พบผลลัพธ์ทั้งหมด 676 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3093/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องทุกข์ฐานบุกรุกและสิทธิในที่ดิน: แม้มีการผ่อนผันก็ไม่ถือเป็นการยินยอม และการใช้ประโยชน์ต่อเนื่องย่อมแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของ
เมื่อข้อความในบันทึกตามรายงานประจำวันแสดงถึงเจตนาของโจทก์กับพวกจะว่ากล่าวเอาผิดฐานบุกรุกแก่จำเลยแล้ว ก็ถือได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมได้ร้องทุกข์ตามกฎหมายแล้ว แม้จะมีข้อความว่าโจทก์กับพวกผ่อนผันให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปภายในกำหนด 2 เดือนก็ตาม ก็เป็นเพียงรอการดำเนินคดีไว้เท่านั้น หาใช่โจทก์ยินยอมไม่เอาความกับจำเลยต่อไปแต่ประการใดไม่
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทยังเป็นของโจทก์กับพวกอยู่ แม้น้ำจะเซาะที่ดินโจทก์กับพวกตรงที่พิพาทจนกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่งไปแล้วก็ตาม แต่โจทก์กับพวกก็ยังใช้สิทธิเป็นเจ้าของโดยใช้เป็นทางเข้าออกอยู่ มิได้ทอดทิ้งให้เป็นที่สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ที่พิพาทจึงไม่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทยังเป็นของโจทก์กับพวกอยู่ แม้น้ำจะเซาะที่ดินโจทก์กับพวกตรงที่พิพาทจนกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่งไปแล้วก็ตาม แต่โจทก์กับพวกก็ยังใช้สิทธิเป็นเจ้าของโดยใช้เป็นทางเข้าออกอยู่ มิได้ทอดทิ้งให้เป็นที่สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ที่พิพาทจึงไม่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2857/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเซ้งสัญญาเช่าและการมีอำนาจฟ้องขับไล่ เมื่อผู้เช่าเดิมยังไม่ยินยอมเป็นหนังสือต่อผู้ให้เช่า
ตามสัญญาเช่าระบุว่า ท. ผู้เช่ามีสิทธิโอนสิทธิการเช่าให้ผู้อื่นได้เมื่อได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้เช่าการที่ ท. ได้โอนสิทธิการเช่าให้โจทก์จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนสัญญา เพียงแต่ยังไม่ผูกพันผู้ให้เช่าจนกว่าจะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือ โจทก์จึงชอบที่จะโอนสิทธิการเช่าให้จำเลยต่อไปได้โดยนัยเดียวกันสัญญาเซ้งตึกแถวพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยไม่เป็นโมฆียะโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2840/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้หักเงินชดใช้หนี้ ไม่ถือเป็นการบังคับคดียึดหรืออายัด
โจทก์ได้ตกลงยินยอมให้จำเลยหักเงินเดือนเดือนสุดท้าย เงินสะสมพร้อมดอกเบี้ย และเงินบำเหน็จของโจทก์เพื่อชดใช้หนี้เงินยืมที่โจทก์ยืมจากจำเลย ตามระเบียบขององค์การผลิดอาหารสำเร็จรูปว่าด้วยเงินสะสมของผู้อำนวยการและพนักงาน อสร. พ.ศ. 2516 การหักเงินดังกล่าวหาใช่เป็นการบังคับคดียึดหรืออายัดเงินดังกล่าวของลูกหนี้แต่ประการใดไม่ กรณีจึงไม่อาจนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 มาใช้บังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2840/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้หักเงินชำระหนี้ ไม่เป็นการบังคับคดี ยึดหรืออายัดทรัพย์
โจทก์ได้ตกลงยินยอมให้จำเลยหักเงินเดือนเดือนสุดท้ายเงินสะสมพร้อมดอกเบี้ย และเงินบำเหน็จของโจทก์เพื่อชดใช้หนี้เงินยืมที่โจทก์ยืมจากจำเลย ตามระเบียบขององค์การผลิตอาหารสำเร็จรูปว่าด้วยเงินสะสมของผู้อำนวยการและพนักงานอสร. พ.ศ.2516 การหักเงินดังกล่าวหาใช่เป็นการบังคับคดียึดหรืออายัดเงินดังกล่าวของลูกหนี้แต่ประการใดไม่ กรณีจึงไม่อาจนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 286 มาใช้บังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมเข้าเสี่ยงภัยจากการวิวาทด้วยอาวุธปืน ทำให้ไม่เกิดละเมิดต่อคู่วิวาท
ม.สมัครใจเข้าวิวาทโดยใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นกรณีที่ ม. สมัครใจยินยอมเข้าเสี่ยงภัยยอมรับอันตรายหรือความเสียหายที่อาจจะเกิดมีขึ้นแก่ตนจากการยิงต่อสู้ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 1 ยิงถูก ม.ถึงแก่ความตายในการต่อสู้กันนั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อ ม. จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่จำต้องรับผิดชอบใช้ค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุที่ทำให้ ม.ถึงแก่ความตายนั้นแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019-2022/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างโดยไม่ยินยอมและการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า บริษัทโจทก์จะเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างจากข้อตกลงเดิมเป็นให้ลูกจ้างทำงานเป็นผลัดหรือเป็นกะโดยลูกจ้างไม่ยินยอมไม่ได้เพราะการทำงานเป็นผลัดนั้นไม่เป็นคุณแก่ลูกจ้างการที่ลูกจ้างไม่ได้โต้แย้งประกาศระเบียบข้อบังคับการทำงานฉบับใหม่จะถือว่าลูกจ้างได้ยินยอมแล้วยังไม่ได้การไม่เข้าทำงานจึงมิใช่การหยุดงานหรือการนัดหยุดงานการเลิกจ้างจึงสืบเนื่องมาจากข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสภาพการจ้างในระหว่างที่ข้อตกลงยังมีผลบังคับอยู่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา123 โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์มีเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงข้อตกลงสภาพการจ้างหากจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างไม่เห็นด้วยก็ชอบที่จะโต้แย้งทันทีแต่ไม่อาจหยุดงานได้การหยุดงานจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ต้องใช้ค่าเสียหายดังนี้ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงซึ่งศาลแรงงานกลางฟังมาและไม่มีความตอนใดที่เป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยชัดแจ้งจึงไม่เป็นอุทธรณ์ที่ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1736/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานปลอมแปลงเอกสารและยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตราประทับของราชการโดยมิชอบ ทำให้ราชการเสียหาย
จำเลยรับราชการเป็นพนักงานจ้าง ตำแหน่งพนักงานบำรุงป่าได้รับมอบหมายให้ใช้และรักษาดวงตราก้อนเหล็กประทับไม้ต.3986 ของกรมป่าไม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรต้องแต่งตั้งโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา75 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 จำเลยจึงเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม มาตรา4(16) ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ ดังกล่าวจำเลยได้รับมอบหมายให้ช่วยป่าไม้อำเภอตรวจสอบไม้ผ่านด่านออกใบเบิกทางจำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 160
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1478/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: คดีเช่าค่าเช่าไม่เกิน 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยไม่อาจฎีกาได้ และการยินยอมของสามีให้ฟ้องคดี
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท แม้โจทก์จะกล่าวมาในฟ้องด้วยว่า หากโจทก์จะให้ผู้อื่นเช่าในปัจจุบันจะได้ค่าเช่าไม่น้อยกว่าเดือนละ 6,000 บาทซึ่งโจทก์ใช้เป็นเกณฑ์คำนวณในการเรียกร้องเอาค่าเสียหายจำนวนเงิน 6,000 บาทนั้น ก็ไม่ใช่ค่าเช่าของอสังหาริมทรัพย์ในขณะยื่นคำฟ้อง เพราะเป็นแต่อาจให้เช่าได้ในอัตราดังกล่าวเท่านั้น เมื่อศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย คู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ในข้อที่ว่าโจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลา มีข้อเท็จจริงพอให้วินิจฉัยปัญหานี้ได้โดยไม่จำต้องสืบพยานที่เหลือต่อไปดังที่จำเลยขอสืบ ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยต่อไปนั้นชอบแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ยังไม่น่าจะฟังเป็นยุติได้แล้ว สมควรให้จำเลยได้เสนอพยานหลักฐานต่อไป ดังนี้เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานเท่าที่ได้สืบกันไปแล้วเป็นการเพียงพอที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงข้อนี้ได้แล้ว จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม
