คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 831 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3687/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาเด็กและเยาวชนหลังพ้นกำหนดระยะเวลา ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ
ขณะที่จำเลยกระทำผิดและถูกจับกุม จำเลยยังเป็นเยาวชนตามพระราชบัญญัติ วิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 4จำเลยย่อมได้รับการปฏิบัติและความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้แม้ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้อง จำเลยมีอายุพ้นเกณฑ์เยาวชนแล้ว แต่สิทธิของจำเลยที่จะได้รับการปฏิบัติและความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติ ฉบับดังกล่าวยังมีอยู่ การที่โจทก์จะฟ้องจำเลยเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 24 ทวิ โจทก์ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการไม่ว่าจะเป็นการฟ้องต่อศาลใด เมื่อโจทก์มิได้รับอนุญาต โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องตามมาตรา 24 จัตวา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีต่อคณะกรรมการเช่าที่ดินฯ และการพิพากษาเกี่ยวกับอายุความและฐานะจำเลย
โจทก์ฟ้องคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตำบลและคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดเป็นจำเลยที่ 2ที่ 3 ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 เมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติรับรองให้คณะกรรมการดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดาจำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงไม่อยู่ในฐานะที่ถูกฟ้องร้องได้ และฟ้องโจทก์แปลความไม่ได้ว่า โจทก์ฟ้องตัวบุคคลที่ประกอบเป็นคณะกรรมการเพราะโจทก์มิได้ระบุชื่อเป็นรายบุคคล โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 2ที่ 3 ไม่ได้ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของที่นาพิพาทเป็นผู้บอกเลิกการเช่าแก่โจทก์เมื่อโจทก์เห็นว่าการบอกเลิกการเช่าไม่ชอบ จำเลยที่ 1จึงเป็นผู้โต้แย้งสิทธิเกี่ยวกับการเช่าที่นาพิพาทกับโจทก์ โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ให้โจทก์เช่าที่นาพิพาทต่อไปได้ทั้งนี้โดยอาศัยสิทธิตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 มาตรา 57 ซึ่งบัญญัติให้โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลได้ในกรณีที่โจทก์ไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอคืนทรัพย์สินของกลางที่ถูกยึดโดยมิได้ฟ้องคดี ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าต้องมีการฟ้องคดีก่อน จึงจะขอคืนได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
การที่เจ้าของแท้จริงจะร้องขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 โดยอ้างว่าตนเองมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดนั้น จะต้องเป็นกรณีที่ได้มีการฟ้องคดีต่อศาลแล้วเท่านั้นเมื่อมิได้มีการฟ้องคดีต่อศาล ผู้ร้องจึงจะมาร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนทรัพย์สินของผู้เสียหายในคดีอาญา ต้องมีการฟ้องคดีต่อศาลก่อน จึงจะอ้างมาตรา 36 เพื่อขอคืนทรัพย์สินได้
การที่เจ้าของแท้จริงจะร้องขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 โดยอ้างว่าตนเองมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดนั้น จะต้องเป็นกรณีที่ได้มีการฟ้องคดีต่อศาลแล้วเท่านั้นเมื่อมิได้มีการฟ้องคดีต่อศาล ผู้ร้องจึงจะมาร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3238/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมกับการสอบสวนเป็นคนละขั้นตอน แม้การจับกุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ไม่กระทบถึงการฟ้องคดีอาญา
การจับกุมกับการสอบสวนเป็นคนละขั้นตอนกัน ถ้าการสอบสวนชอบด้วยกฎหมาย แม้การจับกุมอาจไม่ชอบด้วยกฎหมายก็หา กระทบกระเทือนถึงการฟ้องคดีอาญาไม่ พนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3238/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมกับการสอบสวนเป็นคนละขั้นตอน แม้การจับกุมมิชอบด้วยกฎหมาย ไม่กระทบการฟ้องคดีอาญา
การจับกุมกับการสอบสวนเป็นคนละขั้นตอนกัน ถ้าการสอบสวนชอบด้วยกฎหมาย แม้การจับกุมอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็หา กระทบกระเทือนถึงการฟ้องคดีอาญาไม่ พนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3238/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมกับการสอบสวนแยกขั้นตอน แม้การจับกุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่กระทบต่อการฟ้องคดี
