่น้ำลำคลองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังนี้ถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายพิเศษ จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ไม่เสียหาย เพราะที่ดินโจทก์ใช้เป็นทางเดินจำเป็นแล้ว ย่อมไม่ได้ (อ้างฎีกาที่1095/2500)
พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 89 หาได้ตัดอำนาจโจทก์ที่จะฟ้องร้องจำเลยทางแพ่งเพื่อบังคับตามสิทธิของโจทก์อันมีอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่
คดีแดงที่ 3425/2504 นั้น ศาลวินิจฉัยในประเด็นที่ว่าจำเลยปลูกเรือนอยู่ได้เพราะบิดาของ อ. โจทก์ในคดีนั้นให้จำเลยเช่า และโจทก์ได้รับรองการเช่าแล้ว โจทก์ในคดีนั้นจึงไม่มีอำนาจที่จะฟ้องขับไล่จำเลย เพราะจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ อันเป็นประเด็นโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องเช่าทรัพย์ ไม่ใช่เรื่องละเมิด ส่วนคดีนี้โจทก์อ้างว่าได้รับซื้อที่ดินโฉนดที่ 3308 จาก บ. โดย บ. ซื้อจาก อ. เป็นโฉนดแบ่งแยกจากโฉนดเลขที่ 2389 คือ ที่ดินที่พิพาทในคดีแดงที่3425/2504 แต่โจทก์คดีนี้มิได้เป็นคู่ความกับจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3425/2504 จะถือว่าโจทก์เป็นผู้สืบสิทธิมาจากโจทก์ในคดีก่อนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับโจทก์ในคดีก่อนเป็นสัญญาเช่าที่ในแม่น้ำนอกที่ดินที่โจทก์ในคดีนี้ซื้อมา จึงไม่ได้โอนมายังโจทก์พร้อมกับที่ดินที่โจทก์ซื้อ คดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเช่าทรัพย์ดังในคดีก่อน ประเด็นในคดีนี้คือ โจทก์ให้จำเลยออกไปจากหน้าที่ดิน จำเลยไม่ยอมออก อันเป็นเรื่องละเมิด ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ 3425/2504
พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 89 หาได้ตัดอำนาจโจทก์ที่จะฟ้องร้องจำเลยทางแพ่งเพื่อบังคับตามสิทธิของโจทก์อันมีอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่
คดีแดงที่ 3425/2504 นั้น ศาลวินิจฉัยในประเด็นที่ว่าจำเลยปลูกเรือนอยู่ได้เพราะบิดาของ อ. โจทก์ในคดีนั้นให้จำเลยเช่า และโจทก์ได้รับรองการเช่าแล้ว โจทก์ในคดีนั้นจึงไม่มีอำนาจที่จะฟ้องขับไล่จำเลย เพราะจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ อันเป็นประเด็นโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องเช่าทรัพย์ ไม่ใช่เรื่องละเมิด ส่วนคดีนี้โจทก์อ้างว่าได้รับซื้อที่ดินโฉนดที่ 3308 จาก บ. โดย บ. ซื้อจาก อ. เป็นโฉนดแบ่งแยกจากโฉนดเลขที่ 2389 คือ ที่ดินที่พิพาทในคดีแดงที่3425/2504 แต่โจทก์คดีนี้มิได้เป็นคู่ความกับจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3425/2504 จะถือว่าโจทก์เป็นผู้สืบสิทธิมาจากโจทก์ในคดีก่อนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับโจทก์ในคดีก่อนเป็นสัญญาเช่าที่ในแม่น้ำนอกที่ดินที่โจทก์ในคดีนี้ซื้อมา จึงไม่ได้โอนมายังโจทก์พร้อมกับที่ดินที่โจทก์ซื้อ คดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเช่าทรัพย์ดังในคดีก่อน ประเด็นในคดีนี้คือ โจทก์ให้จำเลยออกไปจากหน้าที่ดิน จำเลยไม่ยอมออก อันเป็นเรื่องละเมิด ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ 3425/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185-195/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาเดิม แม้จำเลยอ้างการครอบครองต่อเนื่อง ศาลไม่ต้องฟ้องขับไล่ใหม่
คดีที่ศาลพิพากษาให้ลงโทษปรับและให้จำเลยออกจากป่าที่แผ้วถาง. เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา.กล่าวคือ ยังคงครอบครองป่าที่ศาลสั่งให้ออกอยู่ โจทก์จึงมีคำขอต่อศาลให้บังคับคดี. ศาลย่อมมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาขั้นบังคับคดีแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15. โดยไม่จำเป็นจะต้องให้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในทางแพ่งขึ้นมาใหม่. จำเลยจะอ้างว่าตนได้ครอบครองที่ป่ามาช้านานจนกลายเป็นที่นา.ดังนี้ถือว่า เป็นการอ้างข้อเท็จจริงมาใหม่ขัดกับข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติในทางพิจารณา. หากจะฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างมา ก็เท่ากับให้ดำเนินคดีกับจำเลยใหม่ ซึ่งจะมีผลเป็นการแก้ไขคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วย่อมเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190.โดยห้ามมิให้แก้ไขคำพิพากษาหรือคำสั่งซึ่งอ่านแล้ว.นอกจากถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินเช่า, การบอกเลิกสัญญาเช่า, และการฟ้องขับไล่เมื่อครบกำหนดสัญญา
ที่พิพาทเป็นของโจทก์ แม้จะมีข้อจำกัดกรรมสิทธิ์บางส่วนตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พ.ศ.2485. โจทก์ก็มีสิทธิให้จำเลยเช่าได้. และโจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้.
จำเลยทำสัญญาเช่าที่รายพิพาทจากโจทก์ เมื่อวันที่ 1เมษายน 2492 มีกำหนด 3 ปี. เมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่าแล้ว จำเลยครองที่พิพาทอยู่. จำเลยได้ชำระค่าเช่าให้โจทก์เรื่อยมา. โจทก์เพิ่งบอกเลิกสัญญาเช่าเมื่อเดือนมกราคม2504. โจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้. คดีไม่ขาดอายุความ.
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายถึงวันฟ้อง. เมื่อศาลเห็นสมควรศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจนถึงวันที่จำเลยรื้อถอนโรงเรือนออกไปจากที่ดินของโจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(4).
จำเลยทำสัญญาเช่าที่รายพิพาทจากโจทก์ เมื่อวันที่ 1เมษายน 2492 มีกำหนด 3 ปี. เมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่าแล้ว จำเลยครองที่พิพาทอยู่. จำเลยได้ชำระค่าเช่าให้โจทก์เรื่อยมา. โจทก์เพิ่งบอกเลิกสัญญาเช่าเมื่อเดือนมกราคม2504. โจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้. คดีไม่ขาดอายุความ.
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายถึงวันฟ้อง. เมื่อศาลเห็นสมควรศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจนถึงวันที่จำเลยรื้อถอนโรงเรือนออกไปจากที่ดินของโจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(4).