สามีโจทก์ทำหนังสือให้โจทก์มีข้อความว่า สามีโจทก์ยินยอมอนุญาตให้โจทก์ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยต่อศาลแพ่ง การให้ความยินยอมเช่นนี้ย่อมมีความหมายว่ายินยอมตลอดถึงการแต่งตั้งทนายความให้ฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาอื่น ๆ เกี่ยวกับคดีนั้นด้วย
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ในข้อที่ว่าโจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลา มีข้อเท็จจริงพอให้วินิจฉัยปัญหานี้ได้โดยไม่จำต้องสืบพยานที่เหลือต่อไปดังที่จำเลยขอสืบ ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยต่อไปนั้นชอบแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ยังไม่น่าจะฟังเป็นยุติได้แล้ว สมควรให้จำเลยได้เสนอพยานหลักฐานต่อไป ดังนี้เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานเท่าที่ได้สืบกันไปแล้วเป็นการเพียงพอที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงข้อนี้ได้แล้ว จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม
สามีโจทก์ทำหนังสือให้โจทก์มีข้อความว่า สามีโจทก์ยินยอมอนุญาตให้โจทก์ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยต่อศาลแพ่ง การให้ความยินยอมเช่นนี้ย่อมมีความหมายว่ายินยอมตลอดถึงการแต่งตั้งทนายความให้ฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาอื่น ๆ เกี่ยวกับคดีนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1297/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมอบงานก่อสร้างไม่ตรงตามสัญญา แม้มีข้อทักท้วงแต่ผู้ว่าจ้างยินยอมและเปิดให้ใช้ประโยชน์ ย่อมถือว่ารับมอบงาน
โจทก์ก่อสร้างถนนไม่ตรงตามสัญญา จำเลยไม่รับมอบงานได้โจทก์อ้างว่ากรรมการตรวจงานของจำเลยไม่ทักท้วงไม่ได้ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะสั่งให้สุขาภิบาลจ่ายเงินแก่โจทก์แต่เมื่อสภาพของถนนแข็งแรงพอใช้ได้จำเลยที่ 1 ผู้ว่าจ้างก็ยินยอมจะรับถนนไว้โดยการลดสินจ้างลง ทั้งโจทก์ก็ได้เปิดถนนให้ประชาชนใช้แล้วโดยจำเลยที่ 1 มิได้ทักท้วงแต่ประการใดถือได้ว่าถนนที่โจทก์ก่อสร้างตามสัญญาเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 1 ผู้ว่าจ้างจำเลยที่ 1 จำต้องรับการก่อสร้างตามสัญญาไว้และใช้สินจ้างตามสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็ก: การยินยอมของผู้เสียหายไม่มีผลต่อความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปีฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี โดยเด็กหญิงนั้นยินยอม ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจะฎีกาว่าสำคัญผิดคิดว่าผู้เสียหายอายุเกิน 13 ปีแล้วไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายอายุยังไม่เกิน13 ปีโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ทางพิจารณาปรากฏว่าผู้เสียหายยินยอมดังนี้ ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้องได้เพราะมาตรานี้บัญญัติว่าเด็กหญิงผู้ถูกกระทำชำเรานั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นความผิด จึงถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายอายุยังไม่เกิน13 ปีโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ทางพิจารณาปรากฏว่าผู้เสียหายยินยอมดังนี้ ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้องได้เพราะมาตรานี้บัญญัติว่าเด็กหญิงผู้ถูกกระทำชำเรานั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นความผิด จึงถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับฟ้อง