การจับกุมกับการสอบสวนเป็นคนละขั้นตอนกัน ถ้าการสอบสวนชอบด้วยกฎหมาย แม้การจับกุมอาจไม่ชอบด้วยกฎหมายก็หา กระทบกระเทือนถึงการฟ้องคดีอาญาไม่ พนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องคดีได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเพิ่มเติมและการมีอำนาจในการฟ้องคดีของผู้นำเสียภาษี
โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2524 และชำระภาษีเงินได้บางส่วนแล้วก่อนที่เจ้าพนักงานประเมินทำการประเมินโจทก์ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 แห่งเงินภาษีอากรที่เพิ่มขึ้น ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 22 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น การที่จำเลยที่ 2 ประเมินให้โจทก์รับผิดเสียเงินเพิ่มอีก 2 เท่าตามมาตรา 26 จึงเป็นการไม่ชอบ และการที่จำเลยประเมินให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้เต็มจำนวนโดยมิได้หักภาษีเงินได้ที่โจทก์ชำระไว้แล้วออกเสียก่อน ทำให้โจทก์ต้องชำระภาษีเงินได้ซ้ำซ้อน โจทก์มีอำนาจฟ้องต่อศาลขอให้เพิกถอนการประเมินในส่วนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้โดยไม่จำต้องใช้สิทธิอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เสียก่อน
โจทก์ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี 2523 คงยื่นแต่แบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี 2524 แม้เจ้าพนักงานประเมินจะได้ทำการประเมินภาษีเงินได้ของโจทก์ไปแล้วก็ตามภายใน 5 ปี นับแต่วันที่โจทก์ได้ยื่นแบบแสดงรายการ เมื่อเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าโจทก์แสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความจริงหรือไม่บริบูรณ์ เจ้าพนักงานประเมินก็มีอำนาจแก้จำนวนเงินที่ประเมินหรือที่ยื่นรายการไว้เดิม หรือทำการประเมินใหม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19,20และ 21 ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกให้โจทก์นำบัญชีพร้อมหลักฐานเอกสารประกอบการลงบัญชีและอื่น ๆ สำหรับปี 2523,2524 ไปส่งให้เจ้าพนักงานประเมินเพื่อตรวจสอบ แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตาม เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจประเมินภาษีเงินได้ประจำปี 2523 และ 2524 ของโจทก์ตามที่รู้เห็นว่าถูกต้องได้ตามมาตรา 25 และมาตรา 21 ตามลำดับซึ่งทั้งสองกรณีโจทก์ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน โจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องคดีต่อศาลเพื่อให้วินิจฉัยว่าโจทก์มีเงินได้พึงประเมินเป็นจำนวนเท่าใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1781/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความภาษีอากรสะดุดหยุดเมื่อแจ้งประเมินและมีการอุทธรณ์/ฟ้องคดีต่อเนื่อง แม้เวลาผ่านไปนาน
เมื่อโจทก์ได้รับแจ้งการประเมินจากจำเลยให้เสียภาษีอากรอายุความย่อมสะดุดหยุดลงนับแต่วันดังกล่าวตามประมาลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 แม้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะวินิจฉัยชั้ขาดอุทธรณ์เมื่อพัน 10 ปี นับแต่วันที่โจทก์ได้รับแจ้งการประเมิน แต่การที่โจทก์อุทธรณ์การประเมินดังกล่าวทั้งฟ้องคดีต่อศาลเป็นคดีนี้สืบเนื่องกันมา ถือได้ว่าเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 175 หนี้ค่าภาษีอากรของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1718/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยเช็คและการฟ้องคดีอาญา การที่เช็คไม่สามารถเรียกเก็บได้ไม่ได้ทำให้สิทธิในการฟ้องคดีเดิมระงับ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ในระหว่างการพิจารณาคดีโจทก์จำเลย ตกลงกันให้จำเลยใช้หนี้เพียงบางส่วน โดยส่วนหนึ่งจำเลยต้อง ชำระเป็นเงินสด 100,000 บาท แต่จำเลยกลับชำระเงินสดเพียง40,000 บาท กับออกเช็คเป็นเงิน 60,000 บาท ให้โจทก์และเช็คฉบับนี้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนี้ แม้โจทก์ได้นำเช็คฉบับนี้ มาฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาอีกคดีหนึ่งก็ตาม ก็ไม่เป็นเหตุทำให้สิทธิ ในการฟ้องคดีแรกของโจทก์ระงับไปเพราะโจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้สำหรับเช็ค 60,000 บาท ตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน มูลหนี้ตามเช็คในคดีแรกยังคงมีอยู่
of